พระไตรปิฎก เล่ม 88 — ฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย

พระไตรปิฎก เล่ม 88

ฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย



พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 1

พระอภิธรรมปิฎก

เล่มที่ ๗

ปัฏฐาน ภาคที่ ๔

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อนุโลมทุกปัฏฐาน

๑. เหตุโคจฉกะ

๑. เหตุทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ, อโลภะ อโมหะ อาศัยอโทสะ,

อโลภะ อโทสะ อาศัยอโมหะ โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ,

โมหะ อาศัยโทสะ, โทสะ อาศัยโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุ ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

๑. บาลีเล่ม ๔๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 2

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 3

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ อาศัยโทสะ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และหทยวัตถุ ฯลฯ.

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุและเหตุธรรม.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และ

นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 4

คือ ขันธ์ ๓, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และโสภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ และอโลภะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณ-

ปัจจัย

ทิ้งรูปภูมิเสีย พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในอรูปภูมิเท่านั้น.

๓. อธิปติปัจจัย

เพราะอุปติปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี พึงกระทำให้บริบูรณ์.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

นี้เป็นข้อที่ต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 5

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖.สหชาตปัจจัย

เพราะอนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย เพราะสหชาต-

ปัจจัย

มีมหาภูตรูปทั้งหมดตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๑๓. วิปากปัจจัย

เพราะอัญญมัญญปัจจัย เพราะนิสสยปัจจัย เพราะอุปนิสสย-

ปัจจัย เพราะปุเรชาตปัจจัย เพราะอาเสวนปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี แม้ในภูมิ

ทั้งสอง.

เพราะกัมมปัจจัย เพราะวิปากปัจจัย เกิดขึ้น. เพราะอวิคตปัจจัย

ปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ปัจจัย

ทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 6

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

๒. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา .ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูปทั้งหมด. ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 7

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

เพราะนอธิปปัจจัย พึงกระทำให้บริบูรณ์.

เพราะนอนันตรปัจจัย เพราะนสมนันตรปัจจัย เพราะนอัญญ-

มัญญปัจจัย เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘.นปุเรชาตปัจจัย

[๖] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 8

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม, จิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์

๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 9

คือ ในอรูปภูมิ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ.

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสมัปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในอรูปภูมิ โมหะ อาศัยโลภะ และสมัปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรมและเหตุ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 10

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรม

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓, อโทสะและ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒. ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐.นอาเสวนปัจจัย

[๗] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปัจฉา-

ชาตปัจจัย ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย (มี ๙ วาระ).

๑๑.นกัมมปัจจัย

[๘] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 11

๒. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

กัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป.. . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๙] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. นอาหารปัจจัย

[๑๐] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อาหารปัจจัย

คือ พาหิรรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๔. นอินทริยปัจจัย

[๑๑] ๑. ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 12

คือ พาหิรรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๕. นฌานปัจจัย

[๑๒] ๑. ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ

อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๖.นมัคคปัจจัย

[๑๓] ๑. ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในอเหตุปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๗.นสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ ๒๐.โนวิคตปัจจัย

เพราะนสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัยเหมือน

นปุเรชาตปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ในอรูปภูมิเท่านั้น ฯลฯ เพราะ-

โนนัตถิปัจจัย ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 13

การนับจำนวนวาระปัจจนียะ

[๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 14

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจานียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี มี ๕ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

หัวข้อปัจจัย เมื่อมหาภูตรูปทั้งหลายจบแล้ว พึงกระทำว่า "อาศัย

หทยวัตถุ" อายตนะ ๕ ย่อมได้ในอนุโลมก็ดี ในปัจจนียะก็ดี ฉันใด พึง

กระทำฉันนั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงทำให้บริบูรณ์ รูปภูมิไม่

มี มีแต่อรูปภูมิเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 15

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุ-

ปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย โทสะ เป็น

ปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ แลจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 16

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมและนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะ

ปรารภเหตุธรรม.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 17

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณาซึ่ง

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณา ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นเหตุธรรม,

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตชอบบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนกิริยา,

อากิญจัญญายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนกิริยา.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๑. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๑, ๒. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 18

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

พึงยกเอาเฉพาะข้อความในบาลี ตอนที่ ๑ ว่า "บุคคลให้ทาน" เท่า

นั้นมาใส่ในที่นี้ แต่อาวัชชนะ และข้อความที่ว่า "รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่

จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ นี้ก็ไม่มี.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงยกเอาข้อความทั้งอยู่ในบาลีนั้นมาใส่ที่นี้ ให้เหมือนกับข้อความ

ในบาลีตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นเพราะปรารภเหตุธรรมและสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 19

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๙. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น

เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมให้หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 20

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้อารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาปัจจัย และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้ง

หลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยสัมปยุตตขันธ์, เหตุธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า "บุคคล

ให้ทานแล้ว " ใส่ให้พิสดาร จนถึงคำว่า "ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม".

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 21

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ พึงยกเอาข้อความตามบาลีข้างต้นมาใส่จนถึง

หทัยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล-

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา เพราะกระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 22

พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า " บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่

เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน จนถึงหทยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม " มาใส่.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 23

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ เนวสัญญาณาสัญญายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 24

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

นเหตุมูลกนัย เป็นอย่างเดียวกันทั้ง ๓ วาระ.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เป็นหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๑] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

สมนันตรปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 25

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย ทั้ง ๒ ปัจจัยนี้

เหมือนปัจจยวาระ.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับนิสสยปัจจัย

ในปัจจัยวาระ.

๙.อุปนิสสยปัจจัย

[๒๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 26

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 27

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ เหมือนกับอุปนิสสยปัจจัย ตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 28

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๓] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 29

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 30

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ ทิพยจักษุ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 31

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๖] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 32

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

เหตุธรรมทั้งหลาย แก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย.

คือ อโลภะ ที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย.

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในการจำแนกวิปากปัจจัย เหมือนในปฏิจจ-

วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 33

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุ

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุธรรมเป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย แก่เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 34

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

ในเหตุมูลกนัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย.

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

อินทริยปัจจัย พึงให้พิสดารอย่างนี้ และมี ๙ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๐] นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

[๓๑] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 35

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

ใน ๒ ปัจจัยนี้ มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย, เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 36

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ, หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 37

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 38

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๓] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 39

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และกฏัตตารูปทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 40

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 41

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ หทยวัตถุเป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่เหตุธรรมทั้งหลาย

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 42

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

อโลภะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย แก่อโทสะ แก่อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 43

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ เป็นนเหตุธรรม และเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมและหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย และมหาภูตรูปทั้งหลายที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ-

ธรรมและนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่

อโทสะ, แก่อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 44

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่

อโมหะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

โลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

สุทธมูลกนัย

[๓๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 45

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ผู้มีปัญญาพึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 46

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจขงปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 47

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 48

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ . . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 49

อรรถกถาทุกปัฏฐาน

เหตุทุกะ เป็นต้น

แม้ในทุกปัฏฐาน ผู้ศึกษา พึงทราบปัญหาวิสัชนาและการนับในทุกะ

ทั้งหมด ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในบาลีนั่นเอง. อีกอย่างหนึ่ง ในทุกปัฏฐานนี้

การวิสัชนา สเหตุกทุกะ และเหตุสัมปยุตตทุกะ เหมือนกับการวิสัชนา

เหตุทุกะ. เหตุและสเหตุกเหตุ แห่งเหตุสัมปยุตตทุกะ และสัปปัจจยทุกะ

สังขตทุกะ ก็เหมือนกัน ฯ คำนี้ว่า อิม ทุก ยถา สปฺปจฺจยทุก เอว กาตพฺพ

พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เพราะแม้สังขตธรรมย่อมประกอบร่วมกับอสังขตธรรม

ไม่ได้. เหมือนสัปปจจยธรรมประกอบกับอัปปัจจยธรรมไม่ได้ฉะนั้น

สารัมมณทุกะ จิตตสัมปยุตตทุกะ และสังสัฏฐทุกะ มีวิสัชนาเหมือนกับ

อาสวโคจฉกะ โอฆโคจฉกะ และโยคโคจฉกะ ซึ่งเหมือนกัน เพราะว่าธรรม

๓ เหล่านี้ มีวิสัชนาเหมือนกัน.

อรรถกถาเหตุทุกะเป็นต้น จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 50

๒. สเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 51

๔. อเหตุกธรรม อาศัยเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 52

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 53

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 54

๖. สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๑] ๑. สเหตุกธรรมอาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 55

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๕. สมนันตรปัจจัย

[๔๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๔๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม. ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 56

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัย มหาภูตรูป ๑ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 57

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

ปัจจัยเหล่านี้ พึงกระทำเป็น ๕ วาระ เหมือนกับเหตุปัจจัย ไม่มีแตก

ต่างกัน.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๔๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 58

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ฯลฯ.

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 59

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๔๕] สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะกัมมปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะมัคคปัจจัย

ฌานปัจจัยก็ดี มัคคปัจจัยก็ดี เหมือนกับสหชาตปัจจัย พาหิรรูป มหา-

ภูตรูป ไม่มี.

ฯลฯ เพราะสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 60

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๗] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 61

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำทั้งหมด ตลอดถึงอสัญญสัตว์ทั้งหลาย.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๔๘] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ มหาภูตรูป

๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 62

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

[๔๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอธิปติปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในอนุโลม.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 63

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ นอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย

ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐาน อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ พึงให้พิสดาร ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 64

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 65

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐. นอาเสวนปัจจัย

[๕๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๕๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 66

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๔. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๕๓] ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย ปฏิสนธิ ไม่มี.

๑๓. นอาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. นสัมปยุตตปัจจัย

[๕๔] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

๑๘. นวิปปยุตตปัจจัย

[๕๕] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 67

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 68

๑๙. โนนัตถิปัจจัย ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะในนัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 69

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 70

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย. สเหตุกมูลกนัยเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม ฯลฯ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระนั่นเอง

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ, สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 71

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 72

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 73

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทัยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 74

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และ อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ โมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

ในอธิปติปัจจัย พึงกระทำ เป็น ๙ วาระ เฉพาะในปวัตติกาลเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๖๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๖๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 75

มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัย จักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และ อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 76

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม แสะอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย ขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 77

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๖๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 78

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 79

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ. ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนสัมปบุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 80

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙] ๑. เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 81

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือ

กับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 82

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 83

๖. สเหตุกธรรมเจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๒] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ

[๗๓] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย ฯลฯ

๓. วิปากปัจจัย

[๗๔] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 84

คือ ฯลฯ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิปาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 85

ในนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๖ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๖] ๑. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 86

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 87

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 88

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๘๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 89

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อานาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๘๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคย

เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 90

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความ

เป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น, เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 91

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯสฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 92

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอเหตุกธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโสตะ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและ

โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 93

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่-

สเหตุธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๘๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 94

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ออกจากผล ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 95

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็น

ต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๘๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน.

โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 96

ผล เป็นปัจจัยแก่ผล.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิต ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิต ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 97

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อนๆ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิตที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 98

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 99

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

เหมือนอนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๘๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย เหมือน

ในปฏิจจวาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับ

นิสสยปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 100

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๘๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 101

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัย

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

โมหะ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยะ

ปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 102

สุขทางกาย ฯลฯ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 103

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๘๖] ๑. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 104

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น , เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 105

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๘๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 106

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๘๘] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี ภวังค์ก็ดี ไม่มี ในอาเสวนปัจจัย พึงเว้นทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๘๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 107

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็นนานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหาชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 108

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๙๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 109

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๙๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๙๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 110

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

๑๗. ฌานปัจจัย

[๙๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย

คือ องค์ฌานทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๙๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 111

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๙๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของสัมปยุตตปัจจัย เหมือนกับสัมปยุตตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๙๖] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 112

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 113

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดภาย

หลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๙๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 114

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย, ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 115

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็น จักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 116

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่

เป็นวิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 117

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน

และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 118

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ

รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

พร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 119

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 120

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๙๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 121

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 122

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 123

มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 124

๓. เหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๓] ๑. เหตุสัมปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุวิปปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร ด้วยเหตุนี้ เหมือนกับสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 125

๔. เหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรม ที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัย โลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรม และสเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 126

คือ อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ขันธ์

๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุ-

ธรรม. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 127

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม และ

เหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอโทสะ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

แต่ไม่ใช่เหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 128

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๑๐๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอธิปติ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ให้บริบูรณ์.

๒. นปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ ๔. นอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 129

๕. นกัมมปัจจัย

[๑๐๗] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือสัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม-

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่

เหตุธรรม.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๖. นวิปากปัจจัย ๗. นวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๘ วาระ ใน

นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 130

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียนัย

[๑๐๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๑๐] เพราะนอธิปติปัจจัย ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม จบ

สหชาตวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 131

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสเหตุกธรรมและเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงให้พิสดาร.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 132

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๑๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุหกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 133

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิด

ขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ

ปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปค-

ญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 134

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม, ธรรม

ที่เป็นสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 135

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัม-

ปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 136

เพราะกระทำเหคุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 137

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้ในกาลก่อน ฯลฯ ออก

จากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

ขันธ์เหล่านั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 138

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 139

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๑๑๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 140

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 141

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

สเหตุกนเหตุมูลกนัย แม้ทั้ง ๓ ก็เป็นเช่นเดียวกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมเละสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 142

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

สมนันตรปัจจัย เหมือน อนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๑๑๕] ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 143

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

ทั้ง ๓ ปัจจัย เหมือนกับเหตุปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๑๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูลทั้งหลาย แห่งหัวข้อปัจจัยทั้งหลาย แม้ทั้ง ๒ เหล่านี้.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 144

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนา แล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในสเหตุมูลกนัย พึงให้พิสดารโดยเหตุนี้ ที่เหลือนอกนั้น มี ๒ วาระ.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 145

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล.

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๑๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย (เหมือนอนันตรปัจจัย)

๑๑. กัมมปัจจัย

[๑๑๘] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 146

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

เหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 147

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์

ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. วิปากปัจจัย

[๑๑๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย

คือ อโลภะที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจ

ของ วิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร เหมือนกับเหตุปัจจัย พึงกำหนดว่า วิบากทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. อาหารปัจจัย

[๑๒๐] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 148

๔. อินทริยปัจจัย

[๑๒๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พึงกำหนดว่า อินทรีย์. พึงกระทำ ๙ วาระให้บริบูรณ์.

๑๕. ฌานปัจจัย

[๑๒๒] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๖. มัคคปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

[๑๒๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 149

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหาร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี

๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนีย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๒๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 150

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นต้น

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 151

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 152

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๒๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนีย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๒๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 153

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 154

๕. เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารเหมือนกับ เหตุสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 155

๖. นเหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๑๓๐] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 156

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย.

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 157

๙. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๓๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 158

๔. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ พึงจำแนกอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 159

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๓๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ โมหะไม่มี.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๑๓๔] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 160

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๓๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๓๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 161

มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๓๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้ในสหชาตวาระ ก็พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 162

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๓๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตา

รูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 163

ปัจจัยสงเคราะห์ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙) ปวัตติ และปฏิสนธิ

พึงกระทำให้บริบูรณ์ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 164

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๔๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๔๒] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๔๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 165

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับ แม้ ๒ นัย ที่ยังเหลือ ก็พึงนับอย่างนี้.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 166

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. อารัมมณปัจจัย

[๑๔๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่

เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

อากิญจัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 167

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อกุศลและอกุศลดับไป

แล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศล

และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 168

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อ

กุศลและอกุศลับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 169

๒. อธิปติปัจจัย

[๑๔๖]๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีลแล้ว กระทำกุศลกรรมนั้น ให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 170

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้เเก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 171

๓. อนันตรปัจจัย

[๑๔๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 172

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. สมนันตรปัจจัย

[๑๔๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย.

๕. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี พึงกระทำเป็น ๗ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 173

๖. อัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๗. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พึงกระทำปวัตติ และ ปฏิสนธิ ทั้ง ๗ วาระ ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์

ไม่มี.

๘. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๔๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 174

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

ศีล ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์

ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

ที่ ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 175

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ปุเรชาตปัจจัย

[๑๕๐] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 176

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่

เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจปุเรชาตปัจจัย.

๑๐. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๑๕๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 177

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๑. อาเสวนปัจจัย

[๑๕๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน, โคตรภู

เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 178

๑๒. กัมมปัจจัย

[๑๕๓] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรมที่เป็นวิบากและกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 179

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. วิปากปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓).

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 180

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๔. อาหารปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๑๕. อินทริยปัจจัย

[๑๕๖] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 181

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๑๖. ฌานปัจจัย

[๑๕๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย พึงกระทำทั้ง ๔ วาระ.

๑๗. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. สัมปยุตตปัจจัย

[๑๕๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 182

๑๙. วิปปยุตตปัจจัย

[๑๕๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรมด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 183

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาระ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๑๖๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 184

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 185

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ย่อมเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 186

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬี-

การาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 187

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๑] ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย

มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๗

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๖๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 188

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 189

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗

วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

โนอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิตตปัจจัย มี

๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๖๔] เพราะอารัมมณปัจจัย ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 190

๔ วาระ ฯลฯ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน-

โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นเหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 191

๗. สัปปัจจยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๖๖] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็น

อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๑๖๗] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 192

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๖๙] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 193

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๗๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 194

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๓] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๔] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 195

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๕] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๖] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล, กิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 196

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปัจจยธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัปปัจจยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๗๗] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 197

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมที่ทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน

แล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 198

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

[๑๗๘] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, อุปนิสสย-

มูล มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

ปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๗๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 199

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๘๐] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 200

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

โนนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัปปัจจยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 201

๘. สังขตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๔] ๑. สังขตธรรม อาศัยสังขตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสังขตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ทุกะนี้ พึงกระทำเหมือนสัปปัจจยทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สังขตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 202

๙. สนิทัสสนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๕] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ฯลฯ ที่เป็นอนิทสัสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทสัสนธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 203

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๘๗] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 204

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทสัสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ พึงกระทำทุกปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ื้นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 205

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๙] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป ...อาหารสมุฏฐานรูป ...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 206

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป ... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิ-

ทัสสนธรรมอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุตุกะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ฯลฯ

พาหิรรูป . . .อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 207

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พึงกระทำอย่างนี้ทุกปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๑] ๑. เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 208

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑วาระ ในอนันตร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ โนนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 209

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๙๓] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้.

[๑๙๔] ๒. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 210

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๙๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 211

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

แม้นิสสยวาระ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 212

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๑] อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

ทั้งหมดนี้ พึงแจกกับด้วยจำนวนปัจจัยรวมกัน อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 213

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 214

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๓] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ รูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญญาณ และอาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 215

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

จักษุ ฯลฯ กายะ เสียง หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๐๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 216

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำรูปที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำรูปนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจาก

ฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 217

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจอธิปติปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรมด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐๕] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, เนว-

สัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 218

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๐๖] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๐๗] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลปรารถนาซึ่งความถึงพร้อมแห่งวรรณะ ย่อมให้ทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม.

ความถึงพร้อมแห่งวรรณะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 219

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๐๘] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

คือ พิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 220

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรมเป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ได้แก่รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๐๙] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 221

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๑๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๑๑] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 222

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๑๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำกวฬีการาหาร ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำรูปชีวิตินทรีย์ ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 223

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๑๓] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 224

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 225

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๑๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 226

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 227

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป-

ที่เป็นอุปาทารูป ซึ่งเป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 228

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๑๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 229

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ นปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๑๖] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 230

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๑๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี

๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 231

มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๑๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียะ จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๑๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 232

วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สนิทัสสนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 233

๑๐. สัปปฏิฆทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัย โผฏฐัพพายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม.

อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 234

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นอัปปฏิฆธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 235

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อาศัยอาโปธาตุ.

๖. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

อาโปธาตุ.

๗. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอาโปธาตุ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 236

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๘. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรมและอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม

อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

โผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 237

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๒๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อธิปติปจจัย

[๒๒๒] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย พึงเว้นปฏิสนธิ และกฏัตตารูป.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมด.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๒๒๓] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 238

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พึงกระทำอัชฌัตติกพาหิรมหาภูตรูปเหล่านี้.

๖. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และ

อาโปธาตุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 239

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนิสสยปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 240

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อัปปฏิฆมูลกนัย พึงกระทำเป็น ๒ วาระ แม้นอกนี้, แม้ในปัจจัย

สงเคราะห์ ก็พึงกระทำเป็น ๓ วาระ อัชฌัตติกมหาภูตรูปและพาหิรมหาภูตรูป

ทั้งหมด ผู้มีปัญญารู้แล้ว พึงกระทำ.

๒. นอารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

[๒๒๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 241

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๒๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๒๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาร ะ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 242

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๒๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัยมี ๑

วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 243

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕ วาระ ที่เหลือ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 244

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และกายายตนะ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 245

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ

แม้การนับปัจจนียะ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

แม้นิสสยวาระก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

แม้ในสังสัฏฐวาระทั้งหมด แต่ละปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย ก็มี ๑ วาระ เท่านั้น.

แม้วาระทั้งสอง (สหชาตวาระ และ สัมปยุตตวาระ) ก็พึงกระทำ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 246

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 247

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๔] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 248

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว, กิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลส

ทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญา-

ยตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิเวสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๓๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

โผฏฐัพพะทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 249

๒. อัปปฏฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อานาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาล

ก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำหทยวัตถุ ฯลฯ

อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหารให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำหทยวัตถุเป็นต้นนั้นให้อารมณ์อย่างหนัก

แน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 250

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

คือ อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๓๖] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัย

แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

[๒๓๗] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 251

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๓๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๓๙] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

อุตุ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 252

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ โภชนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ โภชนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๔๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 253

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะและหทยวัตถุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 254

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

พึงกระทำมูลแห่งวาระทั้งสอง.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๔๒] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ โวทาน

เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๔๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหขชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 255

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได่แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๔๔] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ อัปปฏิฆธรรมที่เป็นวิบาก ฯลฯ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 256

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๔๕] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

วาระ ๒ ที่เหลือนอกนั้นพึงกระทำ. ปฏิสนธิ กวฬีการาหาร พึงกระทำ

แม้ในวาระทั้ง ๒ เบื้องปลาย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๔๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำชีวิตินทรีย์ แม้ใน ๓ วาระเบื้องปลาย (วาระที่ ๒ - ๔)

๕. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 257

คือ จักขุนทรีย์และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคต

ด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ และกาย-

วิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๔๗] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๔๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 258

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย, หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 259

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อนด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๔.] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ วาระแรกเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 260

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อาโปธาตุ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่อิตถินทรีย์ ฯลฯ แก่กวฬีการาหาร

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 261

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๒

และอาโปธาตุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ที่เกิดก่อน ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 262

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จักขายตนะ ฯลฯ แก่โผฏฐัพพายตนะ ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 263

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 264

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาระ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ที่เกิดพร้อมกัน และจักขายตนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ

และกายายตนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 265

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๐] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๕๑] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 266

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 267

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ...

ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓

วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 268

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๕๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . .

ในอธิปติปัจจัย ๔ วาระ ฯลฯ

พึงนับอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สัปปฏิฆทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 269

๑๑. รูปีทุกะ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๕๕] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 270

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 271

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้ง

หลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๕๗] รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 272

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกำหนด วาระทั้ง ๙ ว่าเป็นอเหตุกะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 273

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ . . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 274

มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 275

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๑] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

วาระที่เหลือนอกนั้น พึงจำแนกเป็น ปวัตติ ปฏิสนธิ อย่างนี้.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๖๒] ๑. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 276

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายา-

ยตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจั มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 277

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๖๔] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกระทำปวัตติ ปฏิสนธิ.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 278

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็น

อเหตุกะ และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 279

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่เป็นอเหตุกะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๖๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในน

ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 280

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๖๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี๓ วาระ... ใน

ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 281

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๘] ๑. อรูปีธรรม เจือกับอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัยก็ดี การนับทั้ง ๓ นัยก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี ทั้งหมดพึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว มี ๑ วาระเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 282

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๗๐] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 283

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๗๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่ปุพเพ-

นิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว ฯลฯ พิจารณาผล.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 284

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริย-

ญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปปัจจัย

[๒๗๒] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ กวฬีกา-

ราหารให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 285

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอรูปีธรรมให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ฯลฯ ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 286

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๗๓] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๗๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 287

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ทุกข์ทางกาย เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๗๕] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

ฯลฯ จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 288

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ. หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชตปัจจัย

[๒๗๖] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๗๗] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๗๘] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 289

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 290

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗๙] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘๐] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

คือ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๘๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 291

คือ รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (คือวาระที่ ๓-๕)

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ

๑๗. ฌานปัจจัย

[๒๘๒] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 292

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๘๓] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 293

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๒๘๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 294

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาจักษุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ ด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 295

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 296

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, ฯลฯ เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 297

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๖] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 298

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗

วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 299

สมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี

๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโน-

อวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ โนนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 300

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน-

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ.

พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

รูปีทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 301

๑๒. โลกิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๐] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. โลกิยธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 302

๔. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตรธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๕. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๕ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 303

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๒] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ.

ในอาเสวนมูลกนัย ในโลกุตตระ ในสุทธกอรูปภูมิ พึงกำหนด

คำว่า วิบาก ส่วนที่เหลือนอกนั้น พึงกระทำตามปรกติ.

ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหาร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 304

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๙๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับปัจจนียะ ในน

วิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๙๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน-

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตะ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 305

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๖] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูต-

รูปทั้งหลาย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๖)

๗. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 306

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๘. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

และ โลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๙๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 307

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๘] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ในโลกุตตระ ในอรูปภูมิ พึงกำหนดว่าวิบาก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 308

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๐๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับ ในปัจจ-

นียะ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๐๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ.... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 309

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๒] ๑. โลกิยธรรม เจือกับโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เจือกับโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สังสัฏฐวาระพึงให้พิสดารอย่างนี้ พร้อมด้วยการนับ มี ๒ วาระ.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 310

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๐๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลสที่ละ

แล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 311

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิย-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกิยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรค แก่ผล ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วพิจารณามรรค, พิจารณา

ผล, พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่อาวัชชนะ ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 312

พระอริยะทั้งหลายรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกุตตร-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๐๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลที่เคยทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ

พระเสกขบุคคลทั้งหลาย กระทำโคตรภูให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ฯลฯ กระทำโวทานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 313

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ย่อมพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 314

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๐๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อานาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 315

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล, ผล เป็นปัจจัยแก่ผล ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ผล เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๐๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 316

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ยัง

วิปัสสนาให้เกิดขึ้น ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ

ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็น

โลกิยธรรม ฯลฯ แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

กรรมที่เป็นกุศลและอกุศล เป็นปัจจัยแก่วิบาก ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บริกรรมแห่งปฐมมรรค เป็นปัจจัยแก่ปฐมมรรค ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ บริกรรมแห่งจตุตถมรรค เป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 317

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปฐมมรรคเป็นปัจจัยแก่ทุติยมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ

ตติยมรรคเป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายเข้าไปอาศัยมรรคแล้ว ยังสมาบัติที่ยังไม่เกิดให้เกิด

ขึ้น เข้าสมาบัติที่เกิดขึ้นแล้ว พิจารณาเห็นสังขาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

มรรคของพระอริยะเหล่านั้น ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ความฉลาดในฐานะ

และอฐานะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ผลสมาบัติ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๐๘] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 318

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๐๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 319

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๑๐] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 320

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๑๑] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 321

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๑๒] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๑๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 322

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๑๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

พึงกระทำปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ

กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๑๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 323

๒. โลกุตตรธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๘. มัคคปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของมัคคปัจจัย

ในโลกิยธรรมเป็นปัจจัย มี ๑ วาระ.

ในโลกุตตรธรรมเป็นปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัย ฯลฯ มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๑๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 324

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 325

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๑๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 326

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 327

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯ ฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 328

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 329

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๑๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอานาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัย แก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๖. โลกิยธรรม และโลุกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 330

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และ โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๗

วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในน-

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิ

ปัจจัยมี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๒๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 331

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๒๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

โลกิยทุกะ จบ

อรรถกถาโลกิยทุกะเป็นต้น

อีกอย่างหนึ่ง ทุกะเหล่านี้คือ โลกิยทุกะ สาสวทุกะ สัญโญชนียทุกะ

คันถนียทุกะ นีวรณียทุกะ ปรามัฏฐทุกะ สังกิเลสิกทุกะ อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนียทุกะ คันถวิปปยุตตคันถนียทุกะ นีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณียทุกะ ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ กิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกทุกะ

ปริยาปันนทุกะ และสอุตตรทุกะ เหมือนกัน กิเลสทุกะเหมือนสัญโญชนทุกะ

สังกิลิฏฐทุกะ กิเลสสัมปยุตตทุกะ นีวรณสัมปยุตตทุกะ ทัสสเนนปหาตัพพทุกะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 332

และสรณทุกะ เหมือนกัน อนึ่ง กิเลสทุกะ สังกิลิฏฐนีวรณทุกะ นีวรณ-

สัมปยุตตกิเลสทุกะ และกิเลสสัมปยุตตทุกะ เหมือนกัน โดยนัยนี้ ผู้ศึกษา

พึงทราบว่า วิสัชนาแห่งทุกะทั้งปวงที่มีเนื้อความเหมือนกัน ย่อมเป็นเช่น

เดียวกันนั่นเอง.

ก็ในปัฏฐานทั้งหมด ย่อมไม่ได้เกนจิวิญเญยยทุกะ. ในทุกะอันมีรูป

อย่างนี้ เหล่านี้คือ " อาสวา เจว อาสวสมฺปยุตฺตา จ, สญฺโชนา

เจว สญฺโชนสมฺปยุตฺตา จ, คนฺถา เจว คนฺถสมฺปยุตฺตา จ,

นิวรณา เจว นีวรณสมฺปยุตฺตา จ, กิเลสา เจว สงฺกิลิฏา จ "

ย่อมไม่ได้วิปากปัจจัย และนานากขณิกกัมมปัจจัย. ในนเหตุสเหตุกทุกะ

นเหตุอเหตุกทุกะ ไม่มีเหตุปัจจัย. ในทุกะเหล่านี้คือ เหตุเหตุสัมปยุตทุกะ

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ, คันถคันถสัมปยุตตทุกะ ย่อมไม่ได้นเหตุปัจจัย

นฌานปัจจัย และ นมัคคปัจจัย. ส่วนในทุกะเหล่านี้คือ สัญโญชน-

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ, นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ กิเลสกิเลสสัมปยุตตทุกะ

กิเลสสังกิลิฏฐทุกะ ย่อมได้นเหตุปัจจัย ด้วยอำนาจแห่งโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉาและอุทธัจจะ ย่อมไม่ได้นฌานปัจจัย และนมัคคปัจจัย. ผู้ศึกษา

กำหนดวิสัชนาที่มีได้และมีไม่ได้ในทุกะทั้งปวง ดังอธิบายมาแล้ว พึงทราบ

การนับวาระด้วยอำนาจแห่งบาลีแล.

อรรถกถาทุกปัฏฐาน จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 333

๑๓. เกนจิวิญเญยยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๓๒๓] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยย-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 334

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๓. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม, เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๔. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 335

๕. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๖. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศยัมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 336

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๘. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญ-

เญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 337

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ การนับพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี

สัมปยุตตวาระก็ดี พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปัจจยวาระ พึงแสดง หทยวัตถุ และอายตนะห้า พึงกระทำตามที่ได้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 338

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๖] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่เกนจิวิญเญยย-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๒๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับทั้งสี่นัยพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

เกนจิวิญเญยยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 339

๑๔. อาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๙] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ, กามาสวะ อวิชชาสวะ

อาศัยทิฏฐาสวะ, กามาสวะ ทิฏฐาสวะ อาศัยอวิชชาสวะ, อวิชชาสวะ อาศัย

ภวาสวะ, อวิชิชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ.

พึงผูกจักรนัย แม้อย่างหนึ่ง ๆ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

อาสวธรรม.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 340

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวะ ๔ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 341

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๐] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี

๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 342

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๓๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรมเกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 343

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๓๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 344

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๓๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 345

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๓๖] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

อาสวมูลกนัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 346

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

อาศัยอาสวธรรม และหทยวัตถุ.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 347

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 348

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

การนับทั้งปวง พึงนับอย่างนี้.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 349

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๐] ๑. อาสวธรรม เจือกับอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ เจือกับกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๔๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 350

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 351

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๓] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ภวาสวะ เป็นปัจจัยแก่ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 352

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๔๔] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 353

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณาพิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 354

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทานแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทานนั้น

เพราะปรารภทานนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนที่สอง.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 355

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายนั้น อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาสวธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ อาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๔๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 356

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำอาสวธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

ในกาลก่อน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ กระทำนิพพานให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักเเน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 357

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 358

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำอาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ ฯลฯ อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ. พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๔๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 359

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 360

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ และ

พึงแสดง หทยวัตถุ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๔๗] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 361

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ศีล ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 362

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๔๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 363

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ เพราะปรารภจักษุนั้น

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และอาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 364

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๔๙] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๕๐] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๕๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 365

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๕๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 366

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๕๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๕๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 367

ในปฏิสนธิขณะ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๕๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 368

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 369

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๕๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 370

คือ กามาสวะะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ เเก่อวิชชาสวะ แก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 371

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 372

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ อาสวธรรม และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชา-

สวะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 373

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ, แก่อวิชชาสวะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาร และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และอาสวธรรมทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 374

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๕๗] ในเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 375

ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕๘] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อานาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 376

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 377

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๕๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๖๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 378

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๖๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 379

๑๕. สาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๒] ๑. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. สาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม.

๔. สาสวธรรม และอนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 380

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม และอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

สาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 381

๑๖. อาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๓] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 382

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑, มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๓,

มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. อาสวสัมปยุตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 383

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 384

คือ โมหะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๖๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 385

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยโทมนัส.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 386

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย. จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปัจจัยทั้งปวง พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๖๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 387

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

[๓๖๗] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 388

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยขันธ์อาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย

[๓๖๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 389

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๓๗๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 390

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ ฯลฯ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๗. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ มี ๒ วาระ (วาระที่ ๖-๗)

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 391

๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๓๗๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ วิปปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 392

๑๒. นวิปากปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 393

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ใน

มัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 394

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๗๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 395

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 396

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๗๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ

(วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 397

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 398

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ

เพราะอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 399

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๗๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 400

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทาอย่างนี้.

แม้ นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 401

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ฯลฯ.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๘๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๘๒] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 402

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๘๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้ สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 403

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่โมหะและจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 404

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 405

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๘๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 406

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

ในที่นี้ ความยินดีไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 407

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ

ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ โทมนัส วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 408

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 409

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๘๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 410

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว พิจารณา.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 411

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๘๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดขึ้นหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 412

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 413

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 414

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทังหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสาวววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 415

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๘๘] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทังหลาย

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 416

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ

ปัญญา สุขทางกาย เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย โมหะ เป็นปัจจัยแก่

ศรัทธา แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 417

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ

โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. อาสววิปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ศีล ฯลฯ โมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 418

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๘๙] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 419

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

โมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 420

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๙๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 421

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๙๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๙๒] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 422

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 423

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๓] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๙๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 424

อาหารทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

อาหารทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๙๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 425

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงให้พิสดาร.

๓. อาสสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 426

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 427

๒ . อัตถิปัจจัย

[๓๙๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

สหชาตปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 428

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

พึงให้พิสดาร.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา

ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 429

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาติ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 430

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ิ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 431

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๙๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 432

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 433

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัย แก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 434

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับจำนวนอนุโลม ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 435

๑๗. อาสวสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ที่เป็นสัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ ภวาสวะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 436

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่

ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

ธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 437

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยอย่างนี้.

๘. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สงัสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

อาสวทุกะ ฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 438

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย ฯลฯ ๓. อธิปติปัจจัย

ในปัญหาวาระ ในเหตุปัจจัย ก็ดี ในอารัมมณปัจจัยก็ดี ไม่พึง

กระทำโลกุตตระ ควรกระทำว่า " พระเสกขะทั้งหลาย " ย่อมพิจารณาโคตรภู

ย่อมพิจารณาโวทาน แม้ในอธิปติปัจจัย ผู้ที่รู้ปัจจัยทุกอย่างแล้ว พึงกระทำ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรม และสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 439

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน,

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 440

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 441

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงให้พิสดารอย่างนี้ทั้งหมด.

อนันตรปัจจัย แม้ในอาสวทุกะ ก็พึงให้พิสดาร เหมือนกับทุกะนี้.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ท่านแสดงไว้เหมือนกันอย่างนี้ ข้อที่ย่อไว้

ทั้งหมด พึงกระทำให้พิสดาร เหมือนกับอาสวทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

อาสวสาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 442

๑๘. อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ

๒. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 443

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อาสวสัมปยุตตกามาสวธรรมทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 444

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยทั้งหมด

๘. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 445

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทุกปัจจัยพึงกระทำอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๐๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย ไม่มี ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๔๐๗] ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย

นเหตุมูลกะ ไม่มี.

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 446

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

แม้การนับทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำให้บริบูรณ์

อย่างนี้ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 447

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๑๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 448

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

อธิปติปัจจัย มีการกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 449

อนันตรปัจจัย พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อน ๆ เหมือนกับ อารัมมณ-

ปัจจัยนั่นเทียว.

สมนันตรปัจจัย สหชาตปัจจัย อัญญมัญญปัจจัย นิสสยปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัยนั่นเทียว การจำแนก ไม่มี มี ๓ วาระ.

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัยทั้งหมด.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 450

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมเป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 451

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 452

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 453

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 454

๑๙. อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

สาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตอนาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ พิสดารฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มี

แตกต่างกัน ฯลฯ

อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ จบ

อาสวโคจฉกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 455

๒๐. สัญโญชนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๘] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

สีลพตปรามาสสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

มานสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อิสสาสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

มัจฉริยสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

ภวราคสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยมานสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยภวราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 456

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

๖. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 457

๗. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย

ในอารัมมณปัจจัย รูปไม่มี.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ เหตุปัจจัย วิจิกิจฉาสัญโญชน์ไม่มี.

เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 458

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ใน

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๒๐] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 459

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ฯลฯ

เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ

แม้นอารัมมณปัจจัยทั้งหมด ก็พึงยกขึ้น.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๒๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้ทั้งหมด.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 460

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๒๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัย

ทั้งปวง มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๔ วาระ.

สหชาตวาระ

อนุโลมนัย

๑. สัญโญชนธรรมเกิดร่วมกับสัญโญชนธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 461

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๔] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม.

๔. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 462

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัญโญชนธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

หทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชน-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย

และหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 463

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยกามราค-

สัญโญชน์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๒๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในที่ใด ๆ ได้ หทยวัตถุ ในที่นั้น

พึงกระทำให้มีหทยวัตถุ เช่นเดียวกัน. ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสองแม้นอกนี้ก็ดี นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 464

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๗] ๑. สัญโญชนธรรม เจือกับสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ เจือกับกามราคสัญโญชน์.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้ เฉพาะอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 465

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 466

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๒๙] ๑. สัญโญชนธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณากุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 467

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 468

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

สัญโญชนธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙) พึงกระทำว่า เพราะปรารภนั่นเทียว.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๓๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ มีการกระ-

ทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 469

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๕-๖)

อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ แม้แห่งวาระทั้ง ๓ ก็ควรกระทำ.

พึงจำแนกทั้ง ๓ วาระอีก.

๗. สัญญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๓๑] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 470

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แม้ทั้ง๒ วาระ (วาระที่ ๕-๖)

ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญญชนธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 471

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๓๒] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย แม้ทั้ง ๓ วาระ ก็เหมือนอย่างนี้.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ

เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 472

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 473

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

ปุเรชาตปัจจัย

[๔๓๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 474

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์-

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๓๔] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจจองปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 475

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๓๕] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๔๓๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 476

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๓๗] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 477

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๔๓๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 478

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม-

สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ เหมือนกับ อาสวทุกะ.

๗. สัญโญชนธรรมและธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 479

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

เหมือนกับอาสวทุกะ.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ พึงจำแนก เหมือนกับ

อาสวทุกะ.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

พึงจำแนก เหมือนกับอาสวทุกะ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 480

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๔๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจขออุปนิสสย-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 481

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต ปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 482

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๔๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ.... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๔๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 483

๒๑. สัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๔] ๑. สัญโญชนิยธรรม อาศัยสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

เหมือนกับโลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 484

๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรมอาศัย สัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 485

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 486

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๔๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 487

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๔๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 488

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๔๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน-

นัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๙] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 489

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 490

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๕๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 491

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๕๓] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ ตลอดถึงปฏิสนธิ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 492

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เเละสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 493

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๕๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ตลอดถึงปฏิสนธิ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 494

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคด้วยอุทธัจจะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 495

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๕๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๕๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๕๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 496

๓. สัญโญชนวิปปยุตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ และ

โมหะ ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา และหทยวัตถุ.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 497

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ. พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน-

ปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 498

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 499

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 500

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 501

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๖๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 502

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 503

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญ-

ชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 504

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๖๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ครั้นกระทำราคะเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 505

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วกระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 506

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำทานเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 507

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๖๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอานาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 508

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ ฯลฯ ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 509

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 510

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๖๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 511

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย

เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 512

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะ แล้วฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่

ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 513

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๔๖๙] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 514

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง

เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 515

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๗๐] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ที่เกิด

ภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 516

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๗๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี

วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๔๗๒] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 517

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๔๗๓] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 518

๑๕. อาหารปัจจัย

[๔๗๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

๑๖. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๗๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 519

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๗๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 520

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โมหะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ พึงให้พิสดาร.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 521

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 522

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม, โมหะและมหาภูตรูป

ทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 523

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 524

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 525

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๗๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 526

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 527

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๘๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๘๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 528

๒๓. สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญใญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 529

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงมหาภูตรูป.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 530

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราค-

สัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

เหมือนปฐมทุกะในสัญโญชนโคจฉกะ ทุกะแม้นี้พึงให้พิสดารอย่างนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน เว้นโลกุตตระ.

สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 531

๒๔. สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยกามราคสัญโญชน์.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 532

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 533

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๘๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 534

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๘๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๘๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 535

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัย นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 536

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 537

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๘๘] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชน-

ธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 538

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

(วาระที่ ๗-๙)

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๘๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 539

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๔-๖)

อารัมมณาธิปติก็ดี สหชาตาธิปติก็ดี พึงกระทำในวาระ แม้ทั้ง ๓

เหล่านี้.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๙๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

การจำแนกไม่มี เหมือนกับอารัมมณปัจจัย ไม่มีแตกต่างกัน.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 540

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำโดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๙๑] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 541

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๙๒] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๙๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 542

๙ วาระ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว พึงเปลี่ยนแปลง ในบททั้ง ๓

นั่นเทียว นานาขณิกะ ไม่มี.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนัยจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๙๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ. . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 543

๒๕. สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๗] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. ฯลฯ ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญ-

ชนิยธรรม ฯลฯ พึงกระทำ ๒ วาระ.

ทุกะนี้เหมือนกับโลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 544

๒๖. คันถทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๘] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถธรรม.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 545

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 546

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๙๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๐] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 547

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. อุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐๒] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 548

คือ ในอรูปภูมิ อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, ในอรูปภูมิ สีลัพพตปรามาส

ไม่มี.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 549

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๐๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 550

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๐๖] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม

คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 551

คือ ขันธ์ ๓ คันถธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และหทยวัตถุ.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 552

อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ

และหทยวัตถุ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๐๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 553

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๑๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ นโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๑๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ นั่นเอง.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำเป็น ๙ วาระ รูปไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 554

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๑๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 555

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 556

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๑๓] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณากุศลกรรม

นั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 557

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว กิเลสที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 558

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะ ย่อม

เกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น คันถ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๗-๙)

พึงกระทำคำว่า เพราะปรารภ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 559

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๑๔] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำว่าให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 560

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทังหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำซึ่งกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทานเป็นต้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 561

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๑๕] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

ไม่ใช่คันถธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 562

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๔-๕-๖)

๒ วาระ พึงกระทำอาวัชชนะ, วาระที่ ๑ ไม่มี.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๗-๘-๙)

วุฏฐานะแม้หนึ่ง พึงกระทำในวาระท่ามกลาง.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 563

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๑๖] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 564

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พึงกระทำ โดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 565

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๑๗] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 566

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 567

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๑๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 568

๑๔. วิปากปัจจัย

๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๑๙] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 569

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๒๐] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 570

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. คันถธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจ-

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมี่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 571

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, คันถธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

อภิชฌากายคันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 572

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรม แสะสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ทีเกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 573

๙. คันธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 574

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๒๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 575

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 576

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๒๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๒๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๒๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 577

๒๗. คันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๖] ๑. คันถนิยธรรม อาศัยคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถนิยธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงแจกฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

คันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 578

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม.

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 579

ขันธ์ ๓ ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 580

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๒๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 581

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 582

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 583

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๐] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดจนถึงอสัญญสัตว์

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ อรูปภูมิเมื่อจะแจกในนปุเรชาต-

ปัจจัยพึงกระทำก่อน, รูปภูมิย่อมได้ในที่ใด พึงกระทำภายหลัง, และปฏิฆ

ไม่มีในอรูปภูมิ. ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙

วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 584

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 585

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๓๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระเหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 586

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ อาศัยหทยวัตถุ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, หทยวัตถุ และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส. หทยวัตถุ และปฏิฆะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 587

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และหทยวัตถุ.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 588

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๓๕] ในเหตุปัจจัยมี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๙

วาระ ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๖] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 589

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ฯลฯ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 590

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โลภะ เจือกับขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 591

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 592

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๔๒] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๔๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๔๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 593

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๔๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 594

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 595

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์, ปฏิฆะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 596

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 597

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๔๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูลในแม้ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น, ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 598

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม, พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มไว้, ย่อมรู้กิเลสทั้งหลายที่สั่งสมไว้ใน

กาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 599

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เพราะปรารภขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เเละโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 600

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๔๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 601

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 602

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลกระทำกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อนให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลออกจากฌาน กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลาย ออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 603

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็น

คันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 604

เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัม-

ปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๔๙] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 605

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 606

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คัยถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 607

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และ

โลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๗)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 608

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อนๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 609

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๕๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 610

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ ความปรารถนา

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เสนาสนะ เป็น

ปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ

แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ มานะ ความ

ปรารถนา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 611

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มีอุปนิสสยะทั้ง ๓ นัย.

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ.

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ ความปรารถนา เสนาสนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 612

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม แก่โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๕๑] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 613

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 614

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๕๕๒] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

ที่เกิดภายหลัง และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 615

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๕๕๓] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๕๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัย

แก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 616

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 617

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๕๕๕] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๕๕๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๕๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 618

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรมเป็น

ปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 619

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๕๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ พึงจำแนก.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือน

กับปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 620

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 621

ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 622

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสที่เกิดพร้อมกัน และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 623

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง, เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬีการา-

หาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิติน-

ทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมที่เกิดพร้อม

กัน และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 624

ที่เป็น สหชาตะ รวมกัน ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๕๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี

๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 625

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๖๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 626

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 627

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๖๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๖๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 628

๒๙. คันถคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

คันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ คันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 629

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙ วาระ พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๖๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิยธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 630

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ทั้งหมด พึงให้พิสดาร.

ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 631

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 632

๓ วาระ แม้นอกนี้ (วาระที่ ๗-๘-๙) พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าว

มาแล้ว พึงกระทำ เพราะปรารภ.

ในทุกะนี้ โลกุตตระไม่มี เหมือนกับคันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน พึง

กาหนดคำว่า คันถนิยะ.

ในมัคคปัจจัย พึงกระทำ ๙ วาระ.

คันถคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 633

๓๐. คันถคันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัย

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 634

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 635

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๘. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรม เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 636

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๕๖๙] ๑. ธรรมที่ เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย ฯลฯ

ในที่นี้ นเหตุปัจจัย ไม่มี.

[๕๗๐] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมม-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับทั้งสองนัยแม้นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับปฏิจจ-

วาระอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 637

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 638

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 639

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 640

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๗๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่

ใช่คันถธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 641

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม คันถธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓ วาระ แม้นอกนี้ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ในอธิปติปัจจัยก็ดี ในอนันตรปัจจัยก็ดี ในอุปนิสสยปัจจัยก็ดี เหมือน

กับอารัมมณปัจจัย วิภังค์ไม่มี.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๗๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อรูปธรรมเท่านั้นเป็นปัจจัย. แต่ละอย่างพึงกระทำอย่างละ ๓ นัย

ในอารัมมณะ สหชาตะ อุปนิสสยะ พึงเปลี่ยนแปลงทั้ง ๙ วาระ แม้ในปัญหา

วาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด.

คันถคันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 642

๓๑. คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๔] ๑. ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตคันถนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มีแตก

ต่างกัน.

คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 643

๓๒. โอฆและโยคโคจฉกทุกะ

ปฏิจจวาระ

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๕] โอฆธรรม อาศัยโอฆธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย.

โยคธรรม อาศัยโยคธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

โคจฉกะทั้ง ๒ เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

โอฆและโยคโคจฉกทุกะ จบ

๑. โอฆโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่ ๓๒ ถึง ๓๗). โยคโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่

๓๘ ถึง ๔๓) ทุกะต่อไปคือนีวรณทุกะ จึงเป็นทุกะที่ ๔๔

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 644

๔๔. นีวรณทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

พยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ กุกกุจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 645

๓. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 646

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 647

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๗๘] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. นีวรณธรรมอาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 648

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๗๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 649

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๘๐] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

กามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

วาระที่เหลือทั้งหมด (คือวาระที่ ๓-๖) พึงให้พิสดาร.

อรูปภูมิ พึงกระทำก่อน ส่วนรูปภูมิ พึงกระทำภายหลัง ตามที่จะ

พึงกระทำได้.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 650

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรน อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และ

นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชา-

นิวรณ์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 651

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจานียานุโลม

[๕๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 652

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๘๔] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูป.

๑. ๒. มีใน ม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 653

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรมและธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ถีนมิทธนีวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 654

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๘๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 655

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณอาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปุยุตตขันธ์ที่หลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และหทยวัตถุ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 656

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจยวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 657

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๐] ๑. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ เจือกับกาม-

ฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

นิวรณ์ทั้งปวง พึงให้พิสดาร.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๙๒] ๒. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 658

คือ อวิชชานิวรณ์ เจือกับวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์เจือกับ

อุทธัจจนิวรณ์.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระในสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 659

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่

ใช่นีวรรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 660

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๙๕] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น

เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 661

ออกจากฌานแล้วพิจารณา ฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณา เห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 662

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาณ ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุ เป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน. ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๕- ๖- ๗) พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๙๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 663

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำ นีวรณธรรมทั้งหลาย ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น. มี ๓ วาระ เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ มรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 664

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 665

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ จักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือเป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-

๘-๙) เป็นอารัมมณาธิปติเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๙๗] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 666

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

นีวรณธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจฃองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 667

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. นีวณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 668

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๙๘] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณวรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ฯลฯ ยังฌานให้เกิดขึ้น ยังวิปัสสนา ฯลฯ ยังมรรค ฯลฯ ยังอภิญญา ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 669

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ทิฏฐิ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผล-

สมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 670

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ นีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๙๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 671

ปุเรชาตปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

พึงจำแนก กุศล และอกุศล.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๐๐] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 672

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๐๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๐๓] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

วาระ ๔ ที่เหลือ พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 673

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๐๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์

แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ในนีวรณมูล ก็มี ๓ วาระ อย่างนี้ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่างคือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 674

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธ-

นิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่

อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 675

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

นีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีกา-

ราหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 676

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจนิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจ-

นิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 677

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยนัยปัจจนียะ

[๖๐๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริย์ปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 678

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๐๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 679

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๐๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุป-

นิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ... ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนวิคตปัจจัยมี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๐๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัญหาวาระ จบ

นีวรณทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 680

๔๕. นีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณยธรรม เกิดขึ้น ฯลฯ

โลกิยทุกะฉันใด นีวรณิยทุกะ ก็พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

พึงประกอบนิวรณ์ด้วยนิวรณ์ ๘ ครั้ง คือ กามฉันทะ ๒ ครั้ง ปฏิฆะ ๔ ครั้ง

อุทธัจจะและวิจิกิจฉาสองอย่างนี้ อย่างละหนึ่งครั้ง. มาติกาแห่งนีวรณทุกะ

ได้ทำไว้แล้วในวาระนี้.

นีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 681

๔๖. นีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม.

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 682

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี

๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 683

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาติปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัยมี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโน-

วิคตปัจจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี

๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัยมี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

๑. ม. นอนันตระ ถึง นอุปนิสสยะ แต่ละปัจจัยมี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 684

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ...ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 685

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 686

๕. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. นีวรณวิปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นีวรณสัมปปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 687

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๙] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปตุตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 688

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี๓ วาระ.

การนับสองนัย นอกนี้ก็ดี, นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำอย่างกล่าว

มาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 689

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

[๖๒๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ เจือกับนีวรณวิปปยุตตธรรม ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 690

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๒ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

การนับ ๒ นัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 691

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 692

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๒๖] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทิฏฐิ เพราะปรารภทิฏฐินั้น

ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภวิจิกิจฉา วิจิกิจฉา ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภอุทธัจจะ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา

ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโทมนัส โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ

อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 693

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ พิจารณาผล

ฯลฯ นิพพาน

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 694

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เพาระปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๒๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ฯลฯ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 695

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ฯลฯ ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 696

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๒๘] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 697

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ในที่นี้ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ไม่มี.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 698

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๒๙] ๑. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ยังฌาน วิปัสสนา มรรค อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 699

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ ยังมรรค

ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 700

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ เสนา

สนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๓๐] ๑. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 701

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๓๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๓๒] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 702

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 703

๑๔. วิปากปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๓๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๓๔] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 704

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๓๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 705

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิงยิ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็น ปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 706

๗. นีวรณสัมปยุตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๓๖] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 707

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๓๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 708

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นีวรวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ

รวมกับ ปุเรชาตะ.

๗. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๓๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัม-

ปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี๔

วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 709

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๓๙] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ สาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

นีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 710

๔๗. นีวรณนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

การนับทั้งหมดพึงกระทำอย่างนี้ เหมือนกับ นีวรณทุกะ ไม่มี

แตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 711

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

นีวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 712

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๔๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม

แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 713

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู โวทาน ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อม

เพลิดเพลินยิ่ง ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ พึงกระทำตลอดถึงอาวัชชนะ.

๕. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 714

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙) แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างนี้.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

แม้ปุเรชาตปัจจัย ก็เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

ส่วนในนิสสยปัจจัย ไม่พึงกระทำ โลกุตตระ.

ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

นีวรณทุกะ ฉันใด พึงพิจารณา แล้วกระทำฉันนั้น.

นีวรณนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 715

๔๘. นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย พึงทำนิวรณ์ทั้งหมด.

๒. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 716

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และนีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 717

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 718

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอุโลม

[๖๔๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๔๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 719

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๔๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ... ฯลฯ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 720

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระ

ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ ปฏิจจวาระ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 721

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๕๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และนีวรณทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 722

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๕๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 723

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมเป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม-

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๕๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ พึงกระทำว่า

กระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นนั้นเทียว.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 724

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุคคธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้หนักแน่น นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 725

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๖๕๓] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย อา-

วัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อนๆ ในที่ทั้งปวง.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย วิบากไม่มี.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๖๕๔] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 726

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. อาหารปัจจัย

[๖๕๕] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๓. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 727

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๕๗] ธรรมที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในบททั้ง ๓ พึงเปลี่ยนแปลงให้เป็น ๙ วาระอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 728

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 729

๔๙. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๑] ๑. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณิยธรรมเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตนีวรณิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 730

๕๐. ปรามาสทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์. มหาภูตรูป ฯลฯ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 731

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๖๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 732

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๖๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 733

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๖๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 734

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายและจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 735

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม และหทย-

วัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๗๐] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 736

ปัจจนียนัย

[๖๗๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ ในน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมป-

ยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี

๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 737

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๗๓] เพราะปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 738

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เจือกับปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปรามาสธรรม.

วาระ ๕ พึงกระทำอย่างนี้ เฉพาะในอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระ ก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 739

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ทั้งหลาย, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๗๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 740

คือ เพราะปรารภปรามาสธรรม ปรามาสธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภปรามาสธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วพิจารณา

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 741

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนา-

คตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ.

บุคคลพิจารณา จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 742

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรา-

มาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๗๘] ๑. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

คือ เพราะกระทำปรามาสธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์ อย่างหนัก

แน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ พึงกระทำ อารัมมณาธิปติ อย่างเดียว

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 743

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ นิพพานให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก้มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์หนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 744

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถธรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 745

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ปรามาสธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๗๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ที่เกิดหลังๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 746

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมที่เกิดหลัง ๆ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ปรามาสธรรม เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 747

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสสยปัจจัย

๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๘๐] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 748

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติ

ให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 749

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

เป็นอุปนิสสยะ ทั้ง ๓

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 750

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๘๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช้ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขาตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรา-

มาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 751

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๘๒] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำปัจฉาชาตะ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 752

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๘๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๖๘๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 753

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. ฌานปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๖๘๕] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย

คือ องค์มรรคที่เป็นปรามาสธรรม ฯลฯ

มี ๕ วาระ พึงกระทำอย่างนี้.

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๘๖] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 754

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๘๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 755

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 756

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปราสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ปรามาสธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 757

ปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปรามาสธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 758

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๘๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 759

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 760

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ.

ปรามาสทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 761

๕๑. ปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๓] ๑. ปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๒. ฯลฯ อาศัย ปรามัฏฐธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำปรามัฏฐทุกะฉันนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 762

๕๒. ปรามาสสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 763

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 764

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๙๖] ๑. ปรามาสวิปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๙๗] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 765

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 766

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 767

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป, ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ, จิตต-

สมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 768

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๘. ปรามาสวิปปยุตตธรรม และปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 769

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๐๓] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 770

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญาปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในฌาน

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ในน

อธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 771

สังสัฏฐวาระ

อนุโลม

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เจือกับปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๘] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัยมี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

การนับทั้งสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 772

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๑๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

วิปปยุตตธรรม, ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 773

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสสัมป-

ยุตตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาล

ก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภ

ขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริย-

ญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 774

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลธรรมนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน

ยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 775

อากาสสานัญจาตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ,

แก่เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๑๒] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 776

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 777

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติ-

ปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่

เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 778

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรา-

มาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลาลยที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 779

๔. อนันตรปัจจัย

[๗๑๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 780

๕. สมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๗๑๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๗๑๕] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ โมหะ ฯลฯ ความปรารถนา

เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่โมหะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 781

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรมแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยโมหะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ให้ทาน ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โมหะ ความปรารถนา เป็นปัจจัย

แก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ฯลฯ ความปรารถนา

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกาย ฯลฯ เสนาะสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 782

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เพราะอาศัยศรัทธา ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะ ความปรารถนา ศรัทธา ฯลฯ

เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่ความปราถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๗๑๖] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 783

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๗๑๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 784

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๗๑๘] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๗๑๙] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 785

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 786

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๗๒๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๗๒๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 787

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 788

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 789

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๗๒๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 790

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 791

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๒๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในปัจจัย-

ทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๒๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 792

มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๒๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

ปรามาสสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 793

๕๓. ปรามาสปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๗] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย.

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายทั้งเป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 794

๔. ธรรมที่เป็นปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐาน แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม และธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ฯลฯ

วาระทั้งหมดพึงกระทำเหมือนกับปรามาสทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 795

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๘] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม อำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 796

[๗๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำว่าปรารภ เหมือนกับปรามาสทุกะ.

๔. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้ว

พิจารณากุศลธรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรม

นั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, กิเลสที่สะสม

แล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ พึงกระทำทั้งหมด.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 797

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระแม้นอกนี้ พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

ทุกะนี้ เหมือนกับปรามาสทุกะ โลกุตตระไม่ได้ในที่ใด ก็ไม่พึง

กระทำในที่นั้น.

ปรามาสปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 798

๕๔. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๓๐] ๑. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ จบ

อนุโลมทุกปัฏฐาน จบ



พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 1

พระอภิธรรมปิฎก

เล่มที่ ๗

ปัฏฐาน ภาคที่ ๔

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อนุโลมทุกปัฏฐาน

๑. เหตุโคจฉกะ

๑. เหตุทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ, อโลภะ อโมหะ อาศัยอโทสะ,

อโลภะ อโทสะ อาศัยอโมหะ โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ,

โมหะ อาศัยโทสะ, โทสะ อาศัยโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุ ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

๑. บาลีเล่ม ๔๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 2

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 3

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ อาศัยโทสะ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และหทยวัตถุ ฯลฯ.

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุและเหตุธรรม.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และ

นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 4

คือ ขันธ์ ๓, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และโสภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ และอโลภะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณ-

ปัจจัย

ทิ้งรูปภูมิเสีย พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในอรูปภูมิเท่านั้น.

๓. อธิปติปัจจัย

เพราะอุปติปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี พึงกระทำให้บริบูรณ์.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

นี้เป็นข้อที่ต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 5

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖.สหชาตปัจจัย

เพราะอนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย เพราะสหชาต-

ปัจจัย

มีมหาภูตรูปทั้งหมดตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๑๓. วิปากปัจจัย

เพราะอัญญมัญญปัจจัย เพราะนิสสยปัจจัย เพราะอุปนิสสย-

ปัจจัย เพราะปุเรชาตปัจจัย เพราะอาเสวนปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี แม้ในภูมิ

ทั้งสอง.

เพราะกัมมปัจจัย เพราะวิปากปัจจัย เกิดขึ้น. เพราะอวิคตปัจจัย

ปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ปัจจัย

ทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 6

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

๒. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา .ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูปทั้งหมด. ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 7

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

เพราะนอธิปปัจจัย พึงกระทำให้บริบูรณ์.

เพราะนอนันตรปัจจัย เพราะนสมนันตรปัจจัย เพราะนอัญญ-

มัญญปัจจัย เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘.นปุเรชาตปัจจัย

[๖] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 8

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม, จิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์

๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 9

คือ ในอรูปภูมิ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ.

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสมัปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในอรูปภูมิ โมหะ อาศัยโลภะ และสมัปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรมและเหตุ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 10

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรม

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓, อโทสะและ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒. ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐.นอาเสวนปัจจัย

[๗] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปัจฉา-

ชาตปัจจัย ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย (มี ๙ วาระ).

๑๑.นกัมมปัจจัย

[๘] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 11

๒. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

กัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป.. . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๙] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. นอาหารปัจจัย

[๑๐] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อาหารปัจจัย

คือ พาหิรรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๔. นอินทริยปัจจัย

[๑๑] ๑. ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 12

คือ พาหิรรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๕. นฌานปัจจัย

[๑๒] ๑. ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ

อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๖.นมัคคปัจจัย

[๑๓] ๑. ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในอเหตุปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๗.นสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ ๒๐.โนวิคตปัจจัย

เพราะนสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัยเหมือน

นปุเรชาตปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ในอรูปภูมิเท่านั้น ฯลฯ เพราะ-

โนนัตถิปัจจัย ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 13

การนับจำนวนวาระปัจจนียะ

[๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 14

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจานียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี มี ๕ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

หัวข้อปัจจัย เมื่อมหาภูตรูปทั้งหลายจบแล้ว พึงกระทำว่า "อาศัย

หทยวัตถุ" อายตนะ ๕ ย่อมได้ในอนุโลมก็ดี ในปัจจนียะก็ดี ฉันใด พึง

กระทำฉันนั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงทำให้บริบูรณ์ รูปภูมิไม่

มี มีแต่อรูปภูมิเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 15

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุ-

ปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย โทสะ เป็น

ปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ แลจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 16

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมและนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะ

ปรารภเหตุธรรม.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 17

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณาซึ่ง

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณา ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นเหตุธรรม,

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตชอบบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนกิริยา,

อากิญจัญญายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนกิริยา.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๑. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๑, ๒. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 18

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

พึงยกเอาเฉพาะข้อความในบาลี ตอนที่ ๑ ว่า "บุคคลให้ทาน" เท่า

นั้นมาใส่ในที่นี้ แต่อาวัชชนะ และข้อความที่ว่า "รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่

จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ นี้ก็ไม่มี.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงยกเอาข้อความทั้งอยู่ในบาลีนั้นมาใส่ที่นี้ ให้เหมือนกับข้อความ

ในบาลีตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นเพราะปรารภเหตุธรรมและสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 19

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๙. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น

เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมให้หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 20

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้อารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาปัจจัย และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้ง

หลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยสัมปยุตตขันธ์, เหตุธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า "บุคคล

ให้ทานแล้ว " ใส่ให้พิสดาร จนถึงคำว่า "ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม".

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 21

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ พึงยกเอาข้อความตามบาลีข้างต้นมาใส่จนถึง

หทัยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล-

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา เพราะกระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 22

พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า " บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่

เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน จนถึงหทยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม " มาใส่.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 23

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ เนวสัญญาณาสัญญายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 24

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

นเหตุมูลกนัย เป็นอย่างเดียวกันทั้ง ๓ วาระ.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เป็นหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๑] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

สมนันตรปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 25

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย ทั้ง ๒ ปัจจัยนี้

เหมือนปัจจยวาระ.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับนิสสยปัจจัย

ในปัจจัยวาระ.

๙.อุปนิสสยปัจจัย

[๒๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 26

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 27

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ เหมือนกับอุปนิสสยปัจจัย ตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 28

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๓] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 29

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 30

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ ทิพยจักษุ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 31

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๖] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 32

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

เหตุธรรมทั้งหลาย แก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย.

คือ อโลภะ ที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย.

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในการจำแนกวิปากปัจจัย เหมือนในปฏิจจ-

วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 33

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุ

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุธรรมเป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย แก่เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 34

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

ในเหตุมูลกนัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย.

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

อินทริยปัจจัย พึงให้พิสดารอย่างนี้ และมี ๙ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๐] นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

[๓๑] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 35

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

ใน ๒ ปัจจัยนี้ มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย, เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 36

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ, หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 37

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 38

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๓] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 39

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และกฏัตตารูปทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 40

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 41

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ หทยวัตถุเป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่เหตุธรรมทั้งหลาย

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 42

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

อโลภะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย แก่อโทสะ แก่อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 43

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ เป็นนเหตุธรรม และเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมและหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย และมหาภูตรูปทั้งหลายที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ-

ธรรมและนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่

อโทสะ, แก่อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 44

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่

อโมหะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

โลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

สุทธมูลกนัย

[๓๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 45

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ผู้มีปัญญาพึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 46

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจขงปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 47

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 48

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ . . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 49

อรรถกถาทุกปัฏฐาน

เหตุทุกะ เป็นต้น

แม้ในทุกปัฏฐาน ผู้ศึกษา พึงทราบปัญหาวิสัชนาและการนับในทุกะ

ทั้งหมด ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในบาลีนั่นเอง. อีกอย่างหนึ่ง ในทุกปัฏฐานนี้

การวิสัชนา สเหตุกทุกะ และเหตุสัมปยุตตทุกะ เหมือนกับการวิสัชนา

เหตุทุกะ. เหตุและสเหตุกเหตุ แห่งเหตุสัมปยุตตทุกะ และสัปปัจจยทุกะ

สังขตทุกะ ก็เหมือนกัน ฯ คำนี้ว่า อิม ทุก ยถา สปฺปจฺจยทุก เอว กาตพฺพ

พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เพราะแม้สังขตธรรมย่อมประกอบร่วมกับอสังขตธรรม

ไม่ได้. เหมือนสัปปจจยธรรมประกอบกับอัปปัจจยธรรมไม่ได้ฉะนั้น

สารัมมณทุกะ จิตตสัมปยุตตทุกะ และสังสัฏฐทุกะ มีวิสัชนาเหมือนกับ

อาสวโคจฉกะ โอฆโคจฉกะ และโยคโคจฉกะ ซึ่งเหมือนกัน เพราะว่าธรรม

๓ เหล่านี้ มีวิสัชนาเหมือนกัน.

อรรถกถาเหตุทุกะเป็นต้น จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 50

๒. สเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 51

๔. อเหตุกธรรม อาศัยเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 52

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 53

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 54

๖. สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๑] ๑. สเหตุกธรรมอาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 55

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๕. สมนันตรปัจจัย

[๔๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๔๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม. ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 56

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัย มหาภูตรูป ๑ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 57

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

ปัจจัยเหล่านี้ พึงกระทำเป็น ๕ วาระ เหมือนกับเหตุปัจจัย ไม่มีแตก

ต่างกัน.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๔๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 58

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ฯลฯ.

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 59

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๔๕] สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะกัมมปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะมัคคปัจจัย

ฌานปัจจัยก็ดี มัคคปัจจัยก็ดี เหมือนกับสหชาตปัจจัย พาหิรรูป มหา-

ภูตรูป ไม่มี.

ฯลฯ เพราะสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 60

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๗] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 61

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำทั้งหมด ตลอดถึงอสัญญสัตว์ทั้งหลาย.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๔๘] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ มหาภูตรูป

๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 62

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

[๔๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอธิปติปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในอนุโลม.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 63

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ นอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย

ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐาน อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ พึงให้พิสดาร ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 64

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 65

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐. นอาเสวนปัจจัย

[๕๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๕๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 66

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๔. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๕๓] ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย ปฏิสนธิ ไม่มี.

๑๓. นอาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. นสัมปยุตตปัจจัย

[๕๔] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

๑๘. นวิปปยุตตปัจจัย

[๕๕] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 67

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 68

๑๙. โนนัตถิปัจจัย ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะในนัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 69

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 70

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย. สเหตุกมูลกนัยเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม ฯลฯ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระนั่นเอง

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ, สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 71

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 72

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 73

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทัยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 74

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และ อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ โมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

ในอธิปติปัจจัย พึงกระทำ เป็น ๙ วาระ เฉพาะในปวัตติกาลเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๖๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๖๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 75

มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัย จักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และ อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 76

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม แสะอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย ขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 77

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๖๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 78

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 79

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ. ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนสัมปบุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 80

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙] ๑. เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 81

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือ

กับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 82

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 83

๖. สเหตุกธรรมเจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๒] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ

[๗๓] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย ฯลฯ

๓. วิปากปัจจัย

[๗๔] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 84

คือ ฯลฯ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิปาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 85

ในนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๖ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๖] ๑. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 86

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 87

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 88

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๘๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 89

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อานาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๘๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคย

เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 90

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความ

เป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น, เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 91

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯสฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 92

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอเหตุกธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโสตะ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและ

โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 93

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่-

สเหตุธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๘๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 94

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ออกจากผล ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 95

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็น

ต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๘๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน.

โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 96

ผล เป็นปัจจัยแก่ผล.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิต ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิต ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 97

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อนๆ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิตที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 98

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 99

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

เหมือนอนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๘๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย เหมือน

ในปฏิจจวาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับ

นิสสยปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 100

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๘๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 101

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัย

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

โมหะ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยะ

ปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 102

สุขทางกาย ฯลฯ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 103

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๘๖] ๑. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 104

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น , เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 105

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๘๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 106

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๘๘] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี ภวังค์ก็ดี ไม่มี ในอาเสวนปัจจัย พึงเว้นทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๘๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 107

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็นนานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหาชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 108

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๙๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 109

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๙๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๙๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 110

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

๑๗. ฌานปัจจัย

[๙๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย

คือ องค์ฌานทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๙๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 111

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๙๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของสัมปยุตตปัจจัย เหมือนกับสัมปยุตตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๙๖] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 112

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 113

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดภาย

หลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๙๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 114

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย, ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 115

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็น จักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 116

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่

เป็นวิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 117

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน

และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 118

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ

รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

พร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 119

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 120

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๙๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 121

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 122

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 123

มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 124

๓. เหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๓] ๑. เหตุสัมปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุวิปปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร ด้วยเหตุนี้ เหมือนกับสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 125

๔. เหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรม ที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัย โลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรม และสเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 126

คือ อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ขันธ์

๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุ-

ธรรม. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 127

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม และ

เหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอโทสะ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

แต่ไม่ใช่เหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 128

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๑๐๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอธิปติ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ให้บริบูรณ์.

๒. นปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ ๔. นอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 129

๕. นกัมมปัจจัย

[๑๐๗] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือสัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม-

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่

เหตุธรรม.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๖. นวิปากปัจจัย ๗. นวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๘ วาระ ใน

นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 130

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียนัย

[๑๐๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๑๐] เพราะนอธิปติปัจจัย ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม จบ

สหชาตวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 131

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสเหตุกธรรมและเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงให้พิสดาร.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 132

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๑๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุหกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 133

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิด

ขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ

ปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปค-

ญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 134

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม, ธรรม

ที่เป็นสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 135

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัม-

ปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 136

เพราะกระทำเหคุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 137

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้ในกาลก่อน ฯลฯ ออก

จากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

ขันธ์เหล่านั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 138

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 139

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๑๑๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 140

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 141

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

สเหตุกนเหตุมูลกนัย แม้ทั้ง ๓ ก็เป็นเช่นเดียวกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมเละสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 142

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

สมนันตรปัจจัย เหมือน อนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๑๑๕] ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 143

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

ทั้ง ๓ ปัจจัย เหมือนกับเหตุปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๑๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูลทั้งหลาย แห่งหัวข้อปัจจัยทั้งหลาย แม้ทั้ง ๒ เหล่านี้.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 144

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนา แล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในสเหตุมูลกนัย พึงให้พิสดารโดยเหตุนี้ ที่เหลือนอกนั้น มี ๒ วาระ.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 145

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล.

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๑๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย (เหมือนอนันตรปัจจัย)

๑๑. กัมมปัจจัย

[๑๑๘] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 146

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

เหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 147

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์

ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. วิปากปัจจัย

[๑๑๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย

คือ อโลภะที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจ

ของ วิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร เหมือนกับเหตุปัจจัย พึงกำหนดว่า วิบากทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. อาหารปัจจัย

[๑๒๐] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 148

๔. อินทริยปัจจัย

[๑๒๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พึงกำหนดว่า อินทรีย์. พึงกระทำ ๙ วาระให้บริบูรณ์.

๑๕. ฌานปัจจัย

[๑๒๒] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๖. มัคคปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

[๑๒๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 149

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหาร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี

๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนีย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๒๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 150

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นต้น

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 151

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 152

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๒๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนีย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๒๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 153

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 154

๕. เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารเหมือนกับ เหตุสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 155

๖. นเหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๑๓๐] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 156

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย.

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 157

๙. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๓๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 158

๔. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ พึงจำแนกอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 159

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๓๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ โมหะไม่มี.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๑๓๔] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 160

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๓๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๓๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 161

มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๓๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้ในสหชาตวาระ ก็พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 162

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๓๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตา

รูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 163

ปัจจัยสงเคราะห์ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙) ปวัตติ และปฏิสนธิ

พึงกระทำให้บริบูรณ์ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 164

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๔๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๔๒] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๔๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 165

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับ แม้ ๒ นัย ที่ยังเหลือ ก็พึงนับอย่างนี้.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 166

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. อารัมมณปัจจัย

[๑๔๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่

เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

อากิญจัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 167

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อกุศลและอกุศลดับไป

แล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศล

และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 168

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อ

กุศลและอกุศลับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 169

๒. อธิปติปัจจัย

[๑๔๖]๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีลแล้ว กระทำกุศลกรรมนั้น ให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 170

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้เเก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 171

๓. อนันตรปัจจัย

[๑๔๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 172

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. สมนันตรปัจจัย

[๑๔๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย.

๕. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี พึงกระทำเป็น ๗ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 173

๖. อัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๗. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พึงกระทำปวัตติ และ ปฏิสนธิ ทั้ง ๗ วาระ ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์

ไม่มี.

๘. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๔๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 174

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

ศีล ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์

ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

ที่ ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 175

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ปุเรชาตปัจจัย

[๑๕๐] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 176

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่

เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจปุเรชาตปัจจัย.

๑๐. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๑๕๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 177

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๑. อาเสวนปัจจัย

[๑๕๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน, โคตรภู

เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 178

๑๒. กัมมปัจจัย

[๑๕๓] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรมที่เป็นวิบากและกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 179

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. วิปากปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓).

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 180

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๔. อาหารปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๑๕. อินทริยปัจจัย

[๑๕๖] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 181

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๑๖. ฌานปัจจัย

[๑๕๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย พึงกระทำทั้ง ๔ วาระ.

๑๗. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. สัมปยุตตปัจจัย

[๑๕๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 182

๑๙. วิปปยุตตปัจจัย

[๑๕๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรมด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 183

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาระ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๑๖๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 184

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 185

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ย่อมเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 186

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬี-

การาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 187

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๑] ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย

มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๗

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๖๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 188

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 189

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗

วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

โนอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิตตปัจจัย มี

๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๖๔] เพราะอารัมมณปัจจัย ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 190

๔ วาระ ฯลฯ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน-

โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นเหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 191

๗. สัปปัจจยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๖๖] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็น

อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๑๖๗] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 192

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๖๙] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 193

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๗๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 194

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๓] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๔] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 195

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๕] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๖] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล, กิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 196

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปัจจยธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัปปัจจยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๗๗] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 197

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมที่ทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน

แล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 198

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

[๑๗๘] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, อุปนิสสย-

มูล มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

ปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๗๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 199

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๘๐] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 200

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

โนนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัปปัจจยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 201

๘. สังขตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๔] ๑. สังขตธรรม อาศัยสังขตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสังขตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ทุกะนี้ พึงกระทำเหมือนสัปปัจจยทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สังขตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 202

๙. สนิทัสสนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๕] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ฯลฯ ที่เป็นอนิทสัสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทสัสนธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 203

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๘๗] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 204

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทสัสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ พึงกระทำทุกปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ื้นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 205

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๙] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป ...อาหารสมุฏฐานรูป ...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 206

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป ... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิ-

ทัสสนธรรมอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุตุกะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ฯลฯ

พาหิรรูป . . .อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 207

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พึงกระทำอย่างนี้ทุกปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๑] ๑. เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 208

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑วาระ ในอนันตร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ โนนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 209

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๙๓] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้.

[๑๙๔] ๒. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 210

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๙๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 211

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

แม้นิสสยวาระ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 212

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๑] อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

ทั้งหมดนี้ พึงแจกกับด้วยจำนวนปัจจัยรวมกัน อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 213

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 214

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๓] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ รูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญญาณ และอาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 215

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

จักษุ ฯลฯ กายะ เสียง หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๐๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 216

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำรูปที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำรูปนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจาก

ฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 217

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจอธิปติปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรมด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐๕] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, เนว-

สัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 218

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๐๖] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๐๗] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลปรารถนาซึ่งความถึงพร้อมแห่งวรรณะ ย่อมให้ทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม.

ความถึงพร้อมแห่งวรรณะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 219

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๐๘] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

คือ พิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 220

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรมเป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ได้แก่รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๐๙] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 221

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๑๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๑๑] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 222

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๑๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำกวฬีการาหาร ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำรูปชีวิตินทรีย์ ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 223

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๑๓] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 224

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 225

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๑๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 226

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 227

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป-

ที่เป็นอุปาทารูป ซึ่งเป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 228

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๑๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 229

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ นปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๑๖] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 230

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๑๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี

๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 231

มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๑๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียะ จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๑๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 232

วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สนิทัสสนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 233

๑๐. สัปปฏิฆทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัย โผฏฐัพพายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม.

อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 234

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นอัปปฏิฆธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 235

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อาศัยอาโปธาตุ.

๖. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

อาโปธาตุ.

๗. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอาโปธาตุ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 236

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๘. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรมและอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม

อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

โผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 237

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๒๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อธิปติปจจัย

[๒๒๒] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย พึงเว้นปฏิสนธิ และกฏัตตารูป.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมด.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๒๒๓] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 238

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พึงกระทำอัชฌัตติกพาหิรมหาภูตรูปเหล่านี้.

๖. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และ

อาโปธาตุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 239

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนิสสยปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 240

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อัปปฏิฆมูลกนัย พึงกระทำเป็น ๒ วาระ แม้นอกนี้, แม้ในปัจจัย

สงเคราะห์ ก็พึงกระทำเป็น ๓ วาระ อัชฌัตติกมหาภูตรูปและพาหิรมหาภูตรูป

ทั้งหมด ผู้มีปัญญารู้แล้ว พึงกระทำ.

๒. นอารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

[๒๒๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 241

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๒๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๒๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาร ะ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 242

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๒๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัยมี ๑

วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 243

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕ วาระ ที่เหลือ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 244

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และกายายตนะ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 245

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ

แม้การนับปัจจนียะ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

แม้นิสสยวาระก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

แม้ในสังสัฏฐวาระทั้งหมด แต่ละปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย ก็มี ๑ วาระ เท่านั้น.

แม้วาระทั้งสอง (สหชาตวาระ และ สัมปยุตตวาระ) ก็พึงกระทำ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 246

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 247

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๔] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 248

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว, กิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลส

ทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญา-

ยตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิเวสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๓๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

โผฏฐัพพะทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 249

๒. อัปปฏฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อานาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาล

ก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำหทยวัตถุ ฯลฯ

อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหารให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำหทยวัตถุเป็นต้นนั้นให้อารมณ์อย่างหนัก

แน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 250

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

คือ อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๓๖] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัย

แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

[๒๓๗] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 251

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๓๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๓๙] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

อุตุ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 252

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ โภชนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ โภชนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๔๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 253

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะและหทยวัตถุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 254

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

พึงกระทำมูลแห่งวาระทั้งสอง.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๔๒] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ โวทาน

เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๔๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหขชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 255

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได่แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๔๔] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ อัปปฏิฆธรรมที่เป็นวิบาก ฯลฯ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 256

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๔๕] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

วาระ ๒ ที่เหลือนอกนั้นพึงกระทำ. ปฏิสนธิ กวฬีการาหาร พึงกระทำ

แม้ในวาระทั้ง ๒ เบื้องปลาย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๔๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำชีวิตินทรีย์ แม้ใน ๓ วาระเบื้องปลาย (วาระที่ ๒ - ๔)

๕. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 257

คือ จักขุนทรีย์และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคต

ด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ และกาย-

วิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๔๗] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๔๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 258

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย, หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 259

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อนด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๔.] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ วาระแรกเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 260

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อาโปธาตุ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่อิตถินทรีย์ ฯลฯ แก่กวฬีการาหาร

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 261

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๒

และอาโปธาตุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ที่เกิดก่อน ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 262

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จักขายตนะ ฯลฯ แก่โผฏฐัพพายตนะ ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 263

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 264

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาระ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ที่เกิดพร้อมกัน และจักขายตนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ

และกายายตนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 265

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๐] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๕๑] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 266

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 267

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ...

ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓

วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 268

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๕๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . .

ในอธิปติปัจจัย ๔ วาระ ฯลฯ

พึงนับอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สัปปฏิฆทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 269

๑๑. รูปีทุกะ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๕๕] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 270

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 271

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้ง

หลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๕๗] รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 272

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกำหนด วาระทั้ง ๙ ว่าเป็นอเหตุกะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 273

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ . . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 274

มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 275

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๑] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

วาระที่เหลือนอกนั้น พึงจำแนกเป็น ปวัตติ ปฏิสนธิ อย่างนี้.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๖๒] ๑. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 276

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายา-

ยตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจั มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 277

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๖๔] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกระทำปวัตติ ปฏิสนธิ.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 278

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็น

อเหตุกะ และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 279

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่เป็นอเหตุกะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๖๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในน

ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 280

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๖๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี๓ วาระ... ใน

ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 281

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๘] ๑. อรูปีธรรม เจือกับอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัยก็ดี การนับทั้ง ๓ นัยก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี ทั้งหมดพึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว มี ๑ วาระเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 282

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๗๐] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 283

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๗๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่ปุพเพ-

นิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว ฯลฯ พิจารณาผล.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 284

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริย-

ญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปปัจจัย

[๒๗๒] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ กวฬีกา-

ราหารให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 285

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอรูปีธรรมให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ฯลฯ ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 286

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๗๓] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๗๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 287

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ทุกข์ทางกาย เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๗๕] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

ฯลฯ จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 288

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ. หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชตปัจจัย

[๒๗๖] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๗๗] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๗๘] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 289

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 290

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗๙] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘๐] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

คือ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๘๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 291

คือ รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (คือวาระที่ ๓-๕)

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ

๑๗. ฌานปัจจัย

[๒๘๒] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 292

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๘๓] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 293

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๒๘๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 294

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาจักษุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ ด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 295

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 296

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, ฯลฯ เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 297

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๖] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 298

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗

วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 299

สมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี

๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโน-

อวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ โนนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 300

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน-

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ.

พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

รูปีทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 301

๑๒. โลกิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๐] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. โลกิยธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 302

๔. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตรธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๕. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๕ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 303

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๒] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ.

ในอาเสวนมูลกนัย ในโลกุตตระ ในสุทธกอรูปภูมิ พึงกำหนด

คำว่า วิบาก ส่วนที่เหลือนอกนั้น พึงกระทำตามปรกติ.

ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหาร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 304

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๙๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับปัจจนียะ ในน

วิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๙๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน-

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตะ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 305

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๖] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูต-

รูปทั้งหลาย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๖)

๗. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 306

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๘. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

และ โลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๙๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 307

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๘] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ในโลกุตตระ ในอรูปภูมิ พึงกำหนดว่าวิบาก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 308

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๐๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับ ในปัจจ-

นียะ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๐๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ.... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 309

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๒] ๑. โลกิยธรรม เจือกับโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เจือกับโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สังสัฏฐวาระพึงให้พิสดารอย่างนี้ พร้อมด้วยการนับ มี ๒ วาระ.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 310

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๐๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลสที่ละ

แล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 311

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิย-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกิยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรค แก่ผล ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วพิจารณามรรค, พิจารณา

ผล, พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่อาวัชชนะ ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 312

พระอริยะทั้งหลายรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกุตตร-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๐๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลที่เคยทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ

พระเสกขบุคคลทั้งหลาย กระทำโคตรภูให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ฯลฯ กระทำโวทานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 313

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ย่อมพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 314

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๐๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อานาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 315

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล, ผล เป็นปัจจัยแก่ผล ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ผล เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๐๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 316

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ยัง

วิปัสสนาให้เกิดขึ้น ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ

ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็น

โลกิยธรรม ฯลฯ แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

กรรมที่เป็นกุศลและอกุศล เป็นปัจจัยแก่วิบาก ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บริกรรมแห่งปฐมมรรค เป็นปัจจัยแก่ปฐมมรรค ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ บริกรรมแห่งจตุตถมรรค เป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 317

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปฐมมรรคเป็นปัจจัยแก่ทุติยมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ

ตติยมรรคเป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายเข้าไปอาศัยมรรคแล้ว ยังสมาบัติที่ยังไม่เกิดให้เกิด

ขึ้น เข้าสมาบัติที่เกิดขึ้นแล้ว พิจารณาเห็นสังขาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

มรรคของพระอริยะเหล่านั้น ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ความฉลาดในฐานะ

และอฐานะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ผลสมาบัติ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๐๘] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 318

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๐๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 319

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๑๐] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 320

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๑๑] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 321

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๑๒] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๑๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 322

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๑๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

พึงกระทำปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ

กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๑๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 323

๒. โลกุตตรธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๘. มัคคปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของมัคคปัจจัย

ในโลกิยธรรมเป็นปัจจัย มี ๑ วาระ.

ในโลกุตตรธรรมเป็นปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัย ฯลฯ มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๑๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 324

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 325

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๑๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 326

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 327

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯ ฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 328

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 329

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๑๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอานาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัย แก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๖. โลกิยธรรม และโลุกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 330

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และ โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๗

วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในน-

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิ

ปัจจัยมี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๒๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 331

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๒๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

โลกิยทุกะ จบ

อรรถกถาโลกิยทุกะเป็นต้น

อีกอย่างหนึ่ง ทุกะเหล่านี้คือ โลกิยทุกะ สาสวทุกะ สัญโญชนียทุกะ

คันถนียทุกะ นีวรณียทุกะ ปรามัฏฐทุกะ สังกิเลสิกทุกะ อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนียทุกะ คันถวิปปยุตตคันถนียทุกะ นีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณียทุกะ ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ กิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกทุกะ

ปริยาปันนทุกะ และสอุตตรทุกะ เหมือนกัน กิเลสทุกะเหมือนสัญโญชนทุกะ

สังกิลิฏฐทุกะ กิเลสสัมปยุตตทุกะ นีวรณสัมปยุตตทุกะ ทัสสเนนปหาตัพพทุกะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 332

และสรณทุกะ เหมือนกัน อนึ่ง กิเลสทุกะ สังกิลิฏฐนีวรณทุกะ นีวรณ-

สัมปยุตตกิเลสทุกะ และกิเลสสัมปยุตตทุกะ เหมือนกัน โดยนัยนี้ ผู้ศึกษา

พึงทราบว่า วิสัชนาแห่งทุกะทั้งปวงที่มีเนื้อความเหมือนกัน ย่อมเป็นเช่น

เดียวกันนั่นเอง.

ก็ในปัฏฐานทั้งหมด ย่อมไม่ได้เกนจิวิญเญยยทุกะ. ในทุกะอันมีรูป

อย่างนี้ เหล่านี้คือ " อาสวา เจว อาสวสมฺปยุตฺตา จ, สญฺโชนา

เจว สญฺโชนสมฺปยุตฺตา จ, คนฺถา เจว คนฺถสมฺปยุตฺตา จ,

นิวรณา เจว นีวรณสมฺปยุตฺตา จ, กิเลสา เจว สงฺกิลิฏา จ "

ย่อมไม่ได้วิปากปัจจัย และนานากขณิกกัมมปัจจัย. ในนเหตุสเหตุกทุกะ

นเหตุอเหตุกทุกะ ไม่มีเหตุปัจจัย. ในทุกะเหล่านี้คือ เหตุเหตุสัมปยุตทุกะ

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ, คันถคันถสัมปยุตตทุกะ ย่อมไม่ได้นเหตุปัจจัย

นฌานปัจจัย และ นมัคคปัจจัย. ส่วนในทุกะเหล่านี้คือ สัญโญชน-

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ, นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ กิเลสกิเลสสัมปยุตตทุกะ

กิเลสสังกิลิฏฐทุกะ ย่อมได้นเหตุปัจจัย ด้วยอำนาจแห่งโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉาและอุทธัจจะ ย่อมไม่ได้นฌานปัจจัย และนมัคคปัจจัย. ผู้ศึกษา

กำหนดวิสัชนาที่มีได้และมีไม่ได้ในทุกะทั้งปวง ดังอธิบายมาแล้ว พึงทราบ

การนับวาระด้วยอำนาจแห่งบาลีแล.

อรรถกถาทุกปัฏฐาน จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 333

๑๓. เกนจิวิญเญยยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๓๒๓] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยย-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 334

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๓. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม, เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๔. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 335

๕. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๖. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศยัมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 336

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๘. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญ-

เญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 337

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ การนับพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี

สัมปยุตตวาระก็ดี พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปัจจยวาระ พึงแสดง หทยวัตถุ และอายตนะห้า พึงกระทำตามที่ได้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 338

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๖] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่เกนจิวิญเญยย-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๒๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับทั้งสี่นัยพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

เกนจิวิญเญยยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 339

๑๔. อาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๙] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ, กามาสวะ อวิชชาสวะ

อาศัยทิฏฐาสวะ, กามาสวะ ทิฏฐาสวะ อาศัยอวิชชาสวะ, อวิชชาสวะ อาศัย

ภวาสวะ, อวิชิชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ.

พึงผูกจักรนัย แม้อย่างหนึ่ง ๆ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

อาสวธรรม.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 340

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวะ ๔ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 341

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๐] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี

๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 342

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๓๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรมเกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 343

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๓๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 344

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๓๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 345

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๓๖] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

อาสวมูลกนัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 346

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

อาศัยอาสวธรรม และหทยวัตถุ.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 347

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 348

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

การนับทั้งปวง พึงนับอย่างนี้.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 349

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๐] ๑. อาสวธรรม เจือกับอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ เจือกับกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๔๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 350

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 351

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๓] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ภวาสวะ เป็นปัจจัยแก่ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 352

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๔๔] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 353

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณาพิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 354

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทานแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทานนั้น

เพราะปรารภทานนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนที่สอง.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 355

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายนั้น อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาสวธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ อาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๔๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 356

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำอาสวธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

ในกาลก่อน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ กระทำนิพพานให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักเเน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 357

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 358

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำอาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ ฯลฯ อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ. พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๔๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 359

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 360

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ และ

พึงแสดง หทยวัตถุ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๔๗] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 361

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ศีล ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 362

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๔๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 363

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ เพราะปรารภจักษุนั้น

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และอาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 364

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๔๙] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๕๐] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๕๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 365

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๕๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 366

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๕๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๕๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 367

ในปฏิสนธิขณะ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๕๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 368

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 369

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๕๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 370

คือ กามาสวะะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ เเก่อวิชชาสวะ แก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 371

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 372

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ อาสวธรรม และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชา-

สวะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 373

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ, แก่อวิชชาสวะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาร และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และอาสวธรรมทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 374

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๕๗] ในเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 375

ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕๘] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อานาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 376

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 377

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๕๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๖๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 378

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๖๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 379

๑๕. สาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๒] ๑. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. สาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม.

๔. สาสวธรรม และอนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 380

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม และอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

สาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 381

๑๖. อาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๓] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 382

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑, มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๓,

มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. อาสวสัมปยุตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 383

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 384

คือ โมหะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๖๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 385

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยโทมนัส.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 386

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย. จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปัจจัยทั้งปวง พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๖๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 387

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

[๓๖๗] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 388

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยขันธ์อาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย

[๓๖๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 389

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๓๗๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 390

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ ฯลฯ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๗. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ มี ๒ วาระ (วาระที่ ๖-๗)

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 391

๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๓๗๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ วิปปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 392

๑๒. นวิปากปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 393

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ใน

มัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 394

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๗๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 395

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 396

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๗๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ

(วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 397

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 398

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ

เพราะอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 399

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๗๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 400

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทาอย่างนี้.

แม้ นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 401

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ฯลฯ.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๘๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๘๒] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 402

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๘๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้ สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 403

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่โมหะและจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 404

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 405

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๘๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 406

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

ในที่นี้ ความยินดีไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 407

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ

ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ โทมนัส วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 408

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 409

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๘๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 410

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว พิจารณา.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 411

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๘๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดขึ้นหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 412

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 413

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 414

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทังหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสาวววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 415

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๘๘] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทังหลาย

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 416

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ

ปัญญา สุขทางกาย เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย โมหะ เป็นปัจจัยแก่

ศรัทธา แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 417

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ

โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. อาสววิปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ศีล ฯลฯ โมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 418

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๘๙] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 419

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

โมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 420

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๙๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 421

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๙๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๙๒] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 422

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 423

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๓] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๙๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 424

อาหารทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

อาหารทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๙๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 425

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงให้พิสดาร.

๓. อาสสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 426

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 427

๒ . อัตถิปัจจัย

[๓๙๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

สหชาตปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 428

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

พึงให้พิสดาร.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา

ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 429

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาติ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 430

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ิ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 431

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๙๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 432

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 433

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัย แก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 434

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับจำนวนอนุโลม ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 435

๑๗. อาสวสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ที่เป็นสัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ ภวาสวะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 436

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่

ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

ธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 437

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยอย่างนี้.

๘. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สงัสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

อาสวทุกะ ฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 438

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย ฯลฯ ๓. อธิปติปัจจัย

ในปัญหาวาระ ในเหตุปัจจัย ก็ดี ในอารัมมณปัจจัยก็ดี ไม่พึง

กระทำโลกุตตระ ควรกระทำว่า " พระเสกขะทั้งหลาย " ย่อมพิจารณาโคตรภู

ย่อมพิจารณาโวทาน แม้ในอธิปติปัจจัย ผู้ที่รู้ปัจจัยทุกอย่างแล้ว พึงกระทำ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรม และสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 439

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน,

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 440

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 441

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงให้พิสดารอย่างนี้ทั้งหมด.

อนันตรปัจจัย แม้ในอาสวทุกะ ก็พึงให้พิสดาร เหมือนกับทุกะนี้.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ท่านแสดงไว้เหมือนกันอย่างนี้ ข้อที่ย่อไว้

ทั้งหมด พึงกระทำให้พิสดาร เหมือนกับอาสวทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

อาสวสาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 442

๑๘. อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ

๒. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 443

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อาสวสัมปยุตตกามาสวธรรมทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 444

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยทั้งหมด

๘. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 445

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทุกปัจจัยพึงกระทำอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๐๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย ไม่มี ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๔๐๗] ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย

นเหตุมูลกะ ไม่มี.

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 446

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

แม้การนับทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำให้บริบูรณ์

อย่างนี้ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 447

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๑๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 448

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

อธิปติปัจจัย มีการกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 449

อนันตรปัจจัย พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อน ๆ เหมือนกับ อารัมมณ-

ปัจจัยนั่นเทียว.

สมนันตรปัจจัย สหชาตปัจจัย อัญญมัญญปัจจัย นิสสยปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัยนั่นเทียว การจำแนก ไม่มี มี ๓ วาระ.

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัยทั้งหมด.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 450

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมเป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 451

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 452

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 453

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 454

๑๙. อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

สาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตอนาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ พิสดารฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มี

แตกต่างกัน ฯลฯ

อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ จบ

อาสวโคจฉกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 455

๒๐. สัญโญชนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๘] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

สีลพตปรามาสสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

มานสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อิสสาสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

มัจฉริยสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

ภวราคสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยมานสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยภวราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 456

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

๖. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 457

๗. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย

ในอารัมมณปัจจัย รูปไม่มี.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ เหตุปัจจัย วิจิกิจฉาสัญโญชน์ไม่มี.

เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 458

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ใน

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๒๐] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 459

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ฯลฯ

เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ

แม้นอารัมมณปัจจัยทั้งหมด ก็พึงยกขึ้น.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๒๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้ทั้งหมด.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 460

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๒๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัย

ทั้งปวง มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๔ วาระ.

สหชาตวาระ

อนุโลมนัย

๑. สัญโญชนธรรมเกิดร่วมกับสัญโญชนธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 461

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๔] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม.

๔. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 462

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัญโญชนธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

หทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชน-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย

และหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 463

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยกามราค-

สัญโญชน์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๒๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในที่ใด ๆ ได้ หทยวัตถุ ในที่นั้น

พึงกระทำให้มีหทยวัตถุ เช่นเดียวกัน. ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสองแม้นอกนี้ก็ดี นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 464

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๗] ๑. สัญโญชนธรรม เจือกับสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ เจือกับกามราคสัญโญชน์.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้ เฉพาะอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 465

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 466

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๒๙] ๑. สัญโญชนธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณากุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 467

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 468

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

สัญโญชนธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙) พึงกระทำว่า เพราะปรารภนั่นเทียว.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๓๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ มีการกระ-

ทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 469

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๕-๖)

อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ แม้แห่งวาระทั้ง ๓ ก็ควรกระทำ.

พึงจำแนกทั้ง ๓ วาระอีก.

๗. สัญญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๓๑] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 470

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แม้ทั้ง๒ วาระ (วาระที่ ๕-๖)

ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญญชนธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 471

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๓๒] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย แม้ทั้ง ๓ วาระ ก็เหมือนอย่างนี้.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ

เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 472

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 473

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

ปุเรชาตปัจจัย

[๔๓๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 474

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์-

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๓๔] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจจองปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 475

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๓๕] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๔๓๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 476

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๓๗] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 477

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๔๓๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 478

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม-

สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ เหมือนกับ อาสวทุกะ.

๗. สัญโญชนธรรมและธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 479

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

เหมือนกับอาสวทุกะ.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ พึงจำแนก เหมือนกับ

อาสวทุกะ.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

พึงจำแนก เหมือนกับอาสวทุกะ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 480

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๔๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจขออุปนิสสย-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 481

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต ปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 482

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๔๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ.... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๔๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 483

๒๑. สัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๔] ๑. สัญโญชนิยธรรม อาศัยสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

เหมือนกับโลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 484

๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรมอาศัย สัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 485

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 486

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๔๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 487

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๔๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 488

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๔๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน-

นัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๙] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 489

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 490

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๕๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 491

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๕๓] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ ตลอดถึงปฏิสนธิ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 492

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เเละสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 493

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๕๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ตลอดถึงปฏิสนธิ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 494

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคด้วยอุทธัจจะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 495

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๕๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๕๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๕๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 496

๓. สัญโญชนวิปปยุตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ และ

โมหะ ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา และหทยวัตถุ.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 497

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ. พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน-

ปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 498

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 499

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 500

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 501

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๖๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 502

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 503

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญ-

ชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 504

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๖๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ครั้นกระทำราคะเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 505

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วกระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 506

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำทานเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 507

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๖๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอานาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 508

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ ฯลฯ ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 509

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 510

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๖๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 511

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย

เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 512

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะ แล้วฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่

ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 513

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๔๖๙] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 514

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง

เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 515

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๗๐] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ที่เกิด

ภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 516

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๗๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี

วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๔๗๒] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 517

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๔๗๓] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 518

๑๕. อาหารปัจจัย

[๔๗๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

๑๖. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๗๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 519

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๗๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 520

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โมหะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ พึงให้พิสดาร.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 521

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 522

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม, โมหะและมหาภูตรูป

ทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 523

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 524

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 525

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๗๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 526

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 527

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๘๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๘๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 528

๒๓. สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญใญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 529

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงมหาภูตรูป.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 530

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราค-

สัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

เหมือนปฐมทุกะในสัญโญชนโคจฉกะ ทุกะแม้นี้พึงให้พิสดารอย่างนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน เว้นโลกุตตระ.

สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 531

๒๔. สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยกามราคสัญโญชน์.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 532

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 533

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๘๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 534

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๘๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๘๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 535

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัย นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 536

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 537

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๘๘] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชน-

ธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 538

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

(วาระที่ ๗-๙)

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๘๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 539

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๔-๖)

อารัมมณาธิปติก็ดี สหชาตาธิปติก็ดี พึงกระทำในวาระ แม้ทั้ง ๓

เหล่านี้.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๙๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

การจำแนกไม่มี เหมือนกับอารัมมณปัจจัย ไม่มีแตกต่างกัน.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 540

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำโดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๙๑] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 541

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๙๒] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๙๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 542

๙ วาระ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว พึงเปลี่ยนแปลง ในบททั้ง ๓

นั่นเทียว นานาขณิกะ ไม่มี.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนัยจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๙๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ. . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 543

๒๕. สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๗] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. ฯลฯ ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญ-

ชนิยธรรม ฯลฯ พึงกระทำ ๒ วาระ.

ทุกะนี้เหมือนกับโลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 544

๒๖. คันถทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๘] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถธรรม.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 545

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 546

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๙๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๐] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 547

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. อุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐๒] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 548

คือ ในอรูปภูมิ อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, ในอรูปภูมิ สีลัพพตปรามาส

ไม่มี.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 549

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๐๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 550

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๐๖] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม

คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 551

คือ ขันธ์ ๓ คันถธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และหทยวัตถุ.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 552

อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ

และหทยวัตถุ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๐๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 553

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๑๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ นโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๑๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ นั่นเอง.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำเป็น ๙ วาระ รูปไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 554

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๑๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 555

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 556

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๑๓] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณากุศลกรรม

นั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 557

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว กิเลสที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 558

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะ ย่อม

เกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น คันถ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๗-๙)

พึงกระทำคำว่า เพราะปรารภ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 559

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๑๔] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำว่าให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 560

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทังหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำซึ่งกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทานเป็นต้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 561

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๑๕] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

ไม่ใช่คันถธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 562

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๔-๕-๖)

๒ วาระ พึงกระทำอาวัชชนะ, วาระที่ ๑ ไม่มี.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๗-๘-๙)

วุฏฐานะแม้หนึ่ง พึงกระทำในวาระท่ามกลาง.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 563

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๑๖] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 564

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พึงกระทำ โดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 565

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๑๗] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 566

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 567

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๑๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 568

๑๔. วิปากปัจจัย

๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๑๙] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 569

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๒๐] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 570

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. คันถธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจ-

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมี่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 571

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, คันถธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

อภิชฌากายคันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 572

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรม แสะสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ทีเกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 573

๙. คันธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 574

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๒๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 575

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 576

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๒๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๒๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๒๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 577

๒๗. คันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๖] ๑. คันถนิยธรรม อาศัยคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถนิยธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงแจกฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

คันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 578

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม.

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 579

ขันธ์ ๓ ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 580

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๒๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 581

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 582

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 583

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๐] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดจนถึงอสัญญสัตว์

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ อรูปภูมิเมื่อจะแจกในนปุเรชาต-

ปัจจัยพึงกระทำก่อน, รูปภูมิย่อมได้ในที่ใด พึงกระทำภายหลัง, และปฏิฆ

ไม่มีในอรูปภูมิ. ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙

วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 584

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 585

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๓๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระเหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 586

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ อาศัยหทยวัตถุ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, หทยวัตถุ และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส. หทยวัตถุ และปฏิฆะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 587

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และหทยวัตถุ.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 588

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๓๕] ในเหตุปัจจัยมี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๙

วาระ ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๖] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 589

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ฯลฯ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 590

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โลภะ เจือกับขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 591

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 592

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๔๒] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๔๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๔๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 593

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๔๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 594

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 595

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์, ปฏิฆะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 596

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 597

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๔๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูลในแม้ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น, ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 598

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม, พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มไว้, ย่อมรู้กิเลสทั้งหลายที่สั่งสมไว้ใน

กาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 599

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เพราะปรารภขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เเละโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 600

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๔๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 601

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 602

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลกระทำกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อนให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลออกจากฌาน กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลาย ออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 603

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็น

คันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 604

เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัม-

ปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๔๙] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 605

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 606

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คัยถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 607

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และ

โลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๗)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 608

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อนๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 609

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๕๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 610

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ ความปรารถนา

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เสนาสนะ เป็น

ปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ

แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ มานะ ความ

ปรารถนา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 611

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มีอุปนิสสยะทั้ง ๓ นัย.

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ.

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ ความปรารถนา เสนาสนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 612

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม แก่โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๕๑] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 613

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 614

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๕๕๒] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

ที่เกิดภายหลัง และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 615

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๕๕๓] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๕๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัย

แก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 616

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 617

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๕๕๕] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๕๕๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๕๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 618

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรมเป็น

ปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 619

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๕๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ พึงจำแนก.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือน

กับปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 620

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 621

ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 622

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสที่เกิดพร้อมกัน และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 623

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง, เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬีการา-

หาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิติน-

ทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมที่เกิดพร้อม

กัน และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 624

ที่เป็น สหชาตะ รวมกัน ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๕๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี

๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 625

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๖๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 626

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 627

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๖๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๖๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 628

๒๙. คันถคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

คันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ คันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 629

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙ วาระ พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๖๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิยธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 630

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ทั้งหมด พึงให้พิสดาร.

ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 631

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 632

๓ วาระ แม้นอกนี้ (วาระที่ ๗-๘-๙) พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าว

มาแล้ว พึงกระทำ เพราะปรารภ.

ในทุกะนี้ โลกุตตระไม่มี เหมือนกับคันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน พึง

กาหนดคำว่า คันถนิยะ.

ในมัคคปัจจัย พึงกระทำ ๙ วาระ.

คันถคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 633

๓๐. คันถคันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัย

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 634

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 635

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๘. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรม เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 636

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๕๖๙] ๑. ธรรมที่ เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย ฯลฯ

ในที่นี้ นเหตุปัจจัย ไม่มี.

[๕๗๐] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมม-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับทั้งสองนัยแม้นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับปฏิจจ-

วาระอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 637

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 638

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 639

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 640

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๗๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่

ใช่คันถธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 641

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม คันถธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓ วาระ แม้นอกนี้ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ในอธิปติปัจจัยก็ดี ในอนันตรปัจจัยก็ดี ในอุปนิสสยปัจจัยก็ดี เหมือน

กับอารัมมณปัจจัย วิภังค์ไม่มี.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๗๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อรูปธรรมเท่านั้นเป็นปัจจัย. แต่ละอย่างพึงกระทำอย่างละ ๓ นัย

ในอารัมมณะ สหชาตะ อุปนิสสยะ พึงเปลี่ยนแปลงทั้ง ๙ วาระ แม้ในปัญหา

วาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด.

คันถคันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 642

๓๑. คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๔] ๑. ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตคันถนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มีแตก

ต่างกัน.

คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 643

๓๒. โอฆและโยคโคจฉกทุกะ

ปฏิจจวาระ

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๕] โอฆธรรม อาศัยโอฆธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย.

โยคธรรม อาศัยโยคธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

โคจฉกะทั้ง ๒ เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

โอฆและโยคโคจฉกทุกะ จบ

๑. โอฆโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่ ๓๒ ถึง ๓๗). โยคโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่

๓๘ ถึง ๔๓) ทุกะต่อไปคือนีวรณทุกะ จึงเป็นทุกะที่ ๔๔

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 644

๔๔. นีวรณทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

พยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ กุกกุจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 645

๓. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 646

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 647

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๗๘] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. นีวรณธรรมอาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 648

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๗๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 649

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๘๐] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

กามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

วาระที่เหลือทั้งหมด (คือวาระที่ ๓-๖) พึงให้พิสดาร.

อรูปภูมิ พึงกระทำก่อน ส่วนรูปภูมิ พึงกระทำภายหลัง ตามที่จะ

พึงกระทำได้.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 650

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรน อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และ

นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชา-

นิวรณ์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 651

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจานียานุโลม

[๕๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 652

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๘๔] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูป.

๑. ๒. มีใน ม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 653

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรมและธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ถีนมิทธนีวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 654

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๘๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 655

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณอาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปุยุตตขันธ์ที่หลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และหทยวัตถุ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 656

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจยวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 657

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๐] ๑. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ เจือกับกาม-

ฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

นิวรณ์ทั้งปวง พึงให้พิสดาร.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๙๒] ๒. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 658

คือ อวิชชานิวรณ์ เจือกับวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์เจือกับ

อุทธัจจนิวรณ์.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระในสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 659

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่

ใช่นีวรรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 660

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๙๕] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น

เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 661

ออกจากฌานแล้วพิจารณา ฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณา เห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 662

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาณ ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุ เป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน. ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๕- ๖- ๗) พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๙๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 663

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำ นีวรณธรรมทั้งหลาย ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น. มี ๓ วาระ เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ มรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 664

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 665

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ จักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือเป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-

๘-๙) เป็นอารัมมณาธิปติเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๙๗] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 666

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

นีวรณธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจฃองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 667

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. นีวณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 668

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๙๘] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณวรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ฯลฯ ยังฌานให้เกิดขึ้น ยังวิปัสสนา ฯลฯ ยังมรรค ฯลฯ ยังอภิญญา ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 669

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ทิฏฐิ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผล-

สมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 670

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ นีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๙๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 671

ปุเรชาตปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

พึงจำแนก กุศล และอกุศล.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๐๐] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 672

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๐๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๐๓] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

วาระ ๔ ที่เหลือ พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 673

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๐๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์

แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ในนีวรณมูล ก็มี ๓ วาระ อย่างนี้ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่างคือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 674

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธ-

นิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่

อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 675

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

นีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีกา-

ราหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 676

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจนิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจ-

นิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 677

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยนัยปัจจนียะ

[๖๐๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริย์ปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 678

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๐๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 679

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๐๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุป-

นิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ... ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนวิคตปัจจัยมี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๐๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัญหาวาระ จบ

นีวรณทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 680

๔๕. นีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณยธรรม เกิดขึ้น ฯลฯ

โลกิยทุกะฉันใด นีวรณิยทุกะ ก็พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

พึงประกอบนิวรณ์ด้วยนิวรณ์ ๘ ครั้ง คือ กามฉันทะ ๒ ครั้ง ปฏิฆะ ๔ ครั้ง

อุทธัจจะและวิจิกิจฉาสองอย่างนี้ อย่างละหนึ่งครั้ง. มาติกาแห่งนีวรณทุกะ

ได้ทำไว้แล้วในวาระนี้.

นีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 681

๔๖. นีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม.

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 682

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี

๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 683

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาติปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัยมี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโน-

วิคตปัจจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี

๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัยมี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

๑. ม. นอนันตระ ถึง นอุปนิสสยะ แต่ละปัจจัยมี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 684

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ...ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 685

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 686

๕. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. นีวรณวิปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นีวรณสัมปปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 687

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๙] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปตุตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 688

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี๓ วาระ.

การนับสองนัย นอกนี้ก็ดี, นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำอย่างกล่าว

มาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 689

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

[๖๒๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ เจือกับนีวรณวิปปยุตตธรรม ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 690

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๒ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

การนับ ๒ นัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 691

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 692

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๒๖] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทิฏฐิ เพราะปรารภทิฏฐินั้น

ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภวิจิกิจฉา วิจิกิจฉา ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภอุทธัจจะ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา

ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโทมนัส โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ

อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 693

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ พิจารณาผล

ฯลฯ นิพพาน

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 694

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เพาระปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๒๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ฯลฯ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 695

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ฯลฯ ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 696

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๒๘] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 697

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ในที่นี้ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ไม่มี.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 698

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๒๙] ๑. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ยังฌาน วิปัสสนา มรรค อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 699

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ ยังมรรค

ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 700

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ เสนา

สนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๓๐] ๑. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 701

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๓๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๓๒] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 702

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 703

๑๔. วิปากปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๓๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๓๔] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 704

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๓๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 705

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิงยิ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็น ปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 706

๗. นีวรณสัมปยุตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๓๖] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 707

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๓๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 708

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นีวรวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ

รวมกับ ปุเรชาตะ.

๗. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๓๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัม-

ปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี๔

วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 709

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๓๙] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ สาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

นีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 710

๔๗. นีวรณนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

การนับทั้งหมดพึงกระทำอย่างนี้ เหมือนกับ นีวรณทุกะ ไม่มี

แตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 711

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

นีวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 712

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๔๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม

แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 713

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู โวทาน ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อม

เพลิดเพลินยิ่ง ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ พึงกระทำตลอดถึงอาวัชชนะ.

๕. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 714

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙) แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างนี้.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

แม้ปุเรชาตปัจจัย ก็เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

ส่วนในนิสสยปัจจัย ไม่พึงกระทำ โลกุตตระ.

ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

นีวรณทุกะ ฉันใด พึงพิจารณา แล้วกระทำฉันนั้น.

นีวรณนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 715

๔๘. นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย พึงทำนิวรณ์ทั้งหมด.

๒. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 716

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และนีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 717

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 718

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอุโลม

[๖๔๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๔๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 719

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๔๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ... ฯลฯ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 720

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระ

ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ ปฏิจจวาระ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 721

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๕๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และนีวรณทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 722

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๕๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 723

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมเป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม-

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๕๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ พึงกระทำว่า

กระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นนั้นเทียว.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 724

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุคคธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้หนักแน่น นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 725

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๖๕๓] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย อา-

วัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อนๆ ในที่ทั้งปวง.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย วิบากไม่มี.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๖๕๔] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 726

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. อาหารปัจจัย

[๖๕๕] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๓. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 727

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๕๗] ธรรมที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในบททั้ง ๓ พึงเปลี่ยนแปลงให้เป็น ๙ วาระอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 728

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 729

๔๙. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๑] ๑. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณิยธรรมเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตนีวรณิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 730

๕๐. ปรามาสทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์. มหาภูตรูป ฯลฯ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 731

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๖๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 732

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๖๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 733

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๖๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 734

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายและจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 735

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม และหทย-

วัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๗๐] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 736

ปัจจนียนัย

[๖๗๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ ในน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมป-

ยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี

๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 737

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๗๓] เพราะปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 738

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เจือกับปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปรามาสธรรม.

วาระ ๕ พึงกระทำอย่างนี้ เฉพาะในอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระ ก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 739

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ทั้งหลาย, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๗๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 740

คือ เพราะปรารภปรามาสธรรม ปรามาสธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภปรามาสธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วพิจารณา

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 741

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนา-

คตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ.

บุคคลพิจารณา จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 742

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรา-

มาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๗๘] ๑. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

คือ เพราะกระทำปรามาสธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์ อย่างหนัก

แน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ พึงกระทำ อารัมมณาธิปติ อย่างเดียว

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 743

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ นิพพานให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก้มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์หนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 744

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถธรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 745

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ปรามาสธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๗๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ที่เกิดหลังๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 746

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมที่เกิดหลัง ๆ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ปรามาสธรรม เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 747

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสสยปัจจัย

๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๘๐] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 748

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติ

ให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 749

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

เป็นอุปนิสสยะ ทั้ง ๓

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 750

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๘๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช้ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขาตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรา-

มาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 751

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๘๒] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำปัจฉาชาตะ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 752

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๘๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๖๘๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 753

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. ฌานปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๖๘๕] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย

คือ องค์มรรคที่เป็นปรามาสธรรม ฯลฯ

มี ๕ วาระ พึงกระทำอย่างนี้.

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๘๖] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 754

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๘๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 755

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 756

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปราสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ปรามาสธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 757

ปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปรามาสธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 758

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๘๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 759

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 760

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ.

ปรามาสทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 761

๕๑. ปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๓] ๑. ปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๒. ฯลฯ อาศัย ปรามัฏฐธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำปรามัฏฐทุกะฉันนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 762

๕๒. ปรามาสสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 763

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 764

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๙๖] ๑. ปรามาสวิปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๙๗] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 765

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 766

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 767

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป, ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ, จิตต-

สมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 768

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๘. ปรามาสวิปปยุตตธรรม และปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 769

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๐๓] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 770

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญาปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในฌาน

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ในน

อธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 771

สังสัฏฐวาระ

อนุโลม

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เจือกับปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๘] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัยมี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

การนับทั้งสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 772

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๑๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

วิปปยุตตธรรม, ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 773

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสสัมป-

ยุตตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาล

ก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภ

ขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริย-

ญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 774

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลธรรมนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน

ยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 775

อากาสสานัญจาตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ,

แก่เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๑๒] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 776

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 777

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติ-

ปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่

เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 778

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรา-

มาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลาลยที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 779

๔. อนันตรปัจจัย

[๗๑๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 780

๕. สมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๗๑๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๗๑๕] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ โมหะ ฯลฯ ความปรารถนา

เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่โมหะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 781

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรมแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยโมหะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ให้ทาน ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โมหะ ความปรารถนา เป็นปัจจัย

แก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ฯลฯ ความปรารถนา

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกาย ฯลฯ เสนาะสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 782

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เพราะอาศัยศรัทธา ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะ ความปรารถนา ศรัทธา ฯลฯ

เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่ความปราถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๗๑๖] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 783

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๗๑๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 784

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๗๑๘] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๗๑๙] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 785

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 786

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๗๒๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๗๒๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 787

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 788

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 789

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๗๒๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 790

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 791

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๒๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในปัจจัย-

ทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๒๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 792

มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๒๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

ปรามาสสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 793

๕๓. ปรามาสปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๗] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย.

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายทั้งเป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 794

๔. ธรรมที่เป็นปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐาน แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม และธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ฯลฯ

วาระทั้งหมดพึงกระทำเหมือนกับปรามาสทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 795

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๘] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม อำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 796

[๗๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำว่าปรารภ เหมือนกับปรามาสทุกะ.

๔. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้ว

พิจารณากุศลธรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรม

นั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, กิเลสที่สะสม

แล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ พึงกระทำทั้งหมด.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 797

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระแม้นอกนี้ พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

ทุกะนี้ เหมือนกับปรามาสทุกะ โลกุตตระไม่ได้ในที่ใด ก็ไม่พึง

กระทำในที่นั้น.

ปรามาสปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 798

๕๔. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๓๐] ๑. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ จบ

อนุโลมทุกปัฏฐาน จบ



พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 1

พระอภิธรรมปิฎก

เล่มที่ ๗

ปัฏฐาน ภาคที่ ๔

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อนุโลมทุกปัฏฐาน

๑. เหตุโคจฉกะ

๑. เหตุทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ, อโลภะ อโมหะ อาศัยอโทสะ,

อโลภะ อโทสะ อาศัยอโมหะ โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ,

โมหะ อาศัยโทสะ, โทสะ อาศัยโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุ ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

๑. บาลีเล่ม ๔๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 2

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 3

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ อาศัยโทสะ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และหทยวัตถุ ฯลฯ.

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุและเหตุธรรม.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และ

นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 4

คือ ขันธ์ ๓, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และโสภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ และอโลภะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณ-

ปัจจัย

ทิ้งรูปภูมิเสีย พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในอรูปภูมิเท่านั้น.

๓. อธิปติปัจจัย

เพราะอุปติปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี พึงกระทำให้บริบูรณ์.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

นี้เป็นข้อที่ต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 5

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖.สหชาตปัจจัย

เพราะอนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย เพราะสหชาต-

ปัจจัย

มีมหาภูตรูปทั้งหมดตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๑๓. วิปากปัจจัย

เพราะอัญญมัญญปัจจัย เพราะนิสสยปัจจัย เพราะอุปนิสสย-

ปัจจัย เพราะปุเรชาตปัจจัย เพราะอาเสวนปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี แม้ในภูมิ

ทั้งสอง.

เพราะกัมมปัจจัย เพราะวิปากปัจจัย เกิดขึ้น. เพราะอวิคตปัจจัย

ปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ปัจจัย

ทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 6

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

๒. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา .ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูปทั้งหมด. ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 7

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

เพราะนอธิปปัจจัย พึงกระทำให้บริบูรณ์.

เพราะนอนันตรปัจจัย เพราะนสมนันตรปัจจัย เพราะนอัญญ-

มัญญปัจจัย เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘.นปุเรชาตปัจจัย

[๖] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 8

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม, จิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์

๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 9

คือ ในอรูปภูมิ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ.

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสมัปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในอรูปภูมิ โมหะ อาศัยโลภะ และสมัปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรมและเหตุ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 10

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรม

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓, อโทสะและ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒. ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐.นอาเสวนปัจจัย

[๗] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปัจฉา-

ชาตปัจจัย ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย (มี ๙ วาระ).

๑๑.นกัมมปัจจัย

[๘] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 11

๒. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

กัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป.. . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๙] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. นอาหารปัจจัย

[๑๐] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อาหารปัจจัย

คือ พาหิรรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๔. นอินทริยปัจจัย

[๑๑] ๑. ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 12

คือ พาหิรรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๕. นฌานปัจจัย

[๑๒] ๑. ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ

อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๖.นมัคคปัจจัย

[๑๓] ๑. ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในอเหตุปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๗.นสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ ๒๐.โนวิคตปัจจัย

เพราะนสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัยเหมือน

นปุเรชาตปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ในอรูปภูมิเท่านั้น ฯลฯ เพราะ-

โนนัตถิปัจจัย ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 13

การนับจำนวนวาระปัจจนียะ

[๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 14

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจานียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี มี ๕ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

หัวข้อปัจจัย เมื่อมหาภูตรูปทั้งหลายจบแล้ว พึงกระทำว่า "อาศัย

หทยวัตถุ" อายตนะ ๕ ย่อมได้ในอนุโลมก็ดี ในปัจจนียะก็ดี ฉันใด พึง

กระทำฉันนั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงทำให้บริบูรณ์ รูปภูมิไม่

มี มีแต่อรูปภูมิเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 15

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุ-

ปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย โทสะ เป็น

ปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ แลจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 16

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมและนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะ

ปรารภเหตุธรรม.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 17

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณาซึ่ง

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณา ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นเหตุธรรม,

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตชอบบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนกิริยา,

อากิญจัญญายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนกิริยา.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๑. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๑, ๒. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 18

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

พึงยกเอาเฉพาะข้อความในบาลี ตอนที่ ๑ ว่า "บุคคลให้ทาน" เท่า

นั้นมาใส่ในที่นี้ แต่อาวัชชนะ และข้อความที่ว่า "รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่

จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ นี้ก็ไม่มี.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงยกเอาข้อความทั้งอยู่ในบาลีนั้นมาใส่ที่นี้ ให้เหมือนกับข้อความ

ในบาลีตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นเพราะปรารภเหตุธรรมและสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 19

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๙. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น

เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมให้หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 20

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้อารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาปัจจัย และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้ง

หลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยสัมปยุตตขันธ์, เหตุธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า "บุคคล

ให้ทานแล้ว " ใส่ให้พิสดาร จนถึงคำว่า "ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม".

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 21

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ พึงยกเอาข้อความตามบาลีข้างต้นมาใส่จนถึง

หทัยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล-

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา เพราะกระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 22

พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า " บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่

เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน จนถึงหทยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม " มาใส่.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 23

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ เนวสัญญาณาสัญญายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 24

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

นเหตุมูลกนัย เป็นอย่างเดียวกันทั้ง ๓ วาระ.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เป็นหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๑] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

สมนันตรปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 25

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย ทั้ง ๒ ปัจจัยนี้

เหมือนปัจจยวาระ.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับนิสสยปัจจัย

ในปัจจัยวาระ.

๙.อุปนิสสยปัจจัย

[๒๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 26

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 27

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ เหมือนกับอุปนิสสยปัจจัย ตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 28

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๓] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 29

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 30

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ ทิพยจักษุ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 31

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๖] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 32

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

เหตุธรรมทั้งหลาย แก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย.

คือ อโลภะ ที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย.

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในการจำแนกวิปากปัจจัย เหมือนในปฏิจจ-

วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 33

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุ

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุธรรมเป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย แก่เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 34

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

ในเหตุมูลกนัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย.

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

อินทริยปัจจัย พึงให้พิสดารอย่างนี้ และมี ๙ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๐] นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

[๓๑] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 35

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

ใน ๒ ปัจจัยนี้ มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย, เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 36

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ, หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 37

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 38

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๓] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 39

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และกฏัตตารูปทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 40

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 41

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ หทยวัตถุเป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่เหตุธรรมทั้งหลาย

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 42

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

อโลภะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย แก่อโทสะ แก่อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 43

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ เป็นนเหตุธรรม และเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมและหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย และมหาภูตรูปทั้งหลายที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ-

ธรรมและนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่

อโทสะ, แก่อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 44

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่

อโมหะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

โลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

สุทธมูลกนัย

[๓๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 45

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ผู้มีปัญญาพึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 46

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจขงปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 47

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 48

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ . . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 49

อรรถกถาทุกปัฏฐาน

เหตุทุกะ เป็นต้น

แม้ในทุกปัฏฐาน ผู้ศึกษา พึงทราบปัญหาวิสัชนาและการนับในทุกะ

ทั้งหมด ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในบาลีนั่นเอง. อีกอย่างหนึ่ง ในทุกปัฏฐานนี้

การวิสัชนา สเหตุกทุกะ และเหตุสัมปยุตตทุกะ เหมือนกับการวิสัชนา

เหตุทุกะ. เหตุและสเหตุกเหตุ แห่งเหตุสัมปยุตตทุกะ และสัปปัจจยทุกะ

สังขตทุกะ ก็เหมือนกัน ฯ คำนี้ว่า อิม ทุก ยถา สปฺปจฺจยทุก เอว กาตพฺพ

พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เพราะแม้สังขตธรรมย่อมประกอบร่วมกับอสังขตธรรม

ไม่ได้. เหมือนสัปปจจยธรรมประกอบกับอัปปัจจยธรรมไม่ได้ฉะนั้น

สารัมมณทุกะ จิตตสัมปยุตตทุกะ และสังสัฏฐทุกะ มีวิสัชนาเหมือนกับ

อาสวโคจฉกะ โอฆโคจฉกะ และโยคโคจฉกะ ซึ่งเหมือนกัน เพราะว่าธรรม

๓ เหล่านี้ มีวิสัชนาเหมือนกัน.

อรรถกถาเหตุทุกะเป็นต้น จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 50

๒. สเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 51

๔. อเหตุกธรรม อาศัยเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 52

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 53

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 54

๖. สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๑] ๑. สเหตุกธรรมอาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 55

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๕. สมนันตรปัจจัย

[๔๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๔๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม. ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 56

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัย มหาภูตรูป ๑ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 57

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

ปัจจัยเหล่านี้ พึงกระทำเป็น ๕ วาระ เหมือนกับเหตุปัจจัย ไม่มีแตก

ต่างกัน.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๔๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 58

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ฯลฯ.

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 59

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๔๕] สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะกัมมปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะมัคคปัจจัย

ฌานปัจจัยก็ดี มัคคปัจจัยก็ดี เหมือนกับสหชาตปัจจัย พาหิรรูป มหา-

ภูตรูป ไม่มี.

ฯลฯ เพราะสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 60

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๗] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 61

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำทั้งหมด ตลอดถึงอสัญญสัตว์ทั้งหลาย.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๔๘] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ มหาภูตรูป

๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 62

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

[๔๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอธิปติปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในอนุโลม.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 63

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ นอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย

ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐาน อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ พึงให้พิสดาร ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 64

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 65

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐. นอาเสวนปัจจัย

[๕๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๕๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 66

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๔. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๕๓] ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย ปฏิสนธิ ไม่มี.

๑๓. นอาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. นสัมปยุตตปัจจัย

[๕๔] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

๑๘. นวิปปยุตตปัจจัย

[๕๕] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 67

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 68

๑๙. โนนัตถิปัจจัย ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะในนัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 69

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 70

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย. สเหตุกมูลกนัยเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม ฯลฯ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระนั่นเอง

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ, สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 71

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 72

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 73

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทัยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 74

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และ อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ โมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

ในอธิปติปัจจัย พึงกระทำ เป็น ๙ วาระ เฉพาะในปวัตติกาลเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๖๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๖๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 75

มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัย จักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และ อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 76

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม แสะอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย ขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 77

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๖๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 78

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 79

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ. ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนสัมปบุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 80

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙] ๑. เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 81

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือ

กับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 82

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 83

๖. สเหตุกธรรมเจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๒] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ

[๗๓] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย ฯลฯ

๓. วิปากปัจจัย

[๗๔] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 84

คือ ฯลฯ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิปาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 85

ในนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๖ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๖] ๑. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 86

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 87

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 88

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๘๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 89

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อานาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๘๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคย

เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 90

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความ

เป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น, เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 91

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯสฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 92

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอเหตุกธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโสตะ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและ

โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 93

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่-

สเหตุธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๘๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 94

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ออกจากผล ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 95

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็น

ต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๘๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน.

โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 96

ผล เป็นปัจจัยแก่ผล.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิต ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิต ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 97

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อนๆ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิตที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 98

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 99

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

เหมือนอนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๘๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย เหมือน

ในปฏิจจวาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับ

นิสสยปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 100

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๘๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 101

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัย

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

โมหะ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยะ

ปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 102

สุขทางกาย ฯลฯ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 103

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๘๖] ๑. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 104

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น , เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 105

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๘๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 106

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๘๘] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี ภวังค์ก็ดี ไม่มี ในอาเสวนปัจจัย พึงเว้นทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๘๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 107

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็นนานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหาชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 108

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๙๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 109

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๙๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๙๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 110

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

๑๗. ฌานปัจจัย

[๙๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย

คือ องค์ฌานทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๙๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 111

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๙๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของสัมปยุตตปัจจัย เหมือนกับสัมปยุตตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๙๖] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 112

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 113

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดภาย

หลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๙๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 114

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย, ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 115

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็น จักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 116

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่

เป็นวิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 117

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน

และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 118

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ

รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

พร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 119

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 120

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๙๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 121

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 122

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 123

มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 124

๓. เหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๓] ๑. เหตุสัมปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุวิปปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร ด้วยเหตุนี้ เหมือนกับสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 125

๔. เหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรม ที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัย โลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรม และสเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 126

คือ อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ขันธ์

๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุ-

ธรรม. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 127

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม และ

เหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอโทสะ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

แต่ไม่ใช่เหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 128

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๑๐๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอธิปติ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ให้บริบูรณ์.

๒. นปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ ๔. นอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 129

๕. นกัมมปัจจัย

[๑๐๗] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือสัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม-

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่

เหตุธรรม.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๖. นวิปากปัจจัย ๗. นวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๘ วาระ ใน

นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 130

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียนัย

[๑๐๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๑๐] เพราะนอธิปติปัจจัย ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม จบ

สหชาตวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 131

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสเหตุกธรรมและเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงให้พิสดาร.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 132

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๑๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุหกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 133

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิด

ขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ

ปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปค-

ญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 134

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม, ธรรม

ที่เป็นสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 135

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัม-

ปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 136

เพราะกระทำเหคุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 137

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้ในกาลก่อน ฯลฯ ออก

จากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

ขันธ์เหล่านั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 138

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 139

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๑๑๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 140

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 141

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

สเหตุกนเหตุมูลกนัย แม้ทั้ง ๓ ก็เป็นเช่นเดียวกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมเละสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 142

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

สมนันตรปัจจัย เหมือน อนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๑๑๕] ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 143

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

ทั้ง ๓ ปัจจัย เหมือนกับเหตุปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๑๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูลทั้งหลาย แห่งหัวข้อปัจจัยทั้งหลาย แม้ทั้ง ๒ เหล่านี้.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 144

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนา แล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในสเหตุมูลกนัย พึงให้พิสดารโดยเหตุนี้ ที่เหลือนอกนั้น มี ๒ วาระ.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 145

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล.

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๑๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย (เหมือนอนันตรปัจจัย)

๑๑. กัมมปัจจัย

[๑๑๘] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 146

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

เหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 147

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์

ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. วิปากปัจจัย

[๑๑๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย

คือ อโลภะที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจ

ของ วิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร เหมือนกับเหตุปัจจัย พึงกำหนดว่า วิบากทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. อาหารปัจจัย

[๑๒๐] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 148

๔. อินทริยปัจจัย

[๑๒๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พึงกำหนดว่า อินทรีย์. พึงกระทำ ๙ วาระให้บริบูรณ์.

๑๕. ฌานปัจจัย

[๑๒๒] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๖. มัคคปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

[๑๒๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 149

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหาร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี

๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนีย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๒๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 150

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นต้น

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 151

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 152

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๒๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนีย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๒๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 153

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 154

๕. เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารเหมือนกับ เหตุสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 155

๖. นเหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๑๓๐] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 156

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย.

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 157

๙. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๓๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 158

๔. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ พึงจำแนกอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 159

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๓๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ โมหะไม่มี.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๑๓๔] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 160

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๓๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๓๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 161

มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๓๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้ในสหชาตวาระ ก็พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 162

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๓๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตา

รูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 163

ปัจจัยสงเคราะห์ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙) ปวัตติ และปฏิสนธิ

พึงกระทำให้บริบูรณ์ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 164

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๔๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๔๒] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๔๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 165

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับ แม้ ๒ นัย ที่ยังเหลือ ก็พึงนับอย่างนี้.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 166

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. อารัมมณปัจจัย

[๑๔๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่

เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

อากิญจัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 167

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อกุศลและอกุศลดับไป

แล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศล

และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 168

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อ

กุศลและอกุศลับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 169

๒. อธิปติปัจจัย

[๑๔๖]๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีลแล้ว กระทำกุศลกรรมนั้น ให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 170

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้เเก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 171

๓. อนันตรปัจจัย

[๑๔๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 172

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. สมนันตรปัจจัย

[๑๔๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย.

๕. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี พึงกระทำเป็น ๗ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 173

๖. อัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๗. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พึงกระทำปวัตติ และ ปฏิสนธิ ทั้ง ๗ วาระ ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์

ไม่มี.

๘. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๔๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 174

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

ศีล ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์

ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

ที่ ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 175

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ปุเรชาตปัจจัย

[๑๕๐] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 176

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่

เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจปุเรชาตปัจจัย.

๑๐. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๑๕๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 177

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๑. อาเสวนปัจจัย

[๑๕๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน, โคตรภู

เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 178

๑๒. กัมมปัจจัย

[๑๕๓] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรมที่เป็นวิบากและกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 179

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. วิปากปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓).

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 180

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๔. อาหารปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๑๕. อินทริยปัจจัย

[๑๕๖] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 181

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๑๖. ฌานปัจจัย

[๑๕๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย พึงกระทำทั้ง ๔ วาระ.

๑๗. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. สัมปยุตตปัจจัย

[๑๕๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 182

๑๙. วิปปยุตตปัจจัย

[๑๕๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรมด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 183

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาระ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๑๖๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 184

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 185

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ย่อมเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 186

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬี-

การาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 187

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๑] ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย

มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๗

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๖๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 188

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 189

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗

วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

โนอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิตตปัจจัย มี

๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๖๔] เพราะอารัมมณปัจจัย ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 190

๔ วาระ ฯลฯ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน-

โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นเหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 191

๗. สัปปัจจยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๖๖] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็น

อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๑๖๗] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 192

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๖๙] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 193

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๗๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 194

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๓] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๔] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 195

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๕] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๖] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล, กิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 196

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปัจจยธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัปปัจจยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๗๗] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 197

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมที่ทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน

แล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 198

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

[๑๗๘] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, อุปนิสสย-

มูล มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

ปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๗๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 199

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๘๐] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 200

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

โนนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัปปัจจยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 201

๘. สังขตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๔] ๑. สังขตธรรม อาศัยสังขตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสังขตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ทุกะนี้ พึงกระทำเหมือนสัปปัจจยทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สังขตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 202

๙. สนิทัสสนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๕] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ฯลฯ ที่เป็นอนิทสัสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทสัสนธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 203

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๘๗] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 204

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทสัสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ พึงกระทำทุกปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ื้นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 205

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๙] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป ...อาหารสมุฏฐานรูป ...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 206

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป ... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิ-

ทัสสนธรรมอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุตุกะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ฯลฯ

พาหิรรูป . . .อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 207

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พึงกระทำอย่างนี้ทุกปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๑] ๑. เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 208

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑วาระ ในอนันตร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ โนนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 209

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๙๓] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้.

[๑๙๔] ๒. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 210

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๙๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 211

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

แม้นิสสยวาระ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 212

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๑] อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

ทั้งหมดนี้ พึงแจกกับด้วยจำนวนปัจจัยรวมกัน อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 213

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 214

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๓] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ รูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญญาณ และอาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 215

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

จักษุ ฯลฯ กายะ เสียง หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๐๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 216

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำรูปที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำรูปนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจาก

ฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 217

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจอธิปติปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรมด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐๕] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, เนว-

สัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 218

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๐๖] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๐๗] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลปรารถนาซึ่งความถึงพร้อมแห่งวรรณะ ย่อมให้ทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม.

ความถึงพร้อมแห่งวรรณะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 219

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๐๘] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

คือ พิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 220

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรมเป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ได้แก่รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๐๙] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 221

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๑๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๑๑] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 222

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๑๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำกวฬีการาหาร ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำรูปชีวิตินทรีย์ ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 223

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๑๓] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 224

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 225

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๑๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 226

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 227

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป-

ที่เป็นอุปาทารูป ซึ่งเป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 228

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๑๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 229

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ นปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๑๖] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 230

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๑๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี

๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 231

มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๑๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียะ จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๑๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 232

วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สนิทัสสนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 233

๑๐. สัปปฏิฆทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัย โผฏฐัพพายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม.

อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 234

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นอัปปฏิฆธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 235

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อาศัยอาโปธาตุ.

๖. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

อาโปธาตุ.

๗. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอาโปธาตุ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 236

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๘. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรมและอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม

อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

โผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 237

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๒๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อธิปติปจจัย

[๒๒๒] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย พึงเว้นปฏิสนธิ และกฏัตตารูป.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมด.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๒๒๓] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 238

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พึงกระทำอัชฌัตติกพาหิรมหาภูตรูปเหล่านี้.

๖. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และ

อาโปธาตุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 239

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนิสสยปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 240

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อัปปฏิฆมูลกนัย พึงกระทำเป็น ๒ วาระ แม้นอกนี้, แม้ในปัจจัย

สงเคราะห์ ก็พึงกระทำเป็น ๓ วาระ อัชฌัตติกมหาภูตรูปและพาหิรมหาภูตรูป

ทั้งหมด ผู้มีปัญญารู้แล้ว พึงกระทำ.

๒. นอารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

[๒๒๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 241

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๒๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๒๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาร ะ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 242

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๒๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัยมี ๑

วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 243

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕ วาระ ที่เหลือ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 244

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และกายายตนะ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 245

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ

แม้การนับปัจจนียะ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

แม้นิสสยวาระก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

แม้ในสังสัฏฐวาระทั้งหมด แต่ละปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย ก็มี ๑ วาระ เท่านั้น.

แม้วาระทั้งสอง (สหชาตวาระ และ สัมปยุตตวาระ) ก็พึงกระทำ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 246

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 247

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๔] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 248

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว, กิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลส

ทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญา-

ยตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิเวสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๓๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

โผฏฐัพพะทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 249

๒. อัปปฏฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อานาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาล

ก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำหทยวัตถุ ฯลฯ

อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหารให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำหทยวัตถุเป็นต้นนั้นให้อารมณ์อย่างหนัก

แน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 250

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

คือ อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๓๖] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัย

แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

[๒๓๗] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 251

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๓๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๓๙] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

อุตุ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 252

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ โภชนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ โภชนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๔๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 253

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะและหทยวัตถุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 254

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

พึงกระทำมูลแห่งวาระทั้งสอง.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๔๒] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ โวทาน

เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๔๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหขชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 255

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได่แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๔๔] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ อัปปฏิฆธรรมที่เป็นวิบาก ฯลฯ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 256

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๔๕] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

วาระ ๒ ที่เหลือนอกนั้นพึงกระทำ. ปฏิสนธิ กวฬีการาหาร พึงกระทำ

แม้ในวาระทั้ง ๒ เบื้องปลาย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๔๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำชีวิตินทรีย์ แม้ใน ๓ วาระเบื้องปลาย (วาระที่ ๒ - ๔)

๕. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 257

คือ จักขุนทรีย์และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคต

ด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ และกาย-

วิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๔๗] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๔๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 258

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย, หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 259

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อนด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๔.] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ วาระแรกเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 260

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อาโปธาตุ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่อิตถินทรีย์ ฯลฯ แก่กวฬีการาหาร

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 261

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๒

และอาโปธาตุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ที่เกิดก่อน ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 262

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จักขายตนะ ฯลฯ แก่โผฏฐัพพายตนะ ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 263

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 264

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาระ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ที่เกิดพร้อมกัน และจักขายตนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ

และกายายตนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 265

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๐] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๕๑] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 266

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 267

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ...

ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓

วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 268

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๕๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . .

ในอธิปติปัจจัย ๔ วาระ ฯลฯ

พึงนับอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สัปปฏิฆทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 269

๑๑. รูปีทุกะ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๕๕] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 270

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 271

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้ง

หลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๕๗] รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 272

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกำหนด วาระทั้ง ๙ ว่าเป็นอเหตุกะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 273

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ . . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 274

มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 275

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๑] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

วาระที่เหลือนอกนั้น พึงจำแนกเป็น ปวัตติ ปฏิสนธิ อย่างนี้.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๖๒] ๑. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 276

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายา-

ยตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจั มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 277

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๖๔] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกระทำปวัตติ ปฏิสนธิ.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 278

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็น

อเหตุกะ และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 279

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่เป็นอเหตุกะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๖๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในน

ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 280

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๖๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี๓ วาระ... ใน

ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 281

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๘] ๑. อรูปีธรรม เจือกับอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัยก็ดี การนับทั้ง ๓ นัยก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี ทั้งหมดพึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว มี ๑ วาระเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 282

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๗๐] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 283

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๗๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่ปุพเพ-

นิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว ฯลฯ พิจารณาผล.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 284

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริย-

ญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปปัจจัย

[๒๗๒] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ กวฬีกา-

ราหารให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 285

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอรูปีธรรมให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ฯลฯ ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 286

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๗๓] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๗๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 287

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ทุกข์ทางกาย เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๗๕] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

ฯลฯ จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 288

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ. หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชตปัจจัย

[๒๗๖] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๗๗] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๗๘] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 289

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 290

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗๙] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘๐] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

คือ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๘๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 291

คือ รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (คือวาระที่ ๓-๕)

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ

๑๗. ฌานปัจจัย

[๒๘๒] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 292

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๘๓] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 293

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๒๘๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 294

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาจักษุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ ด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 295

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 296

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, ฯลฯ เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 297

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๖] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 298

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗

วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 299

สมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี

๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโน-

อวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ โนนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 300

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน-

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ.

พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

รูปีทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 301

๑๒. โลกิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๐] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. โลกิยธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 302

๔. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตรธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๕. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๕ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 303

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๒] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ.

ในอาเสวนมูลกนัย ในโลกุตตระ ในสุทธกอรูปภูมิ พึงกำหนด

คำว่า วิบาก ส่วนที่เหลือนอกนั้น พึงกระทำตามปรกติ.

ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหาร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 304

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๙๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับปัจจนียะ ในน

วิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๙๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน-

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตะ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 305

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๖] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูต-

รูปทั้งหลาย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๖)

๗. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 306

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๘. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

และ โลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๙๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 307

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๘] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ในโลกุตตระ ในอรูปภูมิ พึงกำหนดว่าวิบาก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 308

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๐๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับ ในปัจจ-

นียะ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๐๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ.... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 309

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๒] ๑. โลกิยธรรม เจือกับโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เจือกับโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สังสัฏฐวาระพึงให้พิสดารอย่างนี้ พร้อมด้วยการนับ มี ๒ วาระ.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 310

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๐๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลสที่ละ

แล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 311

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิย-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกิยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรค แก่ผล ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วพิจารณามรรค, พิจารณา

ผล, พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่อาวัชชนะ ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 312

พระอริยะทั้งหลายรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกุตตร-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๐๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลที่เคยทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ

พระเสกขบุคคลทั้งหลาย กระทำโคตรภูให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ฯลฯ กระทำโวทานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 313

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ย่อมพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 314

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๐๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อานาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 315

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล, ผล เป็นปัจจัยแก่ผล ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ผล เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๐๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 316

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ยัง

วิปัสสนาให้เกิดขึ้น ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ

ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็น

โลกิยธรรม ฯลฯ แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

กรรมที่เป็นกุศลและอกุศล เป็นปัจจัยแก่วิบาก ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บริกรรมแห่งปฐมมรรค เป็นปัจจัยแก่ปฐมมรรค ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ บริกรรมแห่งจตุตถมรรค เป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 317

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปฐมมรรคเป็นปัจจัยแก่ทุติยมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ

ตติยมรรคเป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายเข้าไปอาศัยมรรคแล้ว ยังสมาบัติที่ยังไม่เกิดให้เกิด

ขึ้น เข้าสมาบัติที่เกิดขึ้นแล้ว พิจารณาเห็นสังขาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

มรรคของพระอริยะเหล่านั้น ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ความฉลาดในฐานะ

และอฐานะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ผลสมาบัติ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๐๘] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 318

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๐๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 319

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๑๐] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 320

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๑๑] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 321

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๑๒] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๑๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 322

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๑๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

พึงกระทำปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ

กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๑๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 323

๒. โลกุตตรธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๘. มัคคปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของมัคคปัจจัย

ในโลกิยธรรมเป็นปัจจัย มี ๑ วาระ.

ในโลกุตตรธรรมเป็นปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัย ฯลฯ มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๑๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 324

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 325

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๑๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 326

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 327

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯ ฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 328

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 329

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๑๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอานาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัย แก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๖. โลกิยธรรม และโลุกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 330

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และ โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๗

วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในน-

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิ

ปัจจัยมี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๒๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 331

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๒๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

โลกิยทุกะ จบ

อรรถกถาโลกิยทุกะเป็นต้น

อีกอย่างหนึ่ง ทุกะเหล่านี้คือ โลกิยทุกะ สาสวทุกะ สัญโญชนียทุกะ

คันถนียทุกะ นีวรณียทุกะ ปรามัฏฐทุกะ สังกิเลสิกทุกะ อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนียทุกะ คันถวิปปยุตตคันถนียทุกะ นีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณียทุกะ ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ กิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกทุกะ

ปริยาปันนทุกะ และสอุตตรทุกะ เหมือนกัน กิเลสทุกะเหมือนสัญโญชนทุกะ

สังกิลิฏฐทุกะ กิเลสสัมปยุตตทุกะ นีวรณสัมปยุตตทุกะ ทัสสเนนปหาตัพพทุกะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 332

และสรณทุกะ เหมือนกัน อนึ่ง กิเลสทุกะ สังกิลิฏฐนีวรณทุกะ นีวรณ-

สัมปยุตตกิเลสทุกะ และกิเลสสัมปยุตตทุกะ เหมือนกัน โดยนัยนี้ ผู้ศึกษา

พึงทราบว่า วิสัชนาแห่งทุกะทั้งปวงที่มีเนื้อความเหมือนกัน ย่อมเป็นเช่น

เดียวกันนั่นเอง.

ก็ในปัฏฐานทั้งหมด ย่อมไม่ได้เกนจิวิญเญยยทุกะ. ในทุกะอันมีรูป

อย่างนี้ เหล่านี้คือ " อาสวา เจว อาสวสมฺปยุตฺตา จ, สญฺโชนา

เจว สญฺโชนสมฺปยุตฺตา จ, คนฺถา เจว คนฺถสมฺปยุตฺตา จ,

นิวรณา เจว นีวรณสมฺปยุตฺตา จ, กิเลสา เจว สงฺกิลิฏา จ "

ย่อมไม่ได้วิปากปัจจัย และนานากขณิกกัมมปัจจัย. ในนเหตุสเหตุกทุกะ

นเหตุอเหตุกทุกะ ไม่มีเหตุปัจจัย. ในทุกะเหล่านี้คือ เหตุเหตุสัมปยุตทุกะ

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ, คันถคันถสัมปยุตตทุกะ ย่อมไม่ได้นเหตุปัจจัย

นฌานปัจจัย และ นมัคคปัจจัย. ส่วนในทุกะเหล่านี้คือ สัญโญชน-

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ, นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ กิเลสกิเลสสัมปยุตตทุกะ

กิเลสสังกิลิฏฐทุกะ ย่อมได้นเหตุปัจจัย ด้วยอำนาจแห่งโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉาและอุทธัจจะ ย่อมไม่ได้นฌานปัจจัย และนมัคคปัจจัย. ผู้ศึกษา

กำหนดวิสัชนาที่มีได้และมีไม่ได้ในทุกะทั้งปวง ดังอธิบายมาแล้ว พึงทราบ

การนับวาระด้วยอำนาจแห่งบาลีแล.

อรรถกถาทุกปัฏฐาน จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 333

๑๓. เกนจิวิญเญยยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๓๒๓] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยย-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 334

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๓. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม, เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๔. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 335

๕. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๖. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศยัมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 336

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๘. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญ-

เญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 337

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ การนับพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี

สัมปยุตตวาระก็ดี พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปัจจยวาระ พึงแสดง หทยวัตถุ และอายตนะห้า พึงกระทำตามที่ได้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 338

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๖] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่เกนจิวิญเญยย-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๒๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับทั้งสี่นัยพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

เกนจิวิญเญยยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 339

๑๔. อาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๙] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ, กามาสวะ อวิชชาสวะ

อาศัยทิฏฐาสวะ, กามาสวะ ทิฏฐาสวะ อาศัยอวิชชาสวะ, อวิชชาสวะ อาศัย

ภวาสวะ, อวิชิชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ.

พึงผูกจักรนัย แม้อย่างหนึ่ง ๆ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

อาสวธรรม.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 340

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวะ ๔ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 341

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๐] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี

๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 342

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๓๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรมเกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 343

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๓๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 344

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๓๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 345

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๓๖] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

อาสวมูลกนัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 346

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

อาศัยอาสวธรรม และหทยวัตถุ.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 347

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 348

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

การนับทั้งปวง พึงนับอย่างนี้.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 349

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๐] ๑. อาสวธรรม เจือกับอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ เจือกับกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๔๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 350

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 351

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๓] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ภวาสวะ เป็นปัจจัยแก่ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 352

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๔๔] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 353

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณาพิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 354

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทานแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทานนั้น

เพราะปรารภทานนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนที่สอง.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 355

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายนั้น อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาสวธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ อาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๔๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 356

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำอาสวธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

ในกาลก่อน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ กระทำนิพพานให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักเเน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 357

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 358

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำอาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ ฯลฯ อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ. พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๔๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 359

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 360

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ และ

พึงแสดง หทยวัตถุ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๔๗] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 361

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ศีล ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 362

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๔๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 363

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ เพราะปรารภจักษุนั้น

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และอาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 364

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๔๙] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๕๐] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๕๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 365

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๕๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 366

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๕๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๕๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 367

ในปฏิสนธิขณะ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๕๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 368

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 369

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๕๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 370

คือ กามาสวะะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ เเก่อวิชชาสวะ แก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 371

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 372

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ อาสวธรรม และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชา-

สวะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 373

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ, แก่อวิชชาสวะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาร และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และอาสวธรรมทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 374

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๕๗] ในเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 375

ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕๘] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อานาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 376

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 377

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๕๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๖๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 378

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๖๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 379

๑๕. สาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๒] ๑. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. สาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม.

๔. สาสวธรรม และอนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 380

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม และอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

สาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 381

๑๖. อาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๓] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 382

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑, มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๓,

มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. อาสวสัมปยุตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 383

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 384

คือ โมหะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๖๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 385

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยโทมนัส.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 386

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย. จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปัจจัยทั้งปวง พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๖๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 387

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

[๓๖๗] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 388

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยขันธ์อาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย

[๓๖๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 389

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๓๗๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 390

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ ฯลฯ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๗. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ มี ๒ วาระ (วาระที่ ๖-๗)

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 391

๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๓๗๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ วิปปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 392

๑๒. นวิปากปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 393

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ใน

มัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 394

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๗๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 395

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 396

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๗๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ

(วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 397

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 398

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ

เพราะอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 399

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๗๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 400

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทาอย่างนี้.

แม้ นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 401

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ฯลฯ.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๘๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๘๒] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 402

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๘๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้ สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 403

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่โมหะและจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 404

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 405

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๘๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 406

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

ในที่นี้ ความยินดีไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 407

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ

ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ โทมนัส วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 408

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 409

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๘๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 410

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว พิจารณา.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 411

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๘๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดขึ้นหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 412

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 413

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 414

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทังหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสาวววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 415

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๘๘] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทังหลาย

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 416

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ

ปัญญา สุขทางกาย เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย โมหะ เป็นปัจจัยแก่

ศรัทธา แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 417

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ

โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. อาสววิปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ศีล ฯลฯ โมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 418

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๘๙] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 419

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

โมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 420

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๙๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 421

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๙๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๙๒] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 422

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 423

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๓] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๙๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 424

อาหารทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

อาหารทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๙๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 425

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงให้พิสดาร.

๓. อาสสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 426

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 427

๒ . อัตถิปัจจัย

[๓๙๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

สหชาตปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 428

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

พึงให้พิสดาร.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา

ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 429

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาติ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 430

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ิ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 431

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๙๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 432

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 433

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัย แก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 434

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับจำนวนอนุโลม ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 435

๑๗. อาสวสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ที่เป็นสัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ ภวาสวะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 436

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่

ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

ธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 437

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยอย่างนี้.

๘. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สงัสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

อาสวทุกะ ฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 438

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย ฯลฯ ๓. อธิปติปัจจัย

ในปัญหาวาระ ในเหตุปัจจัย ก็ดี ในอารัมมณปัจจัยก็ดี ไม่พึง

กระทำโลกุตตระ ควรกระทำว่า " พระเสกขะทั้งหลาย " ย่อมพิจารณาโคตรภู

ย่อมพิจารณาโวทาน แม้ในอธิปติปัจจัย ผู้ที่รู้ปัจจัยทุกอย่างแล้ว พึงกระทำ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรม และสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 439

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน,

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 440

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 441

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงให้พิสดารอย่างนี้ทั้งหมด.

อนันตรปัจจัย แม้ในอาสวทุกะ ก็พึงให้พิสดาร เหมือนกับทุกะนี้.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ท่านแสดงไว้เหมือนกันอย่างนี้ ข้อที่ย่อไว้

ทั้งหมด พึงกระทำให้พิสดาร เหมือนกับอาสวทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

อาสวสาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 442

๑๘. อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ

๒. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 443

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อาสวสัมปยุตตกามาสวธรรมทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 444

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยทั้งหมด

๘. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 445

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทุกปัจจัยพึงกระทำอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๐๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย ไม่มี ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๔๐๗] ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย

นเหตุมูลกะ ไม่มี.

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 446

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

แม้การนับทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำให้บริบูรณ์

อย่างนี้ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 447

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๑๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 448

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

อธิปติปัจจัย มีการกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 449

อนันตรปัจจัย พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อน ๆ เหมือนกับ อารัมมณ-

ปัจจัยนั่นเทียว.

สมนันตรปัจจัย สหชาตปัจจัย อัญญมัญญปัจจัย นิสสยปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัยนั่นเทียว การจำแนก ไม่มี มี ๓ วาระ.

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัยทั้งหมด.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 450

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมเป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 451

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 452

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 453

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 454

๑๙. อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

สาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตอนาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ พิสดารฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มี

แตกต่างกัน ฯลฯ

อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ จบ

อาสวโคจฉกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 455

๒๐. สัญโญชนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๘] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

สีลพตปรามาสสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

มานสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อิสสาสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

มัจฉริยสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

ภวราคสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยมานสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยภวราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 456

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

๖. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 457

๗. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย

ในอารัมมณปัจจัย รูปไม่มี.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ เหตุปัจจัย วิจิกิจฉาสัญโญชน์ไม่มี.

เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 458

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ใน

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๒๐] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 459

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ฯลฯ

เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ

แม้นอารัมมณปัจจัยทั้งหมด ก็พึงยกขึ้น.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๒๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้ทั้งหมด.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 460

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๒๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัย

ทั้งปวง มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๔ วาระ.

สหชาตวาระ

อนุโลมนัย

๑. สัญโญชนธรรมเกิดร่วมกับสัญโญชนธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 461

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๔] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม.

๔. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 462

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัญโญชนธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

หทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชน-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย

และหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 463

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยกามราค-

สัญโญชน์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๒๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในที่ใด ๆ ได้ หทยวัตถุ ในที่นั้น

พึงกระทำให้มีหทยวัตถุ เช่นเดียวกัน. ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสองแม้นอกนี้ก็ดี นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 464

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๗] ๑. สัญโญชนธรรม เจือกับสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ เจือกับกามราคสัญโญชน์.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้ เฉพาะอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 465

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 466

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๒๙] ๑. สัญโญชนธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณากุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 467

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 468

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

สัญโญชนธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙) พึงกระทำว่า เพราะปรารภนั่นเทียว.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๓๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ มีการกระ-

ทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 469

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๕-๖)

อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ แม้แห่งวาระทั้ง ๓ ก็ควรกระทำ.

พึงจำแนกทั้ง ๓ วาระอีก.

๗. สัญญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๓๑] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 470

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แม้ทั้ง๒ วาระ (วาระที่ ๕-๖)

ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญญชนธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 471

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๓๒] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย แม้ทั้ง ๓ วาระ ก็เหมือนอย่างนี้.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ

เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 472

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 473

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

ปุเรชาตปัจจัย

[๔๓๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 474

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์-

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๓๔] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจจองปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 475

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๓๕] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๔๓๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 476

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๓๗] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 477

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๔๓๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 478

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม-

สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ เหมือนกับ อาสวทุกะ.

๗. สัญโญชนธรรมและธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 479

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

เหมือนกับอาสวทุกะ.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ พึงจำแนก เหมือนกับ

อาสวทุกะ.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

พึงจำแนก เหมือนกับอาสวทุกะ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 480

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๔๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจขออุปนิสสย-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 481

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต ปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 482

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๔๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ.... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๔๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 483

๒๑. สัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๔] ๑. สัญโญชนิยธรรม อาศัยสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

เหมือนกับโลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 484

๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรมอาศัย สัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 485

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 486

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๔๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 487

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๔๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 488

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๔๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน-

นัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๙] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 489

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 490

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๕๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 491

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๕๓] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ ตลอดถึงปฏิสนธิ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 492

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เเละสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 493

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๕๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ตลอดถึงปฏิสนธิ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 494

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคด้วยอุทธัจจะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 495

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๕๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๕๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๕๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 496

๓. สัญโญชนวิปปยุตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ และ

โมหะ ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา และหทยวัตถุ.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 497

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ. พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน-

ปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 498

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 499

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 500

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 501

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๖๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 502

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 503

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญ-

ชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 504

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๖๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ครั้นกระทำราคะเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 505

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วกระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 506

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำทานเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 507

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๖๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอานาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 508

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ ฯลฯ ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 509

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 510

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๖๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 511

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย

เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 512

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะ แล้วฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่

ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 513

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๔๖๙] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 514

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง

เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 515

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๗๐] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ที่เกิด

ภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 516

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๗๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี

วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๔๗๒] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 517

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๔๗๓] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 518

๑๕. อาหารปัจจัย

[๔๗๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

๑๖. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๗๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 519

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๗๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 520

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โมหะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ พึงให้พิสดาร.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 521

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 522

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม, โมหะและมหาภูตรูป

ทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 523

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 524

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 525

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๗๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 526

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 527

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๘๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๘๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 528

๒๓. สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญใญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 529

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงมหาภูตรูป.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 530

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราค-

สัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

เหมือนปฐมทุกะในสัญโญชนโคจฉกะ ทุกะแม้นี้พึงให้พิสดารอย่างนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน เว้นโลกุตตระ.

สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 531

๒๔. สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยกามราคสัญโญชน์.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 532

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 533

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๘๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 534

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๘๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๘๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 535

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัย นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 536

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 537

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๘๘] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชน-

ธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 538

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

(วาระที่ ๗-๙)

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๘๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 539

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๔-๖)

อารัมมณาธิปติก็ดี สหชาตาธิปติก็ดี พึงกระทำในวาระ แม้ทั้ง ๓

เหล่านี้.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๙๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

การจำแนกไม่มี เหมือนกับอารัมมณปัจจัย ไม่มีแตกต่างกัน.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 540

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำโดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๙๑] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 541

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๙๒] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๙๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 542

๙ วาระ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว พึงเปลี่ยนแปลง ในบททั้ง ๓

นั่นเทียว นานาขณิกะ ไม่มี.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนัยจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๙๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ. . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 543

๒๕. สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๗] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. ฯลฯ ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญ-

ชนิยธรรม ฯลฯ พึงกระทำ ๒ วาระ.

ทุกะนี้เหมือนกับโลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 544

๒๖. คันถทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๘] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถธรรม.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 545

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 546

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๙๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๐] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 547

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. อุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐๒] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 548

คือ ในอรูปภูมิ อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, ในอรูปภูมิ สีลัพพตปรามาส

ไม่มี.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 549

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๐๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 550

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๐๖] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม

คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 551

คือ ขันธ์ ๓ คันถธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และหทยวัตถุ.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 552

อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ

และหทยวัตถุ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๐๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 553

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๑๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ นโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๑๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ นั่นเอง.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำเป็น ๙ วาระ รูปไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 554

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๑๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 555

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 556

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๑๓] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณากุศลกรรม

นั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 557

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว กิเลสที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 558

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะ ย่อม

เกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น คันถ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๗-๙)

พึงกระทำคำว่า เพราะปรารภ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 559

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๑๔] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำว่าให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 560

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทังหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำซึ่งกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทานเป็นต้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 561

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๑๕] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

ไม่ใช่คันถธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 562

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๔-๕-๖)

๒ วาระ พึงกระทำอาวัชชนะ, วาระที่ ๑ ไม่มี.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๗-๘-๙)

วุฏฐานะแม้หนึ่ง พึงกระทำในวาระท่ามกลาง.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 563

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๑๖] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 564

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พึงกระทำ โดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 565

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๑๗] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 566

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 567

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๑๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 568

๑๔. วิปากปัจจัย

๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๑๙] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 569

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๒๐] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 570

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. คันถธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจ-

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมี่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 571

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, คันถธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

อภิชฌากายคันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 572

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรม แสะสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ทีเกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 573

๙. คันธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 574

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๒๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 575

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 576

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๒๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๒๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๒๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 577

๒๗. คันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๖] ๑. คันถนิยธรรม อาศัยคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถนิยธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงแจกฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

คันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 578

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม.

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 579

ขันธ์ ๓ ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 580

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๒๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 581

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 582

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 583

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๐] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดจนถึงอสัญญสัตว์

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ อรูปภูมิเมื่อจะแจกในนปุเรชาต-

ปัจจัยพึงกระทำก่อน, รูปภูมิย่อมได้ในที่ใด พึงกระทำภายหลัง, และปฏิฆ

ไม่มีในอรูปภูมิ. ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙

วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 584

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 585

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๓๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระเหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 586

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ อาศัยหทยวัตถุ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, หทยวัตถุ และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส. หทยวัตถุ และปฏิฆะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 587

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และหทยวัตถุ.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 588

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๓๕] ในเหตุปัจจัยมี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๙

วาระ ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๖] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 589

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ฯลฯ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 590

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โลภะ เจือกับขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 591

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 592

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๔๒] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๔๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๔๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 593

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๔๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 594

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 595

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์, ปฏิฆะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 596

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 597

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๔๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูลในแม้ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น, ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 598

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม, พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มไว้, ย่อมรู้กิเลสทั้งหลายที่สั่งสมไว้ใน

กาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 599

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เพราะปรารภขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เเละโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 600

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๔๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 601

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 602

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลกระทำกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อนให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลออกจากฌาน กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลาย ออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 603

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็น

คันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 604

เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัม-

ปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๔๙] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 605

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 606

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คัยถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 607

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และ

โลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๗)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 608

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อนๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 609

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๕๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 610

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ ความปรารถนา

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เสนาสนะ เป็น

ปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ

แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ มานะ ความ

ปรารถนา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 611

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มีอุปนิสสยะทั้ง ๓ นัย.

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ.

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ ความปรารถนา เสนาสนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 612

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม แก่โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๕๑] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 613

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 614

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๕๕๒] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

ที่เกิดภายหลัง และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 615

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๕๕๓] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๕๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัย

แก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 616

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 617

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๕๕๕] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๕๕๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๕๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 618

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรมเป็น

ปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 619

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๕๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ พึงจำแนก.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือน

กับปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 620

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 621

ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 622

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสที่เกิดพร้อมกัน และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 623

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง, เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬีการา-

หาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิติน-

ทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมที่เกิดพร้อม

กัน และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 624

ที่เป็น สหชาตะ รวมกัน ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๕๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี

๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 625

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๖๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 626

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 627

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๖๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๖๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 628

๒๙. คันถคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

คันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ คันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 629

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙ วาระ พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๖๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิยธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 630

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ทั้งหมด พึงให้พิสดาร.

ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 631

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 632

๓ วาระ แม้นอกนี้ (วาระที่ ๗-๘-๙) พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าว

มาแล้ว พึงกระทำ เพราะปรารภ.

ในทุกะนี้ โลกุตตระไม่มี เหมือนกับคันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน พึง

กาหนดคำว่า คันถนิยะ.

ในมัคคปัจจัย พึงกระทำ ๙ วาระ.

คันถคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 633

๓๐. คันถคันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัย

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 634

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 635

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๘. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรม เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 636

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๕๖๙] ๑. ธรรมที่ เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย ฯลฯ

ในที่นี้ นเหตุปัจจัย ไม่มี.

[๕๗๐] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมม-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับทั้งสองนัยแม้นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับปฏิจจ-

วาระอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 637

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 638

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 639

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 640

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๗๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่

ใช่คันถธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 641

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม คันถธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓ วาระ แม้นอกนี้ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ในอธิปติปัจจัยก็ดี ในอนันตรปัจจัยก็ดี ในอุปนิสสยปัจจัยก็ดี เหมือน

กับอารัมมณปัจจัย วิภังค์ไม่มี.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๗๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อรูปธรรมเท่านั้นเป็นปัจจัย. แต่ละอย่างพึงกระทำอย่างละ ๓ นัย

ในอารัมมณะ สหชาตะ อุปนิสสยะ พึงเปลี่ยนแปลงทั้ง ๙ วาระ แม้ในปัญหา

วาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด.

คันถคันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 642

๓๑. คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๔] ๑. ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตคันถนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มีแตก

ต่างกัน.

คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 643

๓๒. โอฆและโยคโคจฉกทุกะ

ปฏิจจวาระ

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๕] โอฆธรรม อาศัยโอฆธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย.

โยคธรรม อาศัยโยคธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

โคจฉกะทั้ง ๒ เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

โอฆและโยคโคจฉกทุกะ จบ

๑. โอฆโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่ ๓๒ ถึง ๓๗). โยคโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่

๓๘ ถึง ๔๓) ทุกะต่อไปคือนีวรณทุกะ จึงเป็นทุกะที่ ๔๔

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 644

๔๔. นีวรณทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

พยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ กุกกุจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 645

๓. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 646

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 647

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๗๘] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. นีวรณธรรมอาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 648

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๗๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 649

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๘๐] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

กามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

วาระที่เหลือทั้งหมด (คือวาระที่ ๓-๖) พึงให้พิสดาร.

อรูปภูมิ พึงกระทำก่อน ส่วนรูปภูมิ พึงกระทำภายหลัง ตามที่จะ

พึงกระทำได้.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 650

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรน อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และ

นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชา-

นิวรณ์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 651

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจานียานุโลม

[๕๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 652

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๘๔] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูป.

๑. ๒. มีใน ม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 653

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรมและธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ถีนมิทธนีวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 654

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๘๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 655

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณอาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปุยุตตขันธ์ที่หลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และหทยวัตถุ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 656

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจยวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 657

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๐] ๑. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ เจือกับกาม-

ฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

นิวรณ์ทั้งปวง พึงให้พิสดาร.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๙๒] ๒. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 658

คือ อวิชชานิวรณ์ เจือกับวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์เจือกับ

อุทธัจจนิวรณ์.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระในสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 659

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่

ใช่นีวรรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 660

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๙๕] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น

เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 661

ออกจากฌานแล้วพิจารณา ฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณา เห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 662

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาณ ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุ เป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน. ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๕- ๖- ๗) พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๙๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 663

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำ นีวรณธรรมทั้งหลาย ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น. มี ๓ วาระ เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ มรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 664

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 665

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ จักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือเป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-

๘-๙) เป็นอารัมมณาธิปติเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๙๗] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 666

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

นีวรณธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจฃองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 667

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. นีวณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 668

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๙๘] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณวรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ฯลฯ ยังฌานให้เกิดขึ้น ยังวิปัสสนา ฯลฯ ยังมรรค ฯลฯ ยังอภิญญา ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 669

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ทิฏฐิ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผล-

สมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 670

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ นีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๙๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 671

ปุเรชาตปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

พึงจำแนก กุศล และอกุศล.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๐๐] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 672

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๐๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๐๓] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

วาระ ๔ ที่เหลือ พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 673

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๐๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์

แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ในนีวรณมูล ก็มี ๓ วาระ อย่างนี้ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่างคือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 674

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธ-

นิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่

อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 675

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

นีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีกา-

ราหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 676

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจนิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจ-

นิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 677

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยนัยปัจจนียะ

[๖๐๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริย์ปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 678

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๐๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 679

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๐๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุป-

นิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ... ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนวิคตปัจจัยมี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๐๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัญหาวาระ จบ

นีวรณทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 680

๔๕. นีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณยธรรม เกิดขึ้น ฯลฯ

โลกิยทุกะฉันใด นีวรณิยทุกะ ก็พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

พึงประกอบนิวรณ์ด้วยนิวรณ์ ๘ ครั้ง คือ กามฉันทะ ๒ ครั้ง ปฏิฆะ ๔ ครั้ง

อุทธัจจะและวิจิกิจฉาสองอย่างนี้ อย่างละหนึ่งครั้ง. มาติกาแห่งนีวรณทุกะ

ได้ทำไว้แล้วในวาระนี้.

นีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 681

๔๖. นีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม.

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 682

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี

๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 683

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาติปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัยมี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโน-

วิคตปัจจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี

๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัยมี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

๑. ม. นอนันตระ ถึง นอุปนิสสยะ แต่ละปัจจัยมี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 684

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ...ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 685

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 686

๕. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. นีวรณวิปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นีวรณสัมปปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 687

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๙] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปตุตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 688

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี๓ วาระ.

การนับสองนัย นอกนี้ก็ดี, นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำอย่างกล่าว

มาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 689

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

[๖๒๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ เจือกับนีวรณวิปปยุตตธรรม ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 690

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๒ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

การนับ ๒ นัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 691

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 692

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๒๖] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทิฏฐิ เพราะปรารภทิฏฐินั้น

ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภวิจิกิจฉา วิจิกิจฉา ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภอุทธัจจะ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา

ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโทมนัส โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ

อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 693

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ พิจารณาผล

ฯลฯ นิพพาน

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 694

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เพาระปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๒๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ฯลฯ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 695

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ฯลฯ ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 696

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๒๘] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 697

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ในที่นี้ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ไม่มี.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 698

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๒๙] ๑. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ยังฌาน วิปัสสนา มรรค อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 699

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ ยังมรรค

ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 700

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ เสนา

สนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๓๐] ๑. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 701

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๓๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๓๒] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 702

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 703

๑๔. วิปากปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๓๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๓๔] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 704

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๓๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 705

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิงยิ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็น ปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 706

๗. นีวรณสัมปยุตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๓๖] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 707

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๓๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 708

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นีวรวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ

รวมกับ ปุเรชาตะ.

๗. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๓๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัม-

ปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี๔

วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 709

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๓๙] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ สาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

นีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 710

๔๗. นีวรณนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

การนับทั้งหมดพึงกระทำอย่างนี้ เหมือนกับ นีวรณทุกะ ไม่มี

แตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 711

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

นีวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 712

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๔๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม

แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 713

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู โวทาน ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อม

เพลิดเพลินยิ่ง ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ พึงกระทำตลอดถึงอาวัชชนะ.

๕. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 714

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙) แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างนี้.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

แม้ปุเรชาตปัจจัย ก็เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

ส่วนในนิสสยปัจจัย ไม่พึงกระทำ โลกุตตระ.

ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

นีวรณทุกะ ฉันใด พึงพิจารณา แล้วกระทำฉันนั้น.

นีวรณนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 715

๔๘. นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย พึงทำนิวรณ์ทั้งหมด.

๒. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 716

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และนีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 717

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 718

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอุโลม

[๖๔๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๔๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 719

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๔๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ... ฯลฯ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 720

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระ

ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ ปฏิจจวาระ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 721

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๕๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และนีวรณทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 722

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๕๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 723

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมเป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม-

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๕๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ พึงกระทำว่า

กระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นนั้นเทียว.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 724

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุคคธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้หนักแน่น นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 725

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๖๕๓] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย อา-

วัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อนๆ ในที่ทั้งปวง.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย วิบากไม่มี.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๖๕๔] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 726

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. อาหารปัจจัย

[๖๕๕] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๓. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 727

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๕๗] ธรรมที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในบททั้ง ๓ พึงเปลี่ยนแปลงให้เป็น ๙ วาระอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 728

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 729

๔๙. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๑] ๑. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณิยธรรมเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตนีวรณิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 730

๕๐. ปรามาสทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์. มหาภูตรูป ฯลฯ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 731

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๖๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 732

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๖๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 733

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๖๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 734

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายและจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 735

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม และหทย-

วัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๗๐] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 736

ปัจจนียนัย

[๖๗๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ ในน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมป-

ยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี

๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 737

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๗๓] เพราะปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 738

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เจือกับปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปรามาสธรรม.

วาระ ๕ พึงกระทำอย่างนี้ เฉพาะในอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระ ก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 739

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ทั้งหลาย, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๗๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 740

คือ เพราะปรารภปรามาสธรรม ปรามาสธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภปรามาสธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วพิจารณา

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 741

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนา-

คตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ.

บุคคลพิจารณา จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 742

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรา-

มาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๗๘] ๑. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

คือ เพราะกระทำปรามาสธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์ อย่างหนัก

แน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ พึงกระทำ อารัมมณาธิปติ อย่างเดียว

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 743

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ นิพพานให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก้มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์หนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 744

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถธรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 745

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ปรามาสธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๗๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ที่เกิดหลังๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 746

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมที่เกิดหลัง ๆ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ปรามาสธรรม เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 747

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสสยปัจจัย

๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๘๐] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 748

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติ

ให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 749

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

เป็นอุปนิสสยะ ทั้ง ๓

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 750

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๘๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช้ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขาตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรา-

มาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 751

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๘๒] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำปัจฉาชาตะ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 752

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๘๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๖๘๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 753

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. ฌานปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๖๘๕] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย

คือ องค์มรรคที่เป็นปรามาสธรรม ฯลฯ

มี ๕ วาระ พึงกระทำอย่างนี้.

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๘๖] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 754

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๘๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 755

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 756

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปราสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ปรามาสธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 757

ปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปรามาสธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 758

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๘๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 759

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 760

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ.

ปรามาสทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 761

๕๑. ปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๓] ๑. ปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๒. ฯลฯ อาศัย ปรามัฏฐธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำปรามัฏฐทุกะฉันนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 762

๕๒. ปรามาสสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 763

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 764

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๙๖] ๑. ปรามาสวิปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๙๗] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 765

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 766

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 767

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป, ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ, จิตต-

สมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 768

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๘. ปรามาสวิปปยุตตธรรม และปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 769

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๐๓] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 770

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญาปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในฌาน

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ในน

อธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 771

สังสัฏฐวาระ

อนุโลม

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เจือกับปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๘] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัยมี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

การนับทั้งสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 772

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๑๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

วิปปยุตตธรรม, ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 773

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสสัมป-

ยุตตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาล

ก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภ

ขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริย-

ญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 774

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลธรรมนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน

ยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 775

อากาสสานัญจาตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ,

แก่เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๑๒] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 776

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 777

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติ-

ปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่

เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 778

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรา-

มาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลาลยที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 779

๔. อนันตรปัจจัย

[๗๑๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 780

๕. สมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๗๑๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๗๑๕] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ โมหะ ฯลฯ ความปรารถนา

เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่โมหะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 781

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรมแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยโมหะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ให้ทาน ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โมหะ ความปรารถนา เป็นปัจจัย

แก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ฯลฯ ความปรารถนา

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกาย ฯลฯ เสนาะสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 782

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เพราะอาศัยศรัทธา ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะ ความปรารถนา ศรัทธา ฯลฯ

เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่ความปราถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๗๑๖] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 783

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๗๑๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 784

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๗๑๘] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๗๑๙] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 785

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 786

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๗๒๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๗๒๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 787

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 788

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 789

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๗๒๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 790

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 791

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๒๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในปัจจัย-

ทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๒๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 792

มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๒๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

ปรามาสสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 793

๕๓. ปรามาสปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๗] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย.

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายทั้งเป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 794

๔. ธรรมที่เป็นปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐาน แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม และธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ฯลฯ

วาระทั้งหมดพึงกระทำเหมือนกับปรามาสทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 795

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๘] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม อำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 796

[๗๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำว่าปรารภ เหมือนกับปรามาสทุกะ.

๔. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้ว

พิจารณากุศลธรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรม

นั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, กิเลสที่สะสม

แล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ พึงกระทำทั้งหมด.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 797

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระแม้นอกนี้ พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

ทุกะนี้ เหมือนกับปรามาสทุกะ โลกุตตระไม่ได้ในที่ใด ก็ไม่พึง

กระทำในที่นั้น.

ปรามาสปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 798

๕๔. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๓๐] ๑. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ จบ

อนุโลมทุกปัฏฐาน จบ



พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 1

พระอภิธรรมปิฎก

เล่มที่ ๗

ปัฏฐาน ภาคที่ ๔

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อนุโลมทุกปัฏฐาน

๑. เหตุโคจฉกะ

๑. เหตุทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ, อโลภะ อโมหะ อาศัยอโทสะ,

อโลภะ อโทสะ อาศัยอโมหะ โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ,

โมหะ อาศัยโทสะ, โทสะ อาศัยโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุ ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

๑. บาลีเล่ม ๔๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 2

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 3

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ อาศัยโทสะ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และหทยวัตถุ ฯลฯ.

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุและเหตุธรรม.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และ

นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 4

คือ ขันธ์ ๓, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และโสภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ และอโลภะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณ-

ปัจจัย

ทิ้งรูปภูมิเสีย พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในอรูปภูมิเท่านั้น.

๓. อธิปติปัจจัย

เพราะอุปติปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี พึงกระทำให้บริบูรณ์.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

นี้เป็นข้อที่ต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 5

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖.สหชาตปัจจัย

เพราะอนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย เพราะสหชาต-

ปัจจัย

มีมหาภูตรูปทั้งหมดตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๑๓. วิปากปัจจัย

เพราะอัญญมัญญปัจจัย เพราะนิสสยปัจจัย เพราะอุปนิสสย-

ปัจจัย เพราะปุเรชาตปัจจัย เพราะอาเสวนปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี แม้ในภูมิ

ทั้งสอง.

เพราะกัมมปัจจัย เพราะวิปากปัจจัย เกิดขึ้น. เพราะอวิคตปัจจัย

ปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ปัจจัย

ทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 6

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

๒. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา .ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูปทั้งหมด. ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 7

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

เพราะนอธิปปัจจัย พึงกระทำให้บริบูรณ์.

เพราะนอนันตรปัจจัย เพราะนสมนันตรปัจจัย เพราะนอัญญ-

มัญญปัจจัย เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘.นปุเรชาตปัจจัย

[๖] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 8

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม, จิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์

๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 9

คือ ในอรูปภูมิ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ.

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสมัปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในอรูปภูมิ โมหะ อาศัยโลภะ และสมัปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรมและเหตุ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 10

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรม

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓, อโทสะและ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒. ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐.นอาเสวนปัจจัย

[๗] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปัจฉา-

ชาตปัจจัย ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย (มี ๙ วาระ).

๑๑.นกัมมปัจจัย

[๘] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 11

๒. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

กัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป.. . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๙] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. นอาหารปัจจัย

[๑๐] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อาหารปัจจัย

คือ พาหิรรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๔. นอินทริยปัจจัย

[๑๑] ๑. ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 12

คือ พาหิรรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๕. นฌานปัจจัย

[๑๒] ๑. ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ

อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๖.นมัคคปัจจัย

[๑๓] ๑. ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในอเหตุปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๗.นสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ ๒๐.โนวิคตปัจจัย

เพราะนสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัยเหมือน

นปุเรชาตปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ในอรูปภูมิเท่านั้น ฯลฯ เพราะ-

โนนัตถิปัจจัย ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 13

การนับจำนวนวาระปัจจนียะ

[๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 14

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจานียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี มี ๕ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

หัวข้อปัจจัย เมื่อมหาภูตรูปทั้งหลายจบแล้ว พึงกระทำว่า "อาศัย

หทยวัตถุ" อายตนะ ๕ ย่อมได้ในอนุโลมก็ดี ในปัจจนียะก็ดี ฉันใด พึง

กระทำฉันนั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงทำให้บริบูรณ์ รูปภูมิไม่

มี มีแต่อรูปภูมิเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 15

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุ-

ปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย โทสะ เป็น

ปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ แลจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 16

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมและนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะ

ปรารภเหตุธรรม.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 17

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณาซึ่ง

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณา ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นเหตุธรรม,

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตชอบบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนกิริยา,

อากิญจัญญายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนกิริยา.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๑. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๑, ๒. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 18

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

พึงยกเอาเฉพาะข้อความในบาลี ตอนที่ ๑ ว่า "บุคคลให้ทาน" เท่า

นั้นมาใส่ในที่นี้ แต่อาวัชชนะ และข้อความที่ว่า "รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่

จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ นี้ก็ไม่มี.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงยกเอาข้อความทั้งอยู่ในบาลีนั้นมาใส่ที่นี้ ให้เหมือนกับข้อความ

ในบาลีตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นเพราะปรารภเหตุธรรมและสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 19

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๙. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น

เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมให้หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 20

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้อารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาปัจจัย และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้ง

หลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยสัมปยุตตขันธ์, เหตุธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า "บุคคล

ให้ทานแล้ว " ใส่ให้พิสดาร จนถึงคำว่า "ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม".

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 21

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ พึงยกเอาข้อความตามบาลีข้างต้นมาใส่จนถึง

หทัยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล-

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา เพราะกระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 22

พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า " บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่

เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน จนถึงหทยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม " มาใส่.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 23

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ เนวสัญญาณาสัญญายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 24

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

นเหตุมูลกนัย เป็นอย่างเดียวกันทั้ง ๓ วาระ.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เป็นหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๑] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

สมนันตรปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 25

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย ทั้ง ๒ ปัจจัยนี้

เหมือนปัจจยวาระ.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับนิสสยปัจจัย

ในปัจจัยวาระ.

๙.อุปนิสสยปัจจัย

[๒๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 26

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 27

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ เหมือนกับอุปนิสสยปัจจัย ตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 28

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๓] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 29

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 30

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ ทิพยจักษุ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 31

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๖] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 32

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

เหตุธรรมทั้งหลาย แก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย.

คือ อโลภะ ที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย.

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในการจำแนกวิปากปัจจัย เหมือนในปฏิจจ-

วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 33

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุ

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุธรรมเป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย แก่เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 34

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

ในเหตุมูลกนัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย.

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

อินทริยปัจจัย พึงให้พิสดารอย่างนี้ และมี ๙ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๐] นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

[๓๑] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 35

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

ใน ๒ ปัจจัยนี้ มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย, เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 36

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ, หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 37

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 38

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๓] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 39

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และกฏัตตารูปทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 40

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 41

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ หทยวัตถุเป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่เหตุธรรมทั้งหลาย

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 42

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

อโลภะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย แก่อโทสะ แก่อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 43

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ เป็นนเหตุธรรม และเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมและหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย และมหาภูตรูปทั้งหลายที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ-

ธรรมและนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่

อโทสะ, แก่อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 44

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่

อโมหะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

โลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

สุทธมูลกนัย

[๓๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 45

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ผู้มีปัญญาพึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 46

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจขงปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 47

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 48

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ . . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 49

อรรถกถาทุกปัฏฐาน

เหตุทุกะ เป็นต้น

แม้ในทุกปัฏฐาน ผู้ศึกษา พึงทราบปัญหาวิสัชนาและการนับในทุกะ

ทั้งหมด ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในบาลีนั่นเอง. อีกอย่างหนึ่ง ในทุกปัฏฐานนี้

การวิสัชนา สเหตุกทุกะ และเหตุสัมปยุตตทุกะ เหมือนกับการวิสัชนา

เหตุทุกะ. เหตุและสเหตุกเหตุ แห่งเหตุสัมปยุตตทุกะ และสัปปัจจยทุกะ

สังขตทุกะ ก็เหมือนกัน ฯ คำนี้ว่า อิม ทุก ยถา สปฺปจฺจยทุก เอว กาตพฺพ

พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เพราะแม้สังขตธรรมย่อมประกอบร่วมกับอสังขตธรรม

ไม่ได้. เหมือนสัปปจจยธรรมประกอบกับอัปปัจจยธรรมไม่ได้ฉะนั้น

สารัมมณทุกะ จิตตสัมปยุตตทุกะ และสังสัฏฐทุกะ มีวิสัชนาเหมือนกับ

อาสวโคจฉกะ โอฆโคจฉกะ และโยคโคจฉกะ ซึ่งเหมือนกัน เพราะว่าธรรม

๓ เหล่านี้ มีวิสัชนาเหมือนกัน.

อรรถกถาเหตุทุกะเป็นต้น จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 50

๒. สเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 51

๔. อเหตุกธรรม อาศัยเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 52

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 53

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 54

๖. สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๑] ๑. สเหตุกธรรมอาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 55

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๕. สมนันตรปัจจัย

[๔๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๔๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม. ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 56

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัย มหาภูตรูป ๑ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 57

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

ปัจจัยเหล่านี้ พึงกระทำเป็น ๕ วาระ เหมือนกับเหตุปัจจัย ไม่มีแตก

ต่างกัน.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๔๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 58

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ฯลฯ.

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 59

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๔๕] สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะกัมมปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะมัคคปัจจัย

ฌานปัจจัยก็ดี มัคคปัจจัยก็ดี เหมือนกับสหชาตปัจจัย พาหิรรูป มหา-

ภูตรูป ไม่มี.

ฯลฯ เพราะสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 60

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๗] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 61

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำทั้งหมด ตลอดถึงอสัญญสัตว์ทั้งหลาย.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๔๘] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ มหาภูตรูป

๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 62

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

[๔๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอธิปติปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในอนุโลม.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 63

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ นอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย

ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐาน อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ พึงให้พิสดาร ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 64

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 65

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐. นอาเสวนปัจจัย

[๕๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๕๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 66

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๔. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๕๓] ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย ปฏิสนธิ ไม่มี.

๑๓. นอาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. นสัมปยุตตปัจจัย

[๕๔] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

๑๘. นวิปปยุตตปัจจัย

[๕๕] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 67

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 68

๑๙. โนนัตถิปัจจัย ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะในนัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 69

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 70

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย. สเหตุกมูลกนัยเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม ฯลฯ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระนั่นเอง

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ, สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 71

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 72

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 73

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทัยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 74

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และ อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ โมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

ในอธิปติปัจจัย พึงกระทำ เป็น ๙ วาระ เฉพาะในปวัตติกาลเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๖๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๖๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 75

มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัย จักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และ อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 76

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม แสะอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย ขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 77

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๖๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 78

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 79

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ. ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนสัมปบุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 80

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙] ๑. เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 81

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือ

กับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 82

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 83

๖. สเหตุกธรรมเจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๒] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ

[๗๓] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย ฯลฯ

๓. วิปากปัจจัย

[๗๔] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 84

คือ ฯลฯ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิปาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 85

ในนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๖ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๖] ๑. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 86

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 87

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 88

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๘๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 89

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อานาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๘๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคย

เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 90

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความ

เป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น, เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 91

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯสฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 92

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอเหตุกธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโสตะ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและ

โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 93

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่-

สเหตุธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๘๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 94

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ออกจากผล ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 95

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็น

ต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๘๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน.

โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 96

ผล เป็นปัจจัยแก่ผล.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิต ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิต ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 97

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อนๆ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิตที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 98

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 99

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

เหมือนอนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๘๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย เหมือน

ในปฏิจจวาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับ

นิสสยปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 100

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๘๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 101

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัย

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

โมหะ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยะ

ปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 102

สุขทางกาย ฯลฯ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 103

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๘๖] ๑. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 104

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น , เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 105

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๘๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 106

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๘๘] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี ภวังค์ก็ดี ไม่มี ในอาเสวนปัจจัย พึงเว้นทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๘๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 107

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็นนานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหาชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 108

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๙๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 109

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๙๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๙๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 110

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

๑๗. ฌานปัจจัย

[๙๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย

คือ องค์ฌานทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๙๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 111

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๙๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของสัมปยุตตปัจจัย เหมือนกับสัมปยุตตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๙๖] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 112

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 113

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดภาย

หลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๙๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 114

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย, ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 115

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็น จักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 116

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่

เป็นวิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 117

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน

และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 118

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ

รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

พร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 119

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 120

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๙๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 121

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 122

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 123

มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 124

๓. เหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๓] ๑. เหตุสัมปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุวิปปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร ด้วยเหตุนี้ เหมือนกับสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 125

๔. เหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรม ที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัย โลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรม และสเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 126

คือ อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ขันธ์

๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุ-

ธรรม. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 127

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม และ

เหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอโทสะ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

แต่ไม่ใช่เหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 128

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๑๐๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอธิปติ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ให้บริบูรณ์.

๒. นปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ ๔. นอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 129

๕. นกัมมปัจจัย

[๑๐๗] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือสัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม-

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่

เหตุธรรม.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๖. นวิปากปัจจัย ๗. นวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๘ วาระ ใน

นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 130

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียนัย

[๑๐๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๑๐] เพราะนอธิปติปัจจัย ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม จบ

สหชาตวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 131

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสเหตุกธรรมและเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงให้พิสดาร.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 132

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๑๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุหกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 133

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิด

ขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ

ปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปค-

ญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 134

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม, ธรรม

ที่เป็นสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 135

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัม-

ปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 136

เพราะกระทำเหคุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 137

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้ในกาลก่อน ฯลฯ ออก

จากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

ขันธ์เหล่านั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 138

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 139

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๑๑๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 140

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 141

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

สเหตุกนเหตุมูลกนัย แม้ทั้ง ๓ ก็เป็นเช่นเดียวกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมเละสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 142

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

สมนันตรปัจจัย เหมือน อนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๑๑๕] ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 143

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

ทั้ง ๓ ปัจจัย เหมือนกับเหตุปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๑๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูลทั้งหลาย แห่งหัวข้อปัจจัยทั้งหลาย แม้ทั้ง ๒ เหล่านี้.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 144

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนา แล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในสเหตุมูลกนัย พึงให้พิสดารโดยเหตุนี้ ที่เหลือนอกนั้น มี ๒ วาระ.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 145

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล.

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๑๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย (เหมือนอนันตรปัจจัย)

๑๑. กัมมปัจจัย

[๑๑๘] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 146

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

เหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 147

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์

ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. วิปากปัจจัย

[๑๑๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย

คือ อโลภะที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจ

ของ วิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร เหมือนกับเหตุปัจจัย พึงกำหนดว่า วิบากทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. อาหารปัจจัย

[๑๒๐] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 148

๔. อินทริยปัจจัย

[๑๒๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พึงกำหนดว่า อินทรีย์. พึงกระทำ ๙ วาระให้บริบูรณ์.

๑๕. ฌานปัจจัย

[๑๒๒] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๖. มัคคปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

[๑๒๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 149

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหาร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี

๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนีย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๒๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 150

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นต้น

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 151

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 152

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๒๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนีย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๒๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 153

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 154

๕. เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารเหมือนกับ เหตุสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 155

๖. นเหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๑๓๐] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 156

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย.

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 157

๙. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๓๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 158

๔. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ พึงจำแนกอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 159

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๓๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ โมหะไม่มี.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๑๓๔] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 160

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๓๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๓๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 161

มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๓๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้ในสหชาตวาระ ก็พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 162

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๓๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตา

รูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 163

ปัจจัยสงเคราะห์ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙) ปวัตติ และปฏิสนธิ

พึงกระทำให้บริบูรณ์ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 164

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๔๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๔๒] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๔๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 165

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับ แม้ ๒ นัย ที่ยังเหลือ ก็พึงนับอย่างนี้.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 166

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. อารัมมณปัจจัย

[๑๔๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่

เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

อากิญจัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 167

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อกุศลและอกุศลดับไป

แล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศล

และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 168

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อ

กุศลและอกุศลับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 169

๒. อธิปติปัจจัย

[๑๔๖]๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีลแล้ว กระทำกุศลกรรมนั้น ให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 170

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้เเก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 171

๓. อนันตรปัจจัย

[๑๔๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 172

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. สมนันตรปัจจัย

[๑๔๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย.

๕. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี พึงกระทำเป็น ๗ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 173

๖. อัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๗. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พึงกระทำปวัตติ และ ปฏิสนธิ ทั้ง ๗ วาระ ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์

ไม่มี.

๘. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๔๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 174

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

ศีล ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์

ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

ที่ ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 175

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ปุเรชาตปัจจัย

[๑๕๐] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 176

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่

เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจปุเรชาตปัจจัย.

๑๐. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๑๕๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 177

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๑. อาเสวนปัจจัย

[๑๕๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน, โคตรภู

เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 178

๑๒. กัมมปัจจัย

[๑๕๓] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรมที่เป็นวิบากและกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 179

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. วิปากปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓).

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 180

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๔. อาหารปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๑๕. อินทริยปัจจัย

[๑๕๖] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 181

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๑๖. ฌานปัจจัย

[๑๕๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย พึงกระทำทั้ง ๔ วาระ.

๑๗. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. สัมปยุตตปัจจัย

[๑๕๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 182

๑๙. วิปปยุตตปัจจัย

[๑๕๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรมด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 183

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาระ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๑๖๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 184

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 185

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ย่อมเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 186

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬี-

การาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 187

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๑] ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย

มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๗

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๖๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 188

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 189

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗

วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

โนอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิตตปัจจัย มี

๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๖๔] เพราะอารัมมณปัจจัย ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 190

๔ วาระ ฯลฯ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน-

โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นเหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 191

๗. สัปปัจจยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๖๖] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็น

อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๑๖๗] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 192

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๖๙] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 193

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๗๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 194

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๓] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๔] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 195

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๕] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๖] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล, กิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 196

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปัจจยธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัปปัจจยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๗๗] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 197

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมที่ทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน

แล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 198

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

[๑๗๘] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, อุปนิสสย-

มูล มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

ปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๗๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 199

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๘๐] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 200

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

โนนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัปปัจจยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 201

๘. สังขตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๔] ๑. สังขตธรรม อาศัยสังขตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสังขตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ทุกะนี้ พึงกระทำเหมือนสัปปัจจยทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สังขตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 202

๙. สนิทัสสนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๕] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ฯลฯ ที่เป็นอนิทสัสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทสัสนธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 203

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๘๗] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 204

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทสัสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ พึงกระทำทุกปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ื้นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 205

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๙] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป ...อาหารสมุฏฐานรูป ...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 206

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป ... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิ-

ทัสสนธรรมอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุตุกะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ฯลฯ

พาหิรรูป . . .อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 207

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พึงกระทำอย่างนี้ทุกปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๑] ๑. เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 208

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑วาระ ในอนันตร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ โนนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 209

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๙๓] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้.

[๑๙๔] ๒. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 210

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๙๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 211

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

แม้นิสสยวาระ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 212

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๑] อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

ทั้งหมดนี้ พึงแจกกับด้วยจำนวนปัจจัยรวมกัน อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 213

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 214

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๓] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ รูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญญาณ และอาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 215

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

จักษุ ฯลฯ กายะ เสียง หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๐๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 216

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำรูปที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำรูปนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจาก

ฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 217

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจอธิปติปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรมด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐๕] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, เนว-

สัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 218

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๐๖] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๐๗] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลปรารถนาซึ่งความถึงพร้อมแห่งวรรณะ ย่อมให้ทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม.

ความถึงพร้อมแห่งวรรณะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 219

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๐๘] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

คือ พิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 220

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรมเป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ได้แก่รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๐๙] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 221

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๑๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๑๑] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 222

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๑๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำกวฬีการาหาร ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำรูปชีวิตินทรีย์ ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 223

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๑๓] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 224

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 225

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๑๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 226

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 227

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป-

ที่เป็นอุปาทารูป ซึ่งเป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 228

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๑๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 229

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ นปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๑๖] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 230

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๑๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี

๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 231

มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๑๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียะ จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๑๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 232

วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สนิทัสสนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 233

๑๐. สัปปฏิฆทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัย โผฏฐัพพายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม.

อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 234

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นอัปปฏิฆธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 235

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อาศัยอาโปธาตุ.

๖. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

อาโปธาตุ.

๗. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอาโปธาตุ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 236

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๘. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรมและอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม

อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

โผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 237

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๒๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อธิปติปจจัย

[๒๒๒] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย พึงเว้นปฏิสนธิ และกฏัตตารูป.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมด.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๒๒๓] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 238

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พึงกระทำอัชฌัตติกพาหิรมหาภูตรูปเหล่านี้.

๖. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และ

อาโปธาตุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 239

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนิสสยปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 240

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อัปปฏิฆมูลกนัย พึงกระทำเป็น ๒ วาระ แม้นอกนี้, แม้ในปัจจัย

สงเคราะห์ ก็พึงกระทำเป็น ๓ วาระ อัชฌัตติกมหาภูตรูปและพาหิรมหาภูตรูป

ทั้งหมด ผู้มีปัญญารู้แล้ว พึงกระทำ.

๒. นอารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

[๒๒๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 241

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๒๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๒๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาร ะ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 242

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๒๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัยมี ๑

วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 243

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕ วาระ ที่เหลือ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 244

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และกายายตนะ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 245

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ

แม้การนับปัจจนียะ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

แม้นิสสยวาระก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

แม้ในสังสัฏฐวาระทั้งหมด แต่ละปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย ก็มี ๑ วาระ เท่านั้น.

แม้วาระทั้งสอง (สหชาตวาระ และ สัมปยุตตวาระ) ก็พึงกระทำ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 246

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 247

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๔] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 248

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว, กิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลส

ทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญา-

ยตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิเวสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๓๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

โผฏฐัพพะทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 249

๒. อัปปฏฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อานาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาล

ก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำหทยวัตถุ ฯลฯ

อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหารให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำหทยวัตถุเป็นต้นนั้นให้อารมณ์อย่างหนัก

แน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 250

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

คือ อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๓๖] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัย

แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

[๒๓๗] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 251

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๓๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๓๙] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

อุตุ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 252

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ โภชนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ โภชนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๔๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 253

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะและหทยวัตถุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 254

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

พึงกระทำมูลแห่งวาระทั้งสอง.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๔๒] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ โวทาน

เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๔๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหขชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 255

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได่แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๔๔] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ อัปปฏิฆธรรมที่เป็นวิบาก ฯลฯ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 256

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๔๕] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

วาระ ๒ ที่เหลือนอกนั้นพึงกระทำ. ปฏิสนธิ กวฬีการาหาร พึงกระทำ

แม้ในวาระทั้ง ๒ เบื้องปลาย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๔๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำชีวิตินทรีย์ แม้ใน ๓ วาระเบื้องปลาย (วาระที่ ๒ - ๔)

๕. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 257

คือ จักขุนทรีย์และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคต

ด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ และกาย-

วิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๔๗] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๔๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 258

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย, หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 259

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อนด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๔.] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ วาระแรกเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 260

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อาโปธาตุ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่อิตถินทรีย์ ฯลฯ แก่กวฬีการาหาร

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 261

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๒

และอาโปธาตุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ที่เกิดก่อน ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 262

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จักขายตนะ ฯลฯ แก่โผฏฐัพพายตนะ ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 263

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 264

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาระ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ที่เกิดพร้อมกัน และจักขายตนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ

และกายายตนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 265

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๐] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๕๑] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 266

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 267

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ...

ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓

วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 268

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๕๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . .

ในอธิปติปัจจัย ๔ วาระ ฯลฯ

พึงนับอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สัปปฏิฆทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 269

๑๑. รูปีทุกะ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๕๕] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 270

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 271

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้ง

หลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๕๗] รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 272

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกำหนด วาระทั้ง ๙ ว่าเป็นอเหตุกะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 273

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ . . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 274

มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 275

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๑] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

วาระที่เหลือนอกนั้น พึงจำแนกเป็น ปวัตติ ปฏิสนธิ อย่างนี้.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๖๒] ๑. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 276

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายา-

ยตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจั มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 277

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๖๔] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกระทำปวัตติ ปฏิสนธิ.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 278

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็น

อเหตุกะ และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 279

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่เป็นอเหตุกะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๖๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในน

ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 280

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๖๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี๓ วาระ... ใน

ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 281

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๘] ๑. อรูปีธรรม เจือกับอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัยก็ดี การนับทั้ง ๓ นัยก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี ทั้งหมดพึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว มี ๑ วาระเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 282

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๗๐] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 283

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๗๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่ปุพเพ-

นิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว ฯลฯ พิจารณาผล.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 284

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริย-

ญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปปัจจัย

[๒๗๒] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ กวฬีกา-

ราหารให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 285

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอรูปีธรรมให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ฯลฯ ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 286

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๗๓] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๗๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 287

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ทุกข์ทางกาย เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๗๕] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

ฯลฯ จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 288

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ. หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชตปัจจัย

[๒๗๖] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๗๗] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๗๘] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 289

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 290

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗๙] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘๐] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

คือ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๘๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 291

คือ รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (คือวาระที่ ๓-๕)

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ

๑๗. ฌานปัจจัย

[๒๘๒] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 292

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๘๓] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 293

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๒๘๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 294

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาจักษุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ ด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 295

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 296

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, ฯลฯ เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 297

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๖] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 298

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗

วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 299

สมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี

๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโน-

อวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ โนนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 300

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน-

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ.

พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

รูปีทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 301

๑๒. โลกิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๐] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. โลกิยธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 302

๔. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตรธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๕. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๕ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 303

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๒] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ.

ในอาเสวนมูลกนัย ในโลกุตตระ ในสุทธกอรูปภูมิ พึงกำหนด

คำว่า วิบาก ส่วนที่เหลือนอกนั้น พึงกระทำตามปรกติ.

ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหาร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 304

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๙๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับปัจจนียะ ในน

วิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๙๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน-

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตะ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 305

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๖] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูต-

รูปทั้งหลาย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๖)

๗. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 306

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๘. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

และ โลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๙๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 307

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๘] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ในโลกุตตระ ในอรูปภูมิ พึงกำหนดว่าวิบาก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 308

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๐๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับ ในปัจจ-

นียะ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๐๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ.... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 309

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๒] ๑. โลกิยธรรม เจือกับโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เจือกับโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สังสัฏฐวาระพึงให้พิสดารอย่างนี้ พร้อมด้วยการนับ มี ๒ วาระ.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 310

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๐๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลสที่ละ

แล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 311

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิย-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกิยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรค แก่ผล ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วพิจารณามรรค, พิจารณา

ผล, พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่อาวัชชนะ ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 312

พระอริยะทั้งหลายรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกุตตร-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๐๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลที่เคยทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ

พระเสกขบุคคลทั้งหลาย กระทำโคตรภูให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ฯลฯ กระทำโวทานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 313

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ย่อมพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 314

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๐๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อานาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 315

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล, ผล เป็นปัจจัยแก่ผล ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ผล เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๐๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 316

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ยัง

วิปัสสนาให้เกิดขึ้น ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ

ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็น

โลกิยธรรม ฯลฯ แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

กรรมที่เป็นกุศลและอกุศล เป็นปัจจัยแก่วิบาก ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บริกรรมแห่งปฐมมรรค เป็นปัจจัยแก่ปฐมมรรค ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ บริกรรมแห่งจตุตถมรรค เป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 317

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปฐมมรรคเป็นปัจจัยแก่ทุติยมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ

ตติยมรรคเป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายเข้าไปอาศัยมรรคแล้ว ยังสมาบัติที่ยังไม่เกิดให้เกิด

ขึ้น เข้าสมาบัติที่เกิดขึ้นแล้ว พิจารณาเห็นสังขาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

มรรคของพระอริยะเหล่านั้น ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ความฉลาดในฐานะ

และอฐานะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ผลสมาบัติ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๐๘] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 318

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๐๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 319

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๑๐] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 320

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๑๑] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 321

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๑๒] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๑๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 322

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๑๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

พึงกระทำปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ

กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๑๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 323

๒. โลกุตตรธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๘. มัคคปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของมัคคปัจจัย

ในโลกิยธรรมเป็นปัจจัย มี ๑ วาระ.

ในโลกุตตรธรรมเป็นปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัย ฯลฯ มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๑๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 324

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 325

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๑๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 326

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 327

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯ ฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 328

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 329

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๑๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอานาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัย แก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๖. โลกิยธรรม และโลุกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 330

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และ โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๗

วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในน-

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิ

ปัจจัยมี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๒๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 331

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๒๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

โลกิยทุกะ จบ

อรรถกถาโลกิยทุกะเป็นต้น

อีกอย่างหนึ่ง ทุกะเหล่านี้คือ โลกิยทุกะ สาสวทุกะ สัญโญชนียทุกะ

คันถนียทุกะ นีวรณียทุกะ ปรามัฏฐทุกะ สังกิเลสิกทุกะ อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนียทุกะ คันถวิปปยุตตคันถนียทุกะ นีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณียทุกะ ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ กิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกทุกะ

ปริยาปันนทุกะ และสอุตตรทุกะ เหมือนกัน กิเลสทุกะเหมือนสัญโญชนทุกะ

สังกิลิฏฐทุกะ กิเลสสัมปยุตตทุกะ นีวรณสัมปยุตตทุกะ ทัสสเนนปหาตัพพทุกะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 332

และสรณทุกะ เหมือนกัน อนึ่ง กิเลสทุกะ สังกิลิฏฐนีวรณทุกะ นีวรณ-

สัมปยุตตกิเลสทุกะ และกิเลสสัมปยุตตทุกะ เหมือนกัน โดยนัยนี้ ผู้ศึกษา

พึงทราบว่า วิสัชนาแห่งทุกะทั้งปวงที่มีเนื้อความเหมือนกัน ย่อมเป็นเช่น

เดียวกันนั่นเอง.

ก็ในปัฏฐานทั้งหมด ย่อมไม่ได้เกนจิวิญเญยยทุกะ. ในทุกะอันมีรูป

อย่างนี้ เหล่านี้คือ " อาสวา เจว อาสวสมฺปยุตฺตา จ, สญฺโชนา

เจว สญฺโชนสมฺปยุตฺตา จ, คนฺถา เจว คนฺถสมฺปยุตฺตา จ,

นิวรณา เจว นีวรณสมฺปยุตฺตา จ, กิเลสา เจว สงฺกิลิฏา จ "

ย่อมไม่ได้วิปากปัจจัย และนานากขณิกกัมมปัจจัย. ในนเหตุสเหตุกทุกะ

นเหตุอเหตุกทุกะ ไม่มีเหตุปัจจัย. ในทุกะเหล่านี้คือ เหตุเหตุสัมปยุตทุกะ

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ, คันถคันถสัมปยุตตทุกะ ย่อมไม่ได้นเหตุปัจจัย

นฌานปัจจัย และ นมัคคปัจจัย. ส่วนในทุกะเหล่านี้คือ สัญโญชน-

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ, นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ กิเลสกิเลสสัมปยุตตทุกะ

กิเลสสังกิลิฏฐทุกะ ย่อมได้นเหตุปัจจัย ด้วยอำนาจแห่งโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉาและอุทธัจจะ ย่อมไม่ได้นฌานปัจจัย และนมัคคปัจจัย. ผู้ศึกษา

กำหนดวิสัชนาที่มีได้และมีไม่ได้ในทุกะทั้งปวง ดังอธิบายมาแล้ว พึงทราบ

การนับวาระด้วยอำนาจแห่งบาลีแล.

อรรถกถาทุกปัฏฐาน จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 333

๑๓. เกนจิวิญเญยยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๓๒๓] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยย-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 334

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๓. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม, เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๔. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 335

๕. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๖. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศยัมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 336

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๘. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญ-

เญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 337

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ การนับพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี

สัมปยุตตวาระก็ดี พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปัจจยวาระ พึงแสดง หทยวัตถุ และอายตนะห้า พึงกระทำตามที่ได้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 338

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๖] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่เกนจิวิญเญยย-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๒๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับทั้งสี่นัยพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

เกนจิวิญเญยยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 339

๑๔. อาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๙] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ, กามาสวะ อวิชชาสวะ

อาศัยทิฏฐาสวะ, กามาสวะ ทิฏฐาสวะ อาศัยอวิชชาสวะ, อวิชชาสวะ อาศัย

ภวาสวะ, อวิชิชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ.

พึงผูกจักรนัย แม้อย่างหนึ่ง ๆ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

อาสวธรรม.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 340

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวะ ๔ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 341

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๐] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี

๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 342

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๓๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรมเกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 343

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๓๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 344

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๓๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 345

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๓๖] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

อาสวมูลกนัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 346

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

อาศัยอาสวธรรม และหทยวัตถุ.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 347

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 348

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

การนับทั้งปวง พึงนับอย่างนี้.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 349

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๐] ๑. อาสวธรรม เจือกับอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ เจือกับกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๔๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 350

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 351

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๓] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ภวาสวะ เป็นปัจจัยแก่ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 352

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๔๔] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 353

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณาพิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 354

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทานแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทานนั้น

เพราะปรารภทานนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนที่สอง.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 355

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายนั้น อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาสวธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ อาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๔๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 356

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำอาสวธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

ในกาลก่อน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ กระทำนิพพานให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักเเน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 357

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 358

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำอาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ ฯลฯ อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ. พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๔๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 359

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 360

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ และ

พึงแสดง หทยวัตถุ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๔๗] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 361

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ศีล ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 362

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๔๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 363

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ เพราะปรารภจักษุนั้น

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และอาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 364

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๔๙] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๕๐] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๕๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 365

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๕๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 366

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๕๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๕๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 367

ในปฏิสนธิขณะ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๕๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 368

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 369

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๕๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 370

คือ กามาสวะะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ เเก่อวิชชาสวะ แก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 371

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 372

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ อาสวธรรม และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชา-

สวะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 373

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ, แก่อวิชชาสวะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาร และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และอาสวธรรมทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 374

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๕๗] ในเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 375

ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕๘] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อานาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 376

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 377

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๕๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๖๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 378

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๖๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 379

๑๕. สาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๒] ๑. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. สาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม.

๔. สาสวธรรม และอนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 380

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม และอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

สาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 381

๑๖. อาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๓] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 382

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑, มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๓,

มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. อาสวสัมปยุตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 383

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 384

คือ โมหะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๖๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 385

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยโทมนัส.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 386

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย. จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปัจจัยทั้งปวง พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๖๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 387

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

[๓๖๗] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 388

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยขันธ์อาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย

[๓๖๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 389

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๓๗๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 390

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ ฯลฯ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๗. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ มี ๒ วาระ (วาระที่ ๖-๗)

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 391

๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๓๗๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ วิปปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 392

๑๒. นวิปากปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 393

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ใน

มัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 394

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๗๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 395

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 396

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๗๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ

(วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 397

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 398

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ

เพราะอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 399

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๗๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 400

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทาอย่างนี้.

แม้ นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 401

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ฯลฯ.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๘๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๘๒] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 402

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๘๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้ สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 403

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่โมหะและจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 404

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 405

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๘๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 406

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

ในที่นี้ ความยินดีไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 407

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ

ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ โทมนัส วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 408

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 409

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๘๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 410

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว พิจารณา.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 411

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๘๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดขึ้นหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 412

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 413

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 414

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทังหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสาวววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 415

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๘๘] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทังหลาย

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 416

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ

ปัญญา สุขทางกาย เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย โมหะ เป็นปัจจัยแก่

ศรัทธา แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 417

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ

โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. อาสววิปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ศีล ฯลฯ โมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 418

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๘๙] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 419

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

โมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 420

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๙๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 421

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๙๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๙๒] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 422

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 423

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๓] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๙๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 424

อาหารทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

อาหารทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๙๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 425

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงให้พิสดาร.

๓. อาสสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 426

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 427

๒ . อัตถิปัจจัย

[๓๙๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

สหชาตปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 428

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

พึงให้พิสดาร.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา

ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 429

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาติ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 430

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ิ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 431

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๙๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 432

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 433

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัย แก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 434

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับจำนวนอนุโลม ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 435

๑๗. อาสวสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ที่เป็นสัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ ภวาสวะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 436

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่

ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

ธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 437

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยอย่างนี้.

๘. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สงัสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

อาสวทุกะ ฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 438

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย ฯลฯ ๓. อธิปติปัจจัย

ในปัญหาวาระ ในเหตุปัจจัย ก็ดี ในอารัมมณปัจจัยก็ดี ไม่พึง

กระทำโลกุตตระ ควรกระทำว่า " พระเสกขะทั้งหลาย " ย่อมพิจารณาโคตรภู

ย่อมพิจารณาโวทาน แม้ในอธิปติปัจจัย ผู้ที่รู้ปัจจัยทุกอย่างแล้ว พึงกระทำ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรม และสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 439

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน,

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 440

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 441

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงให้พิสดารอย่างนี้ทั้งหมด.

อนันตรปัจจัย แม้ในอาสวทุกะ ก็พึงให้พิสดาร เหมือนกับทุกะนี้.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ท่านแสดงไว้เหมือนกันอย่างนี้ ข้อที่ย่อไว้

ทั้งหมด พึงกระทำให้พิสดาร เหมือนกับอาสวทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

อาสวสาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 442

๑๘. อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ

๒. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 443

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อาสวสัมปยุตตกามาสวธรรมทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 444

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยทั้งหมด

๘. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 445

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทุกปัจจัยพึงกระทำอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๐๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย ไม่มี ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๔๐๗] ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย

นเหตุมูลกะ ไม่มี.

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 446

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

แม้การนับทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำให้บริบูรณ์

อย่างนี้ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 447

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๑๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 448

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

อธิปติปัจจัย มีการกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 449

อนันตรปัจจัย พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อน ๆ เหมือนกับ อารัมมณ-

ปัจจัยนั่นเทียว.

สมนันตรปัจจัย สหชาตปัจจัย อัญญมัญญปัจจัย นิสสยปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัยนั่นเทียว การจำแนก ไม่มี มี ๓ วาระ.

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัยทั้งหมด.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 450

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมเป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 451

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 452

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 453

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 454

๑๙. อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

สาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตอนาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ พิสดารฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มี

แตกต่างกัน ฯลฯ

อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ จบ

อาสวโคจฉกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 455

๒๐. สัญโญชนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๘] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

สีลพตปรามาสสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

มานสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อิสสาสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

มัจฉริยสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

ภวราคสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยมานสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยภวราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 456

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

๖. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 457

๗. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย

ในอารัมมณปัจจัย รูปไม่มี.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ เหตุปัจจัย วิจิกิจฉาสัญโญชน์ไม่มี.

เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 458

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ใน

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๒๐] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 459

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ฯลฯ

เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ

แม้นอารัมมณปัจจัยทั้งหมด ก็พึงยกขึ้น.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๒๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้ทั้งหมด.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 460

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๒๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัย

ทั้งปวง มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๔ วาระ.

สหชาตวาระ

อนุโลมนัย

๑. สัญโญชนธรรมเกิดร่วมกับสัญโญชนธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 461

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๔] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม.

๔. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 462

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัญโญชนธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

หทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชน-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย

และหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 463

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยกามราค-

สัญโญชน์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๒๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในที่ใด ๆ ได้ หทยวัตถุ ในที่นั้น

พึงกระทำให้มีหทยวัตถุ เช่นเดียวกัน. ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสองแม้นอกนี้ก็ดี นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 464

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๗] ๑. สัญโญชนธรรม เจือกับสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ เจือกับกามราคสัญโญชน์.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้ เฉพาะอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 465

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 466

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๒๙] ๑. สัญโญชนธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณากุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 467

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 468

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

สัญโญชนธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙) พึงกระทำว่า เพราะปรารภนั่นเทียว.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๓๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ มีการกระ-

ทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 469

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๕-๖)

อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ แม้แห่งวาระทั้ง ๓ ก็ควรกระทำ.

พึงจำแนกทั้ง ๓ วาระอีก.

๗. สัญญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๓๑] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 470

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แม้ทั้ง๒ วาระ (วาระที่ ๕-๖)

ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญญชนธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 471

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๓๒] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย แม้ทั้ง ๓ วาระ ก็เหมือนอย่างนี้.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ

เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 472

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 473

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

ปุเรชาตปัจจัย

[๔๓๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 474

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์-

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๓๔] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจจองปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 475

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๓๕] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๔๓๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 476

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๓๗] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 477

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๔๓๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 478

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม-

สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ เหมือนกับ อาสวทุกะ.

๗. สัญโญชนธรรมและธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 479

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

เหมือนกับอาสวทุกะ.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ พึงจำแนก เหมือนกับ

อาสวทุกะ.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

พึงจำแนก เหมือนกับอาสวทุกะ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 480

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๔๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจขออุปนิสสย-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 481

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต ปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 482

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๔๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ.... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๔๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 483

๒๑. สัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๔] ๑. สัญโญชนิยธรรม อาศัยสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

เหมือนกับโลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 484

๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรมอาศัย สัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 485

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 486

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๔๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 487

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๔๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 488

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๔๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน-

นัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๙] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 489

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 490

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๕๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 491

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๕๓] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ ตลอดถึงปฏิสนธิ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 492

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เเละสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 493

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๕๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ตลอดถึงปฏิสนธิ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 494

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคด้วยอุทธัจจะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 495

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๕๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๕๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๕๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 496

๓. สัญโญชนวิปปยุตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ และ

โมหะ ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา และหทยวัตถุ.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 497

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ. พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน-

ปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 498

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 499

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 500

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 501

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๖๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 502

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 503

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญ-

ชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 504

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๖๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ครั้นกระทำราคะเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 505

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วกระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 506

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำทานเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 507

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๖๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอานาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 508

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ ฯลฯ ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 509

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 510

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๖๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 511

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย

เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 512

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะ แล้วฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่

ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 513

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๔๖๙] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 514

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง

เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 515

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๗๐] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ที่เกิด

ภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 516

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๗๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี

วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๔๗๒] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 517

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๔๗๓] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 518

๑๕. อาหารปัจจัย

[๔๗๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

๑๖. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๗๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 519

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๗๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 520

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โมหะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ พึงให้พิสดาร.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 521

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 522

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม, โมหะและมหาภูตรูป

ทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 523

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 524

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 525

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๗๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 526

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 527

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๘๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๘๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 528

๒๓. สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญใญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 529

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงมหาภูตรูป.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 530

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราค-

สัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

เหมือนปฐมทุกะในสัญโญชนโคจฉกะ ทุกะแม้นี้พึงให้พิสดารอย่างนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน เว้นโลกุตตระ.

สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 531

๒๔. สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยกามราคสัญโญชน์.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 532

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 533

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๘๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 534

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๘๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๘๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 535

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัย นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 536

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 537

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๘๘] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชน-

ธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 538

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

(วาระที่ ๗-๙)

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๘๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 539

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๔-๖)

อารัมมณาธิปติก็ดี สหชาตาธิปติก็ดี พึงกระทำในวาระ แม้ทั้ง ๓

เหล่านี้.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๙๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

การจำแนกไม่มี เหมือนกับอารัมมณปัจจัย ไม่มีแตกต่างกัน.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 540

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำโดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๙๑] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 541

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๙๒] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๙๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 542

๙ วาระ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว พึงเปลี่ยนแปลง ในบททั้ง ๓

นั่นเทียว นานาขณิกะ ไม่มี.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนัยจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๙๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ. . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 543

๒๕. สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๗] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. ฯลฯ ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญ-

ชนิยธรรม ฯลฯ พึงกระทำ ๒ วาระ.

ทุกะนี้เหมือนกับโลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 544

๒๖. คันถทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๘] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถธรรม.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 545

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 546

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๙๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๐] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 547

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. อุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐๒] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 548

คือ ในอรูปภูมิ อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, ในอรูปภูมิ สีลัพพตปรามาส

ไม่มี.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 549

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๐๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 550

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๐๖] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม

คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 551

คือ ขันธ์ ๓ คันถธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และหทยวัตถุ.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 552

อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ

และหทยวัตถุ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๐๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 553

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๑๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ นโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๑๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ นั่นเอง.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำเป็น ๙ วาระ รูปไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 554

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๑๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 555

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 556

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๑๓] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณากุศลกรรม

นั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 557

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว กิเลสที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 558

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะ ย่อม

เกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น คันถ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๗-๙)

พึงกระทำคำว่า เพราะปรารภ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 559

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๑๔] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำว่าให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 560

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทังหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำซึ่งกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทานเป็นต้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 561

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๑๕] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

ไม่ใช่คันถธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 562

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๔-๕-๖)

๒ วาระ พึงกระทำอาวัชชนะ, วาระที่ ๑ ไม่มี.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๗-๘-๙)

วุฏฐานะแม้หนึ่ง พึงกระทำในวาระท่ามกลาง.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 563

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๑๖] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 564

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พึงกระทำ โดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 565

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๑๗] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 566

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 567

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๑๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 568

๑๔. วิปากปัจจัย

๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๑๙] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 569

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๒๐] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 570

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. คันถธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจ-

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมี่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 571

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, คันถธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

อภิชฌากายคันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 572

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรม แสะสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ทีเกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 573

๙. คันธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 574

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๒๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 575

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 576

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๒๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๒๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๒๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 577

๒๗. คันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๖] ๑. คันถนิยธรรม อาศัยคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถนิยธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงแจกฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

คันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 578

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม.

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 579

ขันธ์ ๓ ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 580

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๒๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 581

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 582

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 583

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๐] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดจนถึงอสัญญสัตว์

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ อรูปภูมิเมื่อจะแจกในนปุเรชาต-

ปัจจัยพึงกระทำก่อน, รูปภูมิย่อมได้ในที่ใด พึงกระทำภายหลัง, และปฏิฆ

ไม่มีในอรูปภูมิ. ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙

วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 584

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 585

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๓๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระเหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 586

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ อาศัยหทยวัตถุ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, หทยวัตถุ และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส. หทยวัตถุ และปฏิฆะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 587

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และหทยวัตถุ.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 588

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๓๕] ในเหตุปัจจัยมี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๙

วาระ ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๖] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 589

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ฯลฯ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 590

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โลภะ เจือกับขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 591

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 592

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๔๒] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๔๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๔๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 593

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๔๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 594

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 595

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์, ปฏิฆะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 596

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 597

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๔๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูลในแม้ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น, ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 598

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม, พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มไว้, ย่อมรู้กิเลสทั้งหลายที่สั่งสมไว้ใน

กาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 599

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เพราะปรารภขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เเละโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 600

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๔๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 601

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 602

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลกระทำกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อนให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลออกจากฌาน กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลาย ออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 603

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็น

คันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 604

เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัม-

ปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๔๙] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 605

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 606

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คัยถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 607

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และ

โลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๗)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 608

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อนๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 609

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๕๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 610

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ ความปรารถนา

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เสนาสนะ เป็น

ปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ

แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ มานะ ความ

ปรารถนา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 611

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มีอุปนิสสยะทั้ง ๓ นัย.

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ.

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ ความปรารถนา เสนาสนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 612

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม แก่โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๕๑] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 613

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 614

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๕๕๒] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

ที่เกิดภายหลัง และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 615

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๕๕๓] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๕๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัย

แก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 616

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 617

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๕๕๕] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๕๕๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๕๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 618

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรมเป็น

ปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 619

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๕๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ พึงจำแนก.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือน

กับปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 620

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 621

ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 622

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสที่เกิดพร้อมกัน และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 623

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง, เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬีการา-

หาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิติน-

ทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมที่เกิดพร้อม

กัน และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 624

ที่เป็น สหชาตะ รวมกัน ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๕๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี

๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 625

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๖๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 626

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 627

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๖๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๖๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 628

๒๙. คันถคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

คันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ คันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 629

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙ วาระ พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๖๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิยธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 630

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ทั้งหมด พึงให้พิสดาร.

ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 631

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 632

๓ วาระ แม้นอกนี้ (วาระที่ ๗-๘-๙) พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าว

มาแล้ว พึงกระทำ เพราะปรารภ.

ในทุกะนี้ โลกุตตระไม่มี เหมือนกับคันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน พึง

กาหนดคำว่า คันถนิยะ.

ในมัคคปัจจัย พึงกระทำ ๙ วาระ.

คันถคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 633

๓๐. คันถคันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัย

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 634

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 635

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๘. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรม เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 636

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๕๖๙] ๑. ธรรมที่ เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย ฯลฯ

ในที่นี้ นเหตุปัจจัย ไม่มี.

[๕๗๐] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมม-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับทั้งสองนัยแม้นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับปฏิจจ-

วาระอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 637

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 638

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 639

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 640

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๗๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่

ใช่คันถธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 641

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม คันถธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓ วาระ แม้นอกนี้ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ในอธิปติปัจจัยก็ดี ในอนันตรปัจจัยก็ดี ในอุปนิสสยปัจจัยก็ดี เหมือน

กับอารัมมณปัจจัย วิภังค์ไม่มี.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๗๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อรูปธรรมเท่านั้นเป็นปัจจัย. แต่ละอย่างพึงกระทำอย่างละ ๓ นัย

ในอารัมมณะ สหชาตะ อุปนิสสยะ พึงเปลี่ยนแปลงทั้ง ๙ วาระ แม้ในปัญหา

วาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด.

คันถคันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 642

๓๑. คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๔] ๑. ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตคันถนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มีแตก

ต่างกัน.

คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 643

๓๒. โอฆและโยคโคจฉกทุกะ

ปฏิจจวาระ

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๕] โอฆธรรม อาศัยโอฆธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย.

โยคธรรม อาศัยโยคธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

โคจฉกะทั้ง ๒ เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

โอฆและโยคโคจฉกทุกะ จบ

๑. โอฆโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่ ๓๒ ถึง ๓๗). โยคโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่

๓๘ ถึง ๔๓) ทุกะต่อไปคือนีวรณทุกะ จึงเป็นทุกะที่ ๔๔

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 644

๔๔. นีวรณทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

พยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ กุกกุจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 645

๓. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 646

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 647

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๗๘] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. นีวรณธรรมอาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 648

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๗๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 649

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๘๐] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

กามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

วาระที่เหลือทั้งหมด (คือวาระที่ ๓-๖) พึงให้พิสดาร.

อรูปภูมิ พึงกระทำก่อน ส่วนรูปภูมิ พึงกระทำภายหลัง ตามที่จะ

พึงกระทำได้.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 650

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรน อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และ

นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชา-

นิวรณ์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 651

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจานียานุโลม

[๕๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 652

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๘๔] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูป.

๑. ๒. มีใน ม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 653

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรมและธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ถีนมิทธนีวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 654

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๘๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 655

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณอาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปุยุตตขันธ์ที่หลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และหทยวัตถุ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 656

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจยวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 657

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๐] ๑. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ เจือกับกาม-

ฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

นิวรณ์ทั้งปวง พึงให้พิสดาร.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๙๒] ๒. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 658

คือ อวิชชานิวรณ์ เจือกับวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์เจือกับ

อุทธัจจนิวรณ์.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระในสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 659

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่

ใช่นีวรรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 660

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๙๕] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น

เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 661

ออกจากฌานแล้วพิจารณา ฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณา เห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 662

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาณ ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุ เป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน. ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๕- ๖- ๗) พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๙๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 663

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำ นีวรณธรรมทั้งหลาย ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น. มี ๓ วาระ เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ มรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 664

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 665

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ จักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือเป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-

๘-๙) เป็นอารัมมณาธิปติเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๙๗] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 666

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

นีวรณธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจฃองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 667

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. นีวณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 668

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๙๘] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณวรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ฯลฯ ยังฌานให้เกิดขึ้น ยังวิปัสสนา ฯลฯ ยังมรรค ฯลฯ ยังอภิญญา ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 669

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ทิฏฐิ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผล-

สมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 670

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ นีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๙๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 671

ปุเรชาตปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

พึงจำแนก กุศล และอกุศล.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๐๐] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 672

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๐๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๐๓] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

วาระ ๔ ที่เหลือ พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 673

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๐๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์

แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ในนีวรณมูล ก็มี ๓ วาระ อย่างนี้ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่างคือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 674

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธ-

นิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่

อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 675

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

นีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีกา-

ราหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 676

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจนิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจ-

นิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 677

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยนัยปัจจนียะ

[๖๐๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริย์ปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 678

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๐๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 679

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๐๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุป-

นิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ... ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนวิคตปัจจัยมี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๐๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัญหาวาระ จบ

นีวรณทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 680

๔๕. นีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณยธรรม เกิดขึ้น ฯลฯ

โลกิยทุกะฉันใด นีวรณิยทุกะ ก็พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

พึงประกอบนิวรณ์ด้วยนิวรณ์ ๘ ครั้ง คือ กามฉันทะ ๒ ครั้ง ปฏิฆะ ๔ ครั้ง

อุทธัจจะและวิจิกิจฉาสองอย่างนี้ อย่างละหนึ่งครั้ง. มาติกาแห่งนีวรณทุกะ

ได้ทำไว้แล้วในวาระนี้.

นีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 681

๔๖. นีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม.

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 682

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี

๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 683

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาติปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัยมี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโน-

วิคตปัจจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี

๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัยมี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

๑. ม. นอนันตระ ถึง นอุปนิสสยะ แต่ละปัจจัยมี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 684

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ...ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 685

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 686

๕. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. นีวรณวิปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นีวรณสัมปปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 687

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๙] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปตุตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 688

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี๓ วาระ.

การนับสองนัย นอกนี้ก็ดี, นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำอย่างกล่าว

มาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 689

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

[๖๒๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ เจือกับนีวรณวิปปยุตตธรรม ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 690

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๒ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

การนับ ๒ นัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 691

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 692

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๒๖] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทิฏฐิ เพราะปรารภทิฏฐินั้น

ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภวิจิกิจฉา วิจิกิจฉา ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภอุทธัจจะ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา

ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโทมนัส โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ

อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 693

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ พิจารณาผล

ฯลฯ นิพพาน

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 694

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เพาระปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๒๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ฯลฯ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 695

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ฯลฯ ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 696

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๒๘] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 697

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ในที่นี้ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ไม่มี.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 698

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๒๙] ๑. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ยังฌาน วิปัสสนา มรรค อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 699

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ ยังมรรค

ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 700

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ เสนา

สนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๓๐] ๑. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 701

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๓๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๓๒] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 702

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 703

๑๔. วิปากปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๓๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๓๔] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 704

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๓๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 705

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิงยิ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็น ปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 706

๗. นีวรณสัมปยุตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๓๖] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 707

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๓๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 708

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นีวรวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ

รวมกับ ปุเรชาตะ.

๗. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๓๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัม-

ปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี๔

วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 709

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๓๙] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ สาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

นีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 710

๔๗. นีวรณนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

การนับทั้งหมดพึงกระทำอย่างนี้ เหมือนกับ นีวรณทุกะ ไม่มี

แตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 711

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

นีวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 712

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๔๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม

แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 713

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู โวทาน ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อม

เพลิดเพลินยิ่ง ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ พึงกระทำตลอดถึงอาวัชชนะ.

๕. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 714

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙) แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างนี้.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

แม้ปุเรชาตปัจจัย ก็เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

ส่วนในนิสสยปัจจัย ไม่พึงกระทำ โลกุตตระ.

ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

นีวรณทุกะ ฉันใด พึงพิจารณา แล้วกระทำฉันนั้น.

นีวรณนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 715

๔๘. นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย พึงทำนิวรณ์ทั้งหมด.

๒. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 716

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และนีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 717

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 718

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอุโลม

[๖๔๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๔๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 719

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๔๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ... ฯลฯ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 720

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระ

ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ ปฏิจจวาระ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 721

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๕๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และนีวรณทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 722

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๕๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 723

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมเป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม-

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๕๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ พึงกระทำว่า

กระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นนั้นเทียว.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 724

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุคคธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้หนักแน่น นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 725

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๖๕๓] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย อา-

วัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อนๆ ในที่ทั้งปวง.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย วิบากไม่มี.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๖๕๔] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 726

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. อาหารปัจจัย

[๖๕๕] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๓. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 727

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๕๗] ธรรมที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในบททั้ง ๓ พึงเปลี่ยนแปลงให้เป็น ๙ วาระอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 728

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 729

๔๙. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๑] ๑. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณิยธรรมเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตนีวรณิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 730

๕๐. ปรามาสทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์. มหาภูตรูป ฯลฯ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 731

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๖๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 732

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๖๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 733

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๖๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 734

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายและจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 735

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม และหทย-

วัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๗๐] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 736

ปัจจนียนัย

[๖๗๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ ในน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมป-

ยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี

๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 737

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๗๓] เพราะปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 738

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เจือกับปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปรามาสธรรม.

วาระ ๕ พึงกระทำอย่างนี้ เฉพาะในอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระ ก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 739

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ทั้งหลาย, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๗๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 740

คือ เพราะปรารภปรามาสธรรม ปรามาสธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภปรามาสธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วพิจารณา

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 741

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนา-

คตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ.

บุคคลพิจารณา จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 742

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรา-

มาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๗๘] ๑. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

คือ เพราะกระทำปรามาสธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์ อย่างหนัก

แน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ พึงกระทำ อารัมมณาธิปติ อย่างเดียว

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 743

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ นิพพานให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก้มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์หนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 744

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถธรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 745

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ปรามาสธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๗๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ที่เกิดหลังๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 746

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมที่เกิดหลัง ๆ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ปรามาสธรรม เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 747

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสสยปัจจัย

๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๘๐] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 748

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติ

ให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 749

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

เป็นอุปนิสสยะ ทั้ง ๓

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 750

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๘๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช้ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขาตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรา-

มาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 751

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๘๒] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำปัจฉาชาตะ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 752

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๘๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๖๘๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 753

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. ฌานปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๖๘๕] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย

คือ องค์มรรคที่เป็นปรามาสธรรม ฯลฯ

มี ๕ วาระ พึงกระทำอย่างนี้.

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๘๖] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 754

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๘๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 755

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 756

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปราสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ปรามาสธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 757

ปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปรามาสธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 758

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๘๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 759

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 760

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ.

ปรามาสทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 761

๕๑. ปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๓] ๑. ปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๒. ฯลฯ อาศัย ปรามัฏฐธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำปรามัฏฐทุกะฉันนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 762

๕๒. ปรามาสสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 763

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 764

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๙๖] ๑. ปรามาสวิปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๙๗] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 765

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 766

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 767

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป, ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ, จิตต-

สมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 768

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๘. ปรามาสวิปปยุตตธรรม และปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 769

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๐๓] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 770

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญาปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในฌาน

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ในน

อธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 771

สังสัฏฐวาระ

อนุโลม

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เจือกับปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๘] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัยมี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

การนับทั้งสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 772

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๑๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

วิปปยุตตธรรม, ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 773

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสสัมป-

ยุตตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาล

ก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภ

ขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริย-

ญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 774

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลธรรมนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน

ยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 775

อากาสสานัญจาตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ,

แก่เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๑๒] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 776

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 777

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติ-

ปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่

เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 778

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรา-

มาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลาลยที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 779

๔. อนันตรปัจจัย

[๗๑๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 780

๕. สมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๗๑๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๗๑๕] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ โมหะ ฯลฯ ความปรารถนา

เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่โมหะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 781

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรมแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยโมหะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ให้ทาน ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โมหะ ความปรารถนา เป็นปัจจัย

แก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ฯลฯ ความปรารถนา

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกาย ฯลฯ เสนาะสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 782

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เพราะอาศัยศรัทธา ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะ ความปรารถนา ศรัทธา ฯลฯ

เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่ความปราถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๗๑๖] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 783

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๗๑๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 784

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๗๑๘] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๗๑๙] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 785

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 786

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๗๒๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๗๒๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 787

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 788

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 789

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๗๒๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 790

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 791

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๒๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในปัจจัย-

ทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๒๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 792

มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๒๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

ปรามาสสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 793

๕๓. ปรามาสปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๗] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย.

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายทั้งเป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 794

๔. ธรรมที่เป็นปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐาน แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม และธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ฯลฯ

วาระทั้งหมดพึงกระทำเหมือนกับปรามาสทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 795

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๘] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม อำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 796

[๗๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำว่าปรารภ เหมือนกับปรามาสทุกะ.

๔. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้ว

พิจารณากุศลธรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรม

นั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, กิเลสที่สะสม

แล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ พึงกระทำทั้งหมด.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 797

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระแม้นอกนี้ พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

ทุกะนี้ เหมือนกับปรามาสทุกะ โลกุตตระไม่ได้ในที่ใด ก็ไม่พึง

กระทำในที่นั้น.

ปรามาสปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 798

๕๔. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๓๐] ๑. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ จบ

อนุโลมทุกปัฏฐาน จบ



พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 1

พระอภิธรรมปิฎก

เล่มที่ ๗

ปัฏฐาน ภาคที่ ๔

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อนุโลมทุกปัฏฐาน

๑. เหตุโคจฉกะ

๑. เหตุทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ, อโลภะ อโมหะ อาศัยอโทสะ,

อโลภะ อโทสะ อาศัยอโมหะ โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ,

โมหะ อาศัยโทสะ, โทสะ อาศัยโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุ ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

๑. บาลีเล่ม ๔๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 2

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 3

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒, เหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ อาศัยโทสะ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และหทยวัตถุ ฯลฯ.

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุและเหตุธรรม.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และ

นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 4

คือ ขันธ์ ๓, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒, อโทสะ, อโมหะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ และอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

และโสภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ และอโลภะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณ-

ปัจจัย

ทิ้งรูปภูมิเสีย พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในอรูปภูมิเท่านั้น.

๓. อธิปติปัจจัย

เพราะอุปติปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี พึงกระทำให้บริบูรณ์.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

นี้เป็นข้อที่ต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 5

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖.สหชาตปัจจัย

เพราะอนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย เพราะสหชาต-

ปัจจัย

มีมหาภูตรูปทั้งหมดตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๑๓. วิปากปัจจัย

เพราะอัญญมัญญปัจจัย เพราะนิสสยปัจจัย เพราะอุปนิสสย-

ปัจจัย เพราะปุเรชาตปัจจัย เพราะอาเสวนปัจจัย ปฏิสนธิไม่มี แม้ในภูมิ

ทั้งสอง.

เพราะกัมมปัจจัย เพราะวิปากปัจจัย เกิดขึ้น. เพราะอวิคตปัจจัย

ปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ปัจจัย

ทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 6

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นนเหตุธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

๒. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ-

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา .ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูปทั้งหมด. ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 7

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

เพราะนอธิปปัจจัย พึงกระทำให้บริบูรณ์.

เพราะนอนันตรปัจจัย เพราะนสมนันตรปัจจัย เพราะนอัญญ-

มัญญปัจจัย เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘.นปุเรชาตปัจจัย

[๖] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ, โลภะ อาศัยโมหะ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 8

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม, จิตตสมุฏ-

ฐานรูป อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ, อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์

๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

๕. เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 9

คือ ในอรูปภูมิ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ.

ธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสมัปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในอรูปภูมิ โมหะ อาศัยโลภะ และสมัปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรมและเหตุ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 10

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรม

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยเหตุธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓, อโทสะและ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

นเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒. ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐.นอาเสวนปัจจัย

[๗] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนปัจฉา-

ชาตปัจจัย ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย (มี ๙ วาระ).

๑๑.นกัมมปัจจัย

[๘] ๑. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 11

๒. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

กัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป.. . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

๓. นเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น

เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๙] ๑. เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. นอาหารปัจจัย

[๑๐] ๑. นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อาหารปัจจัย

คือ พาหิรรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๔. นอินทริยปัจจัย

[๑๑] ๑. ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 12

คือ พาหิรรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๑๕. นฌานปัจจัย

[๑๒] ๑. ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ

อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๖.นมัคคปัจจัย

[๑๓] ๑. ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในอเหตุปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พาหิรรูป . . . อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

๑๗.นสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ ๒๐.โนวิคตปัจจัย

เพราะนสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัยเหมือน

นปุเรชาตปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ในอรูปภูมิเท่านั้น ฯลฯ เพราะ-

โนนัตถิปัจจัย ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 13

การนับจำนวนวาระปัจจนียะ

[๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 14

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจานียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี มี ๕ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

หัวข้อปัจจัย เมื่อมหาภูตรูปทั้งหลายจบแล้ว พึงกระทำว่า "อาศัย

หทยวัตถุ" อายตนะ ๕ ย่อมได้ในอนุโลมก็ดี ในปัจจนียะก็ดี ฉันใด พึง

กระทำฉันนั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงทำให้บริบูรณ์ รูปภูมิไม่

มี มีแต่อรูปภูมิเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 15

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุ-

ปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย โทสะ เป็น

ปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ แลจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิณะ ฯลฯ

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 16

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ, สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุธรรม.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมและนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น เพราะ

ปรารภเหตุธรรม.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 17

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณาซึ่ง

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณา ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นเหตุธรรม,

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตชอบบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนกิริยา,

อากิญจัญญายตนกิริยา เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนกิริยา.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๑. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๑, ๒. หมายความว่า บาลีตอนที่ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 18

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

พึงยกเอาเฉพาะข้อความในบาลี ตอนที่ ๑ ว่า "บุคคลให้ทาน" เท่า

นั้นมาใส่ในที่นี้ แต่อาวัชชนะ และข้อความที่ว่า "รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่

จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ นี้ก็ไม่มี.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงยกเอาข้อความทั้งอยู่ในบาลีนั้นมาใส่ที่นี้ ให้เหมือนกับข้อความ

ในบาลีตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นเพราะปรารภเหตุธรรมและสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 19

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น เพราะปรารภเหตุ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๙. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น

เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมให้หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 20

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้อารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาปัจจัย และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะการกระทำเหตุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้ง

หลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยสัมปยุตตขันธ์, เหตุธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า "บุคคล

ให้ทานแล้ว " ใส่ให้พิสดาร จนถึงคำว่า "ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม".

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 21

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ พึงยกเอาข้อความตามบาลีข้างต้นมาใส่จนถึง

หทัยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล-

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา เพราะกระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม และเหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 22

พึงยกเอาข้อความตามบาลีที่ว่า " บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่

เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน จนถึงหทยวัตถุ และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

ธรรม " มาใส่.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาอธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 23

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ เนวสัญญาณาสัญญายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 24

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

นเหตุมูลกนัย เป็นอย่างเดียวกันทั้ง ๓ วาระ.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เป็นหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๑] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

สมนันตรปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 25

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย ทั้ง ๒ ปัจจัยนี้

เหมือนปัจจยวาระ.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับนิสสยปัจจัย

ในปัจจัยวาระ.

๙.อุปนิสสยปัจจัย

[๒๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 26

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตต

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 27

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา

แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ เหมือนกับอุปนิสสยปัจจัย ตอนที่ ๒.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 28

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๓] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 29

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 30

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ ทิพยจักษุ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 31

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย เหมือนกับอนันตรปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๖] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 32

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

เหตุธรรมทั้งหลาย แก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย.

คือ อโลภะ ที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย.

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ในการจำแนกวิปากปัจจัย เหมือนในปฏิจจ-

วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 33

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘] ๑. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุ

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุธรรมเป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย แก่เหตุธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 34

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๙] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

ในเหตุมูลกนัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย.

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

อินทริยปัจจัย พึงให้พิสดารอย่างนี้ และมี ๙ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๐] นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

[๓๑] เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 35

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

ใน ๒ ปัจจัยนี้ มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๒] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย, เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 36

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ, หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 37

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 38

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๓] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่อโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 39

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ แก่อโมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

โลภะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และกฏัตตารูปทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 40

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 41

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ หทยวัตถุเป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมและนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่เหตุธรรมทั้งหลาย

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 42

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

อโลภะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย แก่อโทสะ แก่อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

โลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. เหตุธรรมและนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 43

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ เป็นนเหตุธรรม และเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมและหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย และมหาภูตรูปทั้งหลายที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ-

ธรรมและนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่

อโทสะ, แก่อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 44

พึงผูกจักรนัย.

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, แก่โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ, แก่

อโมหะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

โลภะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

สุทธมูลกนัย

[๓๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 45

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ผู้มีปัญญาพึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕] ๑. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 46

๓. เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม และนเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจขงปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 47

๘. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. เหตุธรรม และนเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรม

และนเหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 48

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ . . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 49

อรรถกถาทุกปัฏฐาน

เหตุทุกะ เป็นต้น

แม้ในทุกปัฏฐาน ผู้ศึกษา พึงทราบปัญหาวิสัชนาและการนับในทุกะ

ทั้งหมด ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในบาลีนั่นเอง. อีกอย่างหนึ่ง ในทุกปัฏฐานนี้

การวิสัชนา สเหตุกทุกะ และเหตุสัมปยุตตทุกะ เหมือนกับการวิสัชนา

เหตุทุกะ. เหตุและสเหตุกเหตุ แห่งเหตุสัมปยุตตทุกะ และสัปปัจจยทุกะ

สังขตทุกะ ก็เหมือนกัน ฯ คำนี้ว่า อิม ทุก ยถา สปฺปจฺจยทุก เอว กาตพฺพ

พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เพราะแม้สังขตธรรมย่อมประกอบร่วมกับอสังขตธรรม

ไม่ได้. เหมือนสัปปจจยธรรมประกอบกับอัปปัจจยธรรมไม่ได้ฉะนั้น

สารัมมณทุกะ จิตตสัมปยุตตทุกะ และสังสัฏฐทุกะ มีวิสัชนาเหมือนกับ

อาสวโคจฉกะ โอฆโคจฉกะ และโยคโคจฉกะ ซึ่งเหมือนกัน เพราะว่าธรรม

๓ เหล่านี้ มีวิสัชนาเหมือนกัน.

อรรถกถาเหตุทุกะเป็นต้น จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 50

๒. สเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 51

๔. อเหตุกธรรม อาศัยเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 52

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 53

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 54

๖. สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๑] ๑. สเหตุกธรรมอาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 55

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๕. สมนันตรปัจจัย

[๔๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๔๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม. ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 56

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๓ อาศัย มหาภูตรูป ๑ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 57

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

ปัจจัยเหล่านี้ พึงกระทำเป็น ๕ วาระ เหมือนกับเหตุปัจจัย ไม่มีแตก

ต่างกัน.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๔๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 58

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย

ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ฯลฯ.

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 59

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๔๕] สเหตุธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะกัมมปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะมัคคปัจจัย

ฌานปัจจัยก็ดี มัคคปัจจัยก็ดี เหมือนกับสหชาตปัจจัย พาหิรรูป มหา-

ภูตรูป ไม่มี.

ฯลฯ เพราะสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 60

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๗] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 61

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำทั้งหมด ตลอดถึงอสัญญสัตว์ทั้งหลาย.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๔๘] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะน-

อารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ มหาภูตรูป

๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 62

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

[๔๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอธิปติปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในอนุโลม.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 63

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ นอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย

ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐาน อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ พึงให้พิสดาร ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 64

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๘. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 65

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ๑๐. นอาเสวนปัจจัย

[๕๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๕๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม.

พาหิรรูป...อาหารสมุฏฐานรูป...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 66

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๔. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๑๒. นวิปากปัจจัย

[๕๓] ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย ปฏิสนธิ ไม่มี.

๑๓. นอาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. นสัมปยุตตปัจจัย

[๕๔] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

๑๘. นวิปปยุตตปัจจัย

[๕๕] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 67

คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 68

๑๙. โนนัตถิปัจจัย ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะในนัตถิปัจจัย.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ. . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 69

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๒ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 70

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย. สเหตุกมูลกนัยเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม ฯลฯ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระนั่นเอง

๓. สเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ, สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 71

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 72

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๐] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 73

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทัยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 74

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และ อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ โมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัย ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๑] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

ในอธิปติปัจจัย พึงกระทำ เป็น ๙ วาระ เฉพาะในปวัตติกาลเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๖๒] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย

[๖๓] ๑. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 75

มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑ - ๓)

๔. อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัย จักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ.

๕. สเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

สหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัย หทยวัตถุ. สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. สเหตุกธรรม และ อเหตุกธรรม อาศัย อเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย โมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 76

๗. สเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม แสะอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และ โมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อเหตุกธรรม อาศัย สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย ขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม

และอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 77

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทัย-

วัตถุ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๖๔] ๑. สเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 78

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖] ๑. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม อาศัยอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อเหตุกธรรม อาศัยสเหตุกธรรมและอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 79

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ. ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนสัมปบุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 80

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙] ๑. เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 81

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือ

กับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 82

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. สเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 83

๖. สเหตุกธรรมเจือกับสเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ เจือกับขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๒] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ

[๗๓] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย ฯลฯ

๓. วิปากปัจจัย

[๗๔] ๑. สเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 84

คือ ฯลฯ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

วิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิปาก ฯลฯ

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอาหารปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอินทริยปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 85

ในนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๖ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๖] ๑. อเหตุกธรรม เจือกับสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อเหตุกธรรม เจือกับอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

เจือกับขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 86

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 87

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ. . . ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 88

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๘๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 89

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อานาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๘๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคย

เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 90

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม โดยความ

เป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น, เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 91

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯสฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็น

อเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 92

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอเหตุกธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็น

สเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และ โมหะ ขันธ์ทั้ง

หลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโสตะ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม

และ โมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและ

โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 93

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่-

สเหตุธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๘๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 94

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ออกจากผล ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 95

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็น

ต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๘๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน.

โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 96

ผล เป็นปัจจัยแก่ผล.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิต ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิต ที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 97

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อนๆ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

จุติจิตที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 98

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 99

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

เหมือนอนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๘๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย เหมือน

ในปฏิจจวาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย เหมือนกับ

นิสสยปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

ฆฏนาในที่นี้ ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 100

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๘๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 101

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัย

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

โมหะ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยะ

ปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 102

สุขทางกาย ฯลฯ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 103

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๘๖] ๑. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 104

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น , เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 105

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๘๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 106

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่

เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๘๘] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี ภวังค์ก็ดี ไม่มี ในอาเสวนปัจจัย พึงเว้นทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๘๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 107

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็นนานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหาชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 108

คือ เจตนาที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๙๐] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 109

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๙๑] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลาย ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๙๒] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 110

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

๑๗. ฌานปัจจัย

[๙๓] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของฌานปัจจัย

คือ องค์ฌานทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๙๔] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 111

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๙๕] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของสัมปยุตตปัจจัย เหมือนกับสัมปยุตตปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๙๖] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 112

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตา

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 113

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดภาย

หลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๙๗] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 114

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย-

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย, ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 115

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ พึงกระทำตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็น จักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 116

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอเหตุกธรรม และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่

เป็นวิบาก ซึ่งเป็นสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 117

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน

และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 118

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ

รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

พร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 119

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

ภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดพร้อม

กัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 120

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔

วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๙๙] ๑. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 121

๒. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. สเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๖. อเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สเหตุกธรรม และ

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 122

๗. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

อเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 123

มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 124

๓. เหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๓] ๑. เหตุสัมปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. เหตุวิปปยุตตธรรม อาศัยเหตุสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเหตุสัมปยุตตธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร ด้วยเหตุนี้ เหมือนกับสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 125

๔. เหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรม ที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัย โลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ อโมหะ อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยเหตุธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรม และสเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 126

คือ อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย อโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะ.

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ขันธ์

๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุ-

ธรรม. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 127

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุก-

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม และ

เหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

เหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอโทสะ อโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสเหตุกธรรม

แต่ไม่ใช่เหตุธรรม และอโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 128

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๑๐๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอธิปติ

ปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ.

พึงผูกจักรนัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงกระทำเป็น ๙ วาระ ให้บริบูรณ์.

๒. นปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ ๔. นอาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 129

๕. นกัมมปัจจัย

[๑๐๗] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรมเกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือสัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมม-

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่

เหตุธรรม.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม อาศัย

ธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๖. นวิปากปัจจัย ๗. นวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๘ วาระ ใน

นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 130

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียนัย

[๑๐๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๑๐] เพราะนอธิปติปัจจัย ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในน-

อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม จบ

สหชาตวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 131

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสเหตุกธรรมและเหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ อโลภะ เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงให้พิสดาร.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 132

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๑๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุหกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่

ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 133

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณากิเลสที่ละแล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิด

ขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ

ปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปค-

ญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 134

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนต้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม, ธรรม

ที่เป็นสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 135

คือ เพราะปรารภเหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เหตุธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัม-

ปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 136

เพราะกระทำเหคุธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรม และสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ-

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 137

บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้ในกาลก่อน ฯลฯ ออก

จากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

ขันธ์เหล่านั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 138

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนข้อความตามบาลีตอนต้นนั่นเอง.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 139

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำเหตุธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย ๕. สมนันตรปัจจัย

[๑๑๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 140

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 141

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

สเหตุกนเหตุมูลกนัย แม้ทั้ง ๓ ก็เป็นเช่นเดียวกัน.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมเละสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 142

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

สมนันตรปัจจัย เหมือน อนันตรปัจจัย.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๑๑๕] ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 143

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

ทั้ง ๓ ปัจจัย เหมือนกับเหตุปัจจัย ในปฏิจจวาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๑๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่

ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

เหตุธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุธรรมทั้งหลายและสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูลทั้งหลาย แห่งหัวข้อปัจจัยทั้งหลาย แม้ทั้ง ๒ เหล่านี้.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 144

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนา แล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในสเหตุมูลกนัย พึงให้พิสดารโดยเหตุนี้ ที่เหลือนอกนั้น มี ๒ วาระ.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 145

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล.

เหตุธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ธรรมทั้งหลาย และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๑๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อาเสวนปัจจัย (เหมือนอนันตรปัจจัย)

๑๑. กัมมปัจจัย

[๑๑๘] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 146

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยและธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

เหตุทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่เหตุ

ทั้งหลายที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 147

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์

ทั้งหลาย และเหตุธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. วิปากปัจจัย

[๑๑๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปากปัจจัย

คือ อโลภะที่เป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ ด้วยอำนาจ

ของ วิปากปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ ฯลฯ

พึงให้พิสดาร เหมือนกับเหตุปัจจัย พึงกำหนดว่า วิบากทั้ง ๙ วาระ.

๑๓. อาหารปัจจัย

[๑๒๐] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 148

๔. อินทริยปัจจัย

[๑๒๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พึงกำหนดว่า อินทรีย์. พึงกระทำ ๙ วาระให้บริบูรณ์.

๑๕. ฌานปัจจัย

[๑๒๒] ๑. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๖. มัคคปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

[๑๒๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

มัคคปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 149

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหาร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี

๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนีย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๒๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 150

๓. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสเหตุธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นต้น

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรม แต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 151

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และ

ธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่เหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งเหตุธรรมและสเหตุกธรรม และธรรมที่เป็นสเหตุกธรรมแต่ไม่ใช่

เหตุธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 152

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๒๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนีย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๒๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 153

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

เหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 154

๕. เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งเหตุและเหตุสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ

พึงผูกจักรนัย

โมหะ อาศัยโลภะ

พึงผูกจักรนัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พึงให้พิสดารเหมือนกับ เหตุสเหตุกทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 155

๖. นเหตุสเหตุกทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๑๓๐] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 156

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย.

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 157

๙. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๓๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 158

๔. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ พึงจำแนกอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 159

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๓๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ โมหะไม่มี.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๑๓๔] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 160

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๓๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๓๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 161

มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๓๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้ในสหชาตวาระ ก็พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 162

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๓๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตา

รูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุอเหตุกธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม อาศัย

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยนเหตุสเหตุกธรรม และ

นเหตุอเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 163

ปัจจัยสงเคราะห์ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙) ปวัตติ และปฏิสนธิ

พึงกระทำให้บริบูรณ์ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 164

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๔๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุสเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๔๒] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๒ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๔๓] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เจือกับ นเหตุอเหตุกธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 165

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๔๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอา-

เสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒

วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับ แม้ ๒ นัย ที่ยังเหลือ ก็พึงนับอย่างนี้.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 166

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. อารัมมณปัจจัย

[๑๔๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พิจารณาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่

เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต

ที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

อากิญจัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 167

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อกุศลและอกุศลดับไป

แล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ

อเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศล

และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 168

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น, เมื่อ

กุศลและอกุศลับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ขันธ์ทั้งหลาย

เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 169

๒. อธิปติปัจจัย

[๑๔๖]๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน สมาทานศีลแล้ว กระทำกุศลกรรมนั้น ให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 170

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้เเก่

อธิปติธรรมที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 171

๓. อนันตรปัจจัย

[๑๔๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู ฯลฯ

เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ.

ภวังค์ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นนเหตุอเหตุก-

ธรรม.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 172

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ปัญจวิญญาณ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ จุติจิตที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปปัตติจิตที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. สมนันตรปัจจัย

[๑๔๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย.

๕. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี พึงกระทำเป็น ๗ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 173

๖. อัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

พึงกระทำเป็น ๖ วาระ.

๗. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พึงกระทำปวัตติ และ ปฏิสนธิ ทั้ง ๗ วาระ ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์

ไม่มี.

๘. อุปนิสสยปัจจัย

[๑๔๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลาย

สงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 174

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

ศีล ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์

ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

ที่ ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่ สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่

สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 175

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ปุเรชาตปัจจัย

[๑๕๐] ๑. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 176

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่

เป็นวิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจปุเรชาตปัจจัย.

๑๐. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๑๕๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 177

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๑. อาเสวนปัจจัย

[๑๕๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน, โคตรภู

เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวน-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 178

๑๒. กัมมปัจจัย

[๑๕๓] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุอเหตุกธรรมที่เป็นวิบากและกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 179

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

นเหตุสเหตุกธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมม-

ปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ เจตนาที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. วิปากปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓).

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 180

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๔. อาหารปัจจัย

[๑๕๕] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๑๕. อินทริยปัจจัย

[๑๕๖] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 181

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๑๖. ฌานปัจจัย

[๑๕๗] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย พึงกระทำทั้ง ๔ วาระ.

๑๗. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. สัมปยุตตปัจจัย

[๑๕๘] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 182

๑๙. วิปปยุตตปัจจัย

[๑๕๙] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรมด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 183

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาระ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๑๖๑] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 184

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 185

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุอเหตุกธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุก-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุ-

สเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่เป็น

วิบาก ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ย่อมเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 186

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬี-

การาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 187

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนเหตุสเหตุกธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๑] ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย

มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๗

วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๖๒] ๑. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 188

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นเหตุสเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

และนเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. นเหตุอเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 189

๖. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุสเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นเหตุสเหตุกธรรม และนเหตุอเหตุกธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นเหตุอเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗

วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

โนอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิตตปัจจัย มี

๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๖๔] เพราะอารัมมณปัจจัย ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 190

๔ วาระ ฯลฯ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ใน-

โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๖๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

นเหตุสเหตุกทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 191

๗. สัปปัจจยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๖๖] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็น

อุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

[๑๖๗] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 192

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๖๙] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 193

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๗๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๗๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 194

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๓] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัปปัจจย-

ธรรม ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๔] ๑. สัปปัจจยธรรม อาศัยสัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 195

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๗๕] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๗๖] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล, กิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 196

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปัจจยธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัปปัจจยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๗๗] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 197

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรม

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมที่ทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน

แล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น แล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปัจจยธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายกระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้ว

พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 198

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

[๑๗๘] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, อุปนิสสย-

มูล มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

ปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ เท่านั้น.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๗๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 199

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๑๘๐] ๑. สัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปัจจยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปัจจยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 200

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

โนนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สัปปัจจยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 201

๘. สังขตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๔] ๑. สังขตธรรม อาศัยสังขตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสังขตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ทุกะนี้ พึงกระทำเหมือนสัปปัจจยทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สังขตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 202

๙. สนิทัสสนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๕] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ฯลฯ ที่เป็นอนิทสัสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทสัสนธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 203

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๑๘๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทยวัตถุ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๑๘๗] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 204

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัย

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทสัสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ พึงกระทำทุกปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ื้นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 205

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๘๙] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป ...อาหารสมุฏฐานรูป ...อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 206

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. สนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป ... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัย

อนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิ-

ทัสสนธรรมอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุตุกะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ฯลฯ

พาหิรรูป . . .อาหารสมุฏฐานรูป . . . อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 207

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พึงกระทำอย่างนี้ทุกปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๑] ๑. เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 208

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑วาระ ในอนันตร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ โนนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 209

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๑๙๓] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้.

[๑๙๔] ๒. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยหทยวัตถุ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 210

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๑๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๑๙๖] ๑. อนิทัสสนธรรม อาศัยอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

พึงกระทำ ๒ วาระ แม้นอกนี้ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๑๙๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 211

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๑๙๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๑๙๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

แม้นิสสยวาระ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 212

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๑] อนิทัสสนธรรม เจือกับอนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

ทั้งหมดนี้ พึงแจกกับด้วยจำนวนปัจจัยรวมกัน อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 213

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๐๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 214

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๐๓] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ฯลฯ รูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญญาณ และอาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 215

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

จักษุ ฯลฯ กายะ เสียง หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตังส-

ญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๐๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 216

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำรูปที่เป็นสนิทัสสน-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำรูปนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจาก

ฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 217

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจอธิปติปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลายที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรมด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๐๕] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, เนว-

สัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 218

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๐๖] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๐๗] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลปรารถนาซึ่งความถึงพร้อมแห่งวรรณะ ย่อมให้ทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม.

ความถึงพร้อมแห่งวรรณะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 219

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๐๘] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

คือ พิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 220

บุคคลฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรมเป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ได้แก่รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๐๙] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 221

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม และ

อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๑๐] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๑๑] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 222

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อนิทัสสนธรรม ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ พึงให้พิสดาร.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๑๒] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำกวฬีการาหาร ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

พึงกระทำรูปชีวิตินทรีย์ ในแม้ทั้ง ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 223

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๑๓] ๑. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย,

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 224

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 225

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๑๔] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นรูปที่เป็นสนิทัสสนธรรม โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

สัททายตนะ เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 226

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 227

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป-

ที่เป็นอุปาทารูป ซึ่งเป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น

อุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 228

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป

ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

รูปายตนะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปายตนะ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๑๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 229

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ นปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๑๖] ๑. สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๒. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 230

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๔. อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม

และอนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัย

แก่อนิทัสสนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๑๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี

๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน-

นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 231

มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๕ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๑๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ...

ในนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียะ จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๑๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 232

วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สนิทัสสนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 233

๑๐. สัปปฏิฆทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัย โผฏฐัพพายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม.

อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 234

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ.

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์

๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่

เป็นอัปปฏิฆธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 235

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อาศัยอาโปธาตุ.

๖. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

อาโปธาตุ.

๗. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอาโปธาตุ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 236

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๘. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรมและอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม

อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัย

โผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 237

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๒๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อธิปติปจจัย

[๒๒๒] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอธิปติปัจจัย พึงเว้นปฏิสนธิ และกฏัตตารูป.

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๖. สหชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมด.

๗. อัญญมัญญปัจจัย

[๒๒๓] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ อาศัย

มหาภูตรูป ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 238

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อัญญมัญญปัจจัย

คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-

ธรรม ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

๕. สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

พึงกระทำอัชฌัตติกพาหิรมหาภูตรูปเหล่านี้.

๖. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และ

อาโปธาตุ ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 239

๘. นิสสยปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนิสสยปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙

วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๒๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 240

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆ-

ธรรม อาศัยอาโปธาตุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อัปปฏิฆมูลกนัย พึงกระทำเป็น ๒ วาระ แม้นอกนี้, แม้ในปัจจัย

สงเคราะห์ ก็พึงกระทำเป็น ๓ วาระ อัชฌัตติกมหาภูตรูปและพาหิรมหาภูตรูป

ทั้งหมด ผู้มีปัญญารู้แล้ว พึงกระทำ.

๒. นอารัมมณปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

[๒๒๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 241

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๒๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๒๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาร ะ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 242

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๒๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัยมี ๑

วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 243

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

อาศัยอาโปธาตุ.

อิตถินทรีย์ กวฬีการาหาร อาศัยอาโปธาตุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

อัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕ วาระ ที่เหลือ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 244

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ.

๒. อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และกายายตนะ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๓. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๓๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 245

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ

แม้การนับปัจจนียะ ก็พึงกระทำอย่างนี้.

แม้นิสสยวาระก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

แม้ในสังสัฏฐวาระทั้งหมด แต่ละปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย ก็มี ๑ วาระ เท่านั้น.

แม้วาระทั้งสอง (สหชาตวาระ และ สัมปยุตตวาระ) ก็พึงกระทำ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 246

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๓๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 247

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๓๔] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 248

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว, กิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลส

ทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญา-

ยตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิเวสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังส-

ญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๒๓๕] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคล ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ

โผฏฐัพพะทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 249

๒. อัปปฏฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อานาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาล

ก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำหทยวัตถุ ฯลฯ

อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหารให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำหทยวัตถุเป็นต้นนั้นให้อารมณ์อย่างหนัก

แน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 250

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

คือ อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๓๖] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัย

แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

[๒๓๗] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 251

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๒๓๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๓๙] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

อุตุ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 252

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ โภชนะ

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ โภชนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๔๐] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 253

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์

อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะและหทยวัตถุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๒๔๑] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 254

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

พึงกระทำมูลแห่งวาระทั้งสอง.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๔๒] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ โวทาน

เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๔๓] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหขชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 255

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได่แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๔๔] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย

คือ อัปปฏิฆธรรมที่เป็นวิบาก ฯลฯ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 256

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๔๕] ๑. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

วาระ ๒ ที่เหลือนอกนั้นพึงกระทำ. ปฏิสนธิ กวฬีการาหาร พึงกระทำ

แม้ในวาระทั้ง ๒ เบื้องปลาย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๔๖] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำชีวิตินทรีย์ แม้ใน ๓ วาระเบื้องปลาย (วาระที่ ๒ - ๔)

๕. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 257

คือ จักขุนทรีย์และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคต

ด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ และกาย-

วิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๒๔๗] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย

มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๔๘] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 258

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย, หทยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 259

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อนด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๒๔.] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ วาระแรกเหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 260

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อาโปธาตุ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่อิตถินทรีย์ ฯลฯ แก่กวฬีการาหาร

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของ

ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 261

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๒

และอาโปธาตุ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และอินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นหทยวัตถุ ที่เกิดก่อน ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 262

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็น

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป

ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จักขายตนะ ฯลฯ แก่โผฏฐัพพายตนะ ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พาหิรรูป... อาหารสมุฏฐานรูป... อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน

อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 263

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 264

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม

และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาระ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ที่เกิดพร้อมกัน และจักขายตนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ

และกายายตนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 265

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๐] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๒๕๑] ๑. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย

๒. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 266

๓. สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

๔. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหาร

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๖. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย.

๘. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

อัปปฏิฆธรรม ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 267

๙. สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ...

ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓

วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 268

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๕๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ . . .

ในอธิปติปัจจัย ๔ วาระ ฯลฯ

พึงนับอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม จบ

สัปปฏิฆทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 269

๑๑. รูปีทุกะ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๕๕] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 270

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหา-

ภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-

ปัจจัย

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 271

คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้ง

หลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๕๗] รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 272

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกำหนด วาระทั้ง ๙ ว่าเป็นอเหตุกะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๒ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 273

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ . . . ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิ

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๑ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 274

มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 275

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๑] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

วาระที่เหลือนอกนั้น พึงจำแนกเป็น ปวัตติ ปฏิสนธิ อย่างนี้.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๖๒] ๑. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 276

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายา-

ยตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในสหชาตปัจจั มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี ๓

วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 277

ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๖๔] ๑. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

ส่วนอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัย

กายายตนะ. ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย พึงกระทำปวัตติ ปฏิสนธิ.

๔. อรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 278

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๕. รูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม

ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๗. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ซึ่งเป็น

อเหตุกะ และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๘. รูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และอรูปีธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 279

ในปฏิสนธิขณะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. รูปีธรรม และอรูปีธรรม อาศัยรูปีธรรม และ

อรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่เป็นอเหตุกะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๖๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในน

ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 280

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๖๖] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...

ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๖๗] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี๓ วาระ... ใน

ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำให้หมด ฯลฯ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 281

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๖๘] ๑. อรูปีธรรม เจือกับอรูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๖๙] ในเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียนัยก็ดี การนับทั้ง ๓ นัยก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี ทั้งหมดพึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว มี ๑ วาระเท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 282

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๗๐] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 283

๒. อารัมมณปัจจัย

[๒๗๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์

ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่ปุพเพ-

นิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌาน ฯลฯ.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว ฯลฯ พิจารณาผล.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 284

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริย-

ญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปปัจจัย

[๒๗๒] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ กวฬีกา-

ราหารให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 285

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอรูปีธรรมให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ฯลฯ ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 286

๔. อนันตรปัจจัย

[๒๗๓] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๗ วาระ.

ในที่นี้ปัจจัยสงเคราะห์ไม่มี.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๒๗๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 287

บุคคลเข้าไปอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

อุตุ โภชนะ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยทุกข์ทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ทุกข์ทางกาย เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๒๗๕] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

ฯลฯ จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 288

บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียง ด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ. หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชตปัจจัย

[๒๗๖] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๒๗๗] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ

๑๓. กัมมปัจจัย

[๒๗๘] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 289

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 290

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๒๗๙] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๒๘๐] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย

คือ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๒๘๑] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 291

คือ รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (คือวาระที่ ๓-๕)

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ จักขุนทรีย์ และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ

๑๗. ฌานปัจจัย

[๒๘๒] ๑. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๘. มัคคปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 292

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๒๘๓] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๒. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 293

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๐. อัตถิปัจจัย

[๒๘๔] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 294

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาจักษุ ฯลฯ กวฬีการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ ด้วยทิพโสตธาตุ ฯลฯ

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๔. อรูปธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 295

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรูปีธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 296

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปีธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย, ฯลฯ เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย, ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๑ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 297

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๑ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๖ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๖] ๑. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. รูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 298

๓. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๕. อรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม และอรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๖. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่รูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. รูปีธรรม และอรูปีธรรม เป็นปัจจัยแก่อรูปีธรรม

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗

วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 299

สมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี

๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโน-

อวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ โนนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 300

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน-

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ.

พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

รูปีทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 301

๑๒. โลกิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๐] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. โลกิยธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 302

๔. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตรธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๕. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๒๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ฌานปัจจัย มี ๕ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 303

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๒] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ.

ในอาเสวนมูลกนัย ในโลกุตตระ ในสุทธกอรูปภูมิ พึงกำหนด

คำว่า วิบาก ส่วนที่เหลือนอกนั้น พึงกระทำตามปรกติ.

ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหาร-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 304

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๒๙๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน-

อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับปัจจนียะ ในน

วิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๒๙๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน-

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตะ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 305

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๒๙๖] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูต-

รูปทั้งหลาย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๒. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๔. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๖)

๗. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 306

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๘. โลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม และโลกุตตร-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยโลกิยธรรม

และ โลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๒๙๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 307

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๒๙๘] ๑. โลกิยธรรม อาศัยโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๒๙๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ในโลกุตตระ ในอรูปภูมิ พึงกำหนดว่าวิบาก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 308

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๐๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย เป็นต้น เหมือนกับ ในปัจจ-

นียะ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๐๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ.... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 309

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๒] ๑. โลกิยธรรม เจือกับโลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เจือกับโลกุตตรธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สังสัฏฐวาระพึงให้พิสดารอย่างนี้ พร้อมด้วยการนับ มี ๒ วาระ.

สัมปยุตตวาระ เหมือนกับสังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 310

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๐๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๐๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลสที่ละ

แล้ว, พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 311

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิย-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกิยธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-

ปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตตังสญาณ,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรค แก่ผล ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วพิจารณามรรค, พิจารณา

ผล, พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่อาวัชชนะ ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 312

พระอริยะทั้งหลายรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นโลกุตตร-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ แก่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๐๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลที่เคยทำแล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ

พระเสกขบุคคลทั้งหลาย กระทำโคตรภูให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ฯลฯ กระทำโวทานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 313

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค, แก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ย่อมพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 314

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๐๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อานาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 315

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล, ผล เป็นปัจจัยแก่ผล ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ผล เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจัยสงเคราะห์ ไม่มี.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๐๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 316

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ยัง

วิปัสสนาให้เกิดขึ้น ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ

ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธาที่เป็นโลกิยธรรม ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็น

โลกิยธรรม ฯลฯ แก่ทุกข์ทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

กรรมที่เป็นกุศลและอกุศล เป็นปัจจัยแก่วิบาก ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บริกรรมแห่งปฐมมรรค เป็นปัจจัยแก่ปฐมมรรค ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ บริกรรมแห่งจตุตถมรรค เป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 317

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปฐมมรรคเป็นปัจจัยแก่ทุติยมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ

ตติยมรรคเป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรค ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอริยะทั้งหลายเข้าไปอาศัยมรรคแล้ว ยังสมาบัติที่ยังไม่เกิดให้เกิด

ขึ้น เข้าสมาบัติที่เกิดขึ้นแล้ว พิจารณาเห็นสังขาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

มรรคของพระอริยะเหล่านั้น ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ความฉลาดในฐานะ

และอฐานะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ผลสมาบัติ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๐๘] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 318

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๐๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 319

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๑๐] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย

คือ โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค, โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วย

อำนาจของอาเสวนปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 320

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๑๑] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 321

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๑๒] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปากปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๑๓] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 322

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของ

อาหารปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๑๔] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอินทริยปัจจัย

พึงกระทำปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ

กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๗. ฌานปัจจัย

[๓๑๕] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 323

๒. โลกุตตรธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๘. มัคคปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของมัคคปัจจัย

ในโลกิยธรรมเป็นปัจจัย มี ๑ วาระ.

ในโลกุตตรธรรมเป็นปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๔)

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัย ฯลฯ มี ๑ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๑๖] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 324

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด

ก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 325

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๑๗] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกิยธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 326

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 327

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯ ฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูป

ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 328

ขันธ์ ๑ ที่เป็นโลกุตตรธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย,

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 329

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๑๙] ๑. โลกิยธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอานาจของ

ปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๒. โลกิยธรรม เป็นปัจจัย แก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย.

๕. โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่โลกิยธรรม และ

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๖. โลกิยธรรม และโลุกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกิยธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 330

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๗. โลกิยธรรม และ โลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลกุตตรธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๗

วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในน-

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิ

ปัจจัยมี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๒๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 331

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๒๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

โลกิยทุกะ จบ

อรรถกถาโลกิยทุกะเป็นต้น

อีกอย่างหนึ่ง ทุกะเหล่านี้คือ โลกิยทุกะ สาสวทุกะ สัญโญชนียทุกะ

คันถนียทุกะ นีวรณียทุกะ ปรามัฏฐทุกะ สังกิเลสิกทุกะ อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนียทุกะ คันถวิปปยุตตคันถนียทุกะ นีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณียทุกะ ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ กิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกทุกะ

ปริยาปันนทุกะ และสอุตตรทุกะ เหมือนกัน กิเลสทุกะเหมือนสัญโญชนทุกะ

สังกิลิฏฐทุกะ กิเลสสัมปยุตตทุกะ นีวรณสัมปยุตตทุกะ ทัสสเนนปหาตัพพทุกะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 332

และสรณทุกะ เหมือนกัน อนึ่ง กิเลสทุกะ สังกิลิฏฐนีวรณทุกะ นีวรณ-

สัมปยุตตกิเลสทุกะ และกิเลสสัมปยุตตทุกะ เหมือนกัน โดยนัยนี้ ผู้ศึกษา

พึงทราบว่า วิสัชนาแห่งทุกะทั้งปวงที่มีเนื้อความเหมือนกัน ย่อมเป็นเช่น

เดียวกันนั่นเอง.

ก็ในปัฏฐานทั้งหมด ย่อมไม่ได้เกนจิวิญเญยยทุกะ. ในทุกะอันมีรูป

อย่างนี้ เหล่านี้คือ " อาสวา เจว อาสวสมฺปยุตฺตา จ, สญฺโชนา

เจว สญฺโชนสมฺปยุตฺตา จ, คนฺถา เจว คนฺถสมฺปยุตฺตา จ,

นิวรณา เจว นีวรณสมฺปยุตฺตา จ, กิเลสา เจว สงฺกิลิฏา จ "

ย่อมไม่ได้วิปากปัจจัย และนานากขณิกกัมมปัจจัย. ในนเหตุสเหตุกทุกะ

นเหตุอเหตุกทุกะ ไม่มีเหตุปัจจัย. ในทุกะเหล่านี้คือ เหตุเหตุสัมปยุตทุกะ

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ, คันถคันถสัมปยุตตทุกะ ย่อมไม่ได้นเหตุปัจจัย

นฌานปัจจัย และ นมัคคปัจจัย. ส่วนในทุกะเหล่านี้คือ สัญโญชน-

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ, นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ กิเลสกิเลสสัมปยุตตทุกะ

กิเลสสังกิลิฏฐทุกะ ย่อมได้นเหตุปัจจัย ด้วยอำนาจแห่งโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉาและอุทธัจจะ ย่อมไม่ได้นฌานปัจจัย และนมัคคปัจจัย. ผู้ศึกษา

กำหนดวิสัชนาที่มีได้และมีไม่ได้ในทุกะทั้งปวง ดังอธิบายมาแล้ว พึงทราบ

การนับวาระด้วยอำนาจแห่งบาลีแล.

อรรถกถาทุกปัฏฐาน จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 333

๑๓. เกนจิวิญเญยยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

[๓๒๓] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยย-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๒. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 334

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๓. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม, เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๔. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 335

๕. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๖. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศยัมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๗. เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 336

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๘. เกนจินวิญเญยยธรรม อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม

และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจินวิญเญยยธรรม และเกนจิวิญเญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๙. เกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม

อาศัยเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม และเกนจินวิญ-

เญยยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 337

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๕] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ การนับพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี

สัมปยุตตวาระก็ดี พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปัจจยวาระ พึงแสดง หทยวัตถุ และอายตนะห้า พึงกระทำตามที่ได้.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 338

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๖] ๑. เกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่เกนจิวิญเญยย-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๒๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๒๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

การนับทั้งสี่นัยพึงกระทำให้บริบูรณ์อย่างนี้.

เกนจิวิญเญยยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 339

๑๔. อาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๒๙] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ, กามาสวะ อวิชชาสวะ

อาศัยทิฏฐาสวะ, กามาสวะ ทิฏฐาสวะ อาศัยอวิชชาสวะ, อวิชชาสวะ อาศัย

ภวาสวะ, อวิชิชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ.

พึงผูกจักรนัย แม้อย่างหนึ่ง ๆ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

อาสวธรรม.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 340

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวะ ๔ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 341

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๐] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี

๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 342

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๓๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรมเกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 343

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๓๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 344

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๓๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 345

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๓๖] ๑. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

อาสวมูลกนัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม.

อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 346

๖. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ที่เป็นอาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยอาสวธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

อาศัยอาสวธรรม และหทยวัตถุ.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 347

พึงผูกจักรนัย.

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๓๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๓๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 348

๒. อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๓๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

การนับทั้งปวง พึงนับอย่างนี้.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 349

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๐] ๑. อาสวธรรม เจือกับอาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ เจือกับกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๔๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 350

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 351

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๔๓] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

ภวาสวะ เป็นปัจจัยแก่ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 352

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๔๔] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 353

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล

พิจารณาพิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ

กิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 354

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทานแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทานนั้น

เพราะปรารภทานนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนที่สอง.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 355

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายนั้น อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาสวธรรม

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

อาสวธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ อาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๔๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 356

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำอาสวธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

ในกาลก่อน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ กระทำนิพพานให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักเเน่น ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 357

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทาน

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 358

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำอาสวธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ ฯลฯ อาสว-

ธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ. พึงกระทำให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๔๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 359

คือ อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 360

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ และ

พึงแสดง หทยวัตถุ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๔๗] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 361

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อ

มานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ศีล ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 362

บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๔๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 363

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ เพราะปรารภจักษุนั้น

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และอาสวสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 364

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๔๙] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๕๐] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๕๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 365

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ อาสว-

ธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๓๕๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 366

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๕๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๕๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย

คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 367

ในปฏิสนธิขณะ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์

เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๕๕] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 368

๒. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่หทยวัตถุ ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 369

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๓๕๖] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 370

คือ กามาสวะะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ เเก่อวิชชาสวะ แก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 371

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ตลอดถึง

อสัญญสัตว์.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรมที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่

เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 372

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ อาสวธรรม และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชา-

สวะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 373

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ, แก่อวิชชาสวะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาร และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และอาสวธรรมทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

อาสวธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

อาสวธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 374

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามาสวะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๕๗] ในเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 375

ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๕๘] ๑. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อานาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 376

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 377

๙. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๕๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๖๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 378

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๖๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 379

๑๕. สาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๒] ๑. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. อนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. สาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม.

๔. สาสวธรรม และอนาสวธรรม อาศัยอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 380

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนาสวธรรม

ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. สาสวธรรม อาศัยสาสวธรรม และอนาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาสวธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

สาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 381

๑๖. อาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๖๓] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 382

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑, มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๓,

มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. อาสวสัมปยุตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 383

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 384

คือ โมหะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๖๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 385

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยโทมนัส.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 386

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย. จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อธิปติปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส และโมหะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปัจจัยทั้งปวง พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๖๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 387

ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

[๓๖๗] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๖๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 388

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยขันธ์อาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๓. นอธิปติปัจจัย

[๓๖๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 389

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๓๗๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อาสววิปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 390

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ ฯลฯ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๗. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ มี ๒ วาระ (วาระที่ ๖-๗)

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 391

๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. นกัมมปัจจัย

[๓๗๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ วิปปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตธรรม.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนกัมมปัจจัย

คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 392

๑๒. นวิปากปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 393

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๓๗๓] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๓๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในกัมมปัจจัย

มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ใน

มัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 394

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๗๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 395

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 396

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๗๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ

(วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 397

๔. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 398

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๘. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ

เพราะอวิคตปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 399

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๗๘] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ.

อเหตุกปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม อาศัยอาสวสัมปยุตตธรรม

และอาสววิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 400

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๓๗๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทาอย่างนี้.

แม้ นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 401

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ฯลฯ.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๓๘๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๓๘๒] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสวสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 402

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เจือกับอาสววิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๓๘๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสอง แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

แม้ สัมปยุตตวาระ ก็เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 403

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๓๘๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่โมหะและจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โทสะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 404

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 405

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โทสะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๓๘๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 406

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน,

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม,

พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

ในที่นี้ ความยินดีไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 407

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ

ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลธรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ โทมนัส วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 408

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตต-

ธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 409

๓. อธิปติปัจจัย

[๓๘๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 410

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โมหะ

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้ว พิจารณา.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 411

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำทาน ฯลฯ ศีล

ฯลฯ อุโบสถกรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น กระทำกุศลกรรมนั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๓๘๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดขึ้นหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 412

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 413

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 414

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทังหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสาวววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 415

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๓๘๘] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทังหลาย

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 416

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ

ปัญญา สุขทางกาย เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย โมหะ เป็นปัจจัยแก่

ศรัทธา แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 417

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ

โภชนะ เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. อาสววิปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ศีล ฯลฯ โมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 418

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่

สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๓๘๙] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 419

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พิจารณาเห็นซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม และ

โมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 420

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๓๙๐] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 421

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๓๙๑] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๓๙๒] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 422

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 423

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๓] ๑. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย

[๓๙๔] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 424

อาหารทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

อาหารทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โมหะ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย

คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

๑๖. อินทริยปัจจัย

[๓๙๕] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 425

๑๗. ฌานปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๓๙๖] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงให้พิสดาร.

๓. อาสสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 426

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคต

ด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดภายหลัง และโมหะ เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 427

๒ . อัตถิปัจจัย

[๓๙๗] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัย

แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

สหชาตปัจจัย

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 428

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

พึงให้พิสดาร.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา

ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 429

โมหะ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาติ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 430

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ิ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 431

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ ที่เกิดพร้อมกัน และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๓๙๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมนัย จบ

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๓๙๙] ๑. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 432

๒. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. อาสวสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสววิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. อาสววิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตต-

ธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 433

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัย แก่อาสววิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่อาสวสัมปยุตตธรรม และอาสววิปปยุตตธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 434

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๐๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญ-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย จบ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๐๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับจำนวนอนุโลม ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย จบ

อาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 435

๑๗. อาสวสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ที่เป็นสัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย อาศัยกามาสวะ ภวาสวะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 436

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่

ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

ธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 437

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยอย่างนี้.

๘. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ที่เป็นสาสวธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้ง

อาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจัยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สงัสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

อาสวทุกะ ฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 438

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย ฯลฯ ๓. อธิปติปัจจัย

ในปัญหาวาระ ในเหตุปัจจัย ก็ดี ในอารัมมณปัจจัยก็ดี ไม่พึง

กระทำโลกุตตระ ควรกระทำว่า " พระเสกขะทั้งหลาย " ย่อมพิจารณาโคตรภู

ย่อมพิจารณาโวทาน แม้ในอธิปติปัจจัย ผู้ที่รู้ปัจจัยทุกอย่างแล้ว พึงกระทำ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๐๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรม และสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 439

อาสวธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม

ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน,

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 440

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดก่อน ๆ

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

สาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 441

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และ

ธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น

ทั้งอาสวธรรมและสาสวธรรม และธรรมที่เป็นสาสวธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงให้พิสดารอย่างนี้ทั้งหมด.

อนันตรปัจจัย แม้ในอาสวทุกะ ก็พึงให้พิสดาร เหมือนกับทุกะนี้.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ท่านแสดงไว้เหมือนกันอย่างนี้ ข้อที่ย่อไว้

ทั้งหมด พึงกระทำให้พิสดาร เหมือนกับอาสวทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

อาสวสาสวทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 442

๑๘. อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยภวาสวะ.

พึงผูกจักรนัย

อวิชชาสวะ อาศัยทิฏฐาสวะ

๒. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยอาสวธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 443

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

อาสวสัมปยุตตกามาสวธรรมทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่อาสวธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 444

คือ ขันธ์ ๓ และอาสวธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยกามาสวะ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัยทั้งหมด

๘. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

อาสวธรรม และอาสวธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 445

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสว-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม และกามาสวะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทุกปัจจัยพึงกระทำอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๐๖] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย ไม่มี ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๔๐๗] ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย

นเหตุมูลกะ ไม่มี.

ฯลฯ เพราะนปุเรชาตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 446

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๐๘] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

แม้การนับทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำให้บริบูรณ์

อย่างนี้ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 447

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๐๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลาย ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๑๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 448

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

อาสวธรรม อาสวธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

อธิปติปัจจัย มีการกระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 449

อนันตรปัจจัย พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อน ๆ เหมือนกับ อารัมมณ-

ปัจจัยนั่นเทียว.

สมนันตรปัจจัย สหชาตปัจจัย อัญญมัญญปัจจัย นิสสยปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัยนั่นเทียว การจำแนก ไม่มี มี ๓ วาระ.

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัยทั้งหมด.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๑๑] ๑. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 450

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๑๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมเป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 451

๓. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสว-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 452

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งอาสวธรรมและอาสวสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นอาสวสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 453

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 454

๑๙. อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๗] ๑. ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นอาสววิปปยุตตสาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอาสววิปปยุตต-

สาสวธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตตอนาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสว-

วิปปยุตตอนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ.

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ พิสดารฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มี

แตกต่างกัน ฯลฯ

อาสววิปปยุตตสาสวทุกะ จบ

อาสวโคจฉกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 455

๒๐. สัญโญชนทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๑๘] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

สีลพตปรามาสสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

มานสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

อิสสาสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

มัจฉริยสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์

ภวราคสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยมานสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยภวราคสัญโญชน์

อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 456

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

๖. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 457

๗. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ.

พึงผูกจักรนัย

ในอารัมมณปัจจัย รูปไม่มี.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ เหตุปัจจัย วิจิกิจฉาสัญโญชน์ไม่มี.

เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 458

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๑๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ใน

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๒๐] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 459

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ฯลฯ

เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ

แม้นอารัมมณปัจจัยทั้งหมด ก็พึงยกขึ้น.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๒๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้ทั้งหมด.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 460

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๒๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ในปัจจัย

ทั้งปวง มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๔ วาระ.

สหชาตวาระ

อนุโลมนัย

๑. สัญโญชนธรรมเกิดร่วมกับสัญโญชนธรรม ฯลฯ

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 461

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๔] ๑. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป

ทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม.

๔. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 462

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัญโญชนธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

หทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชน-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย

และหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยสัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 463

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยกามราค-

สัญโญชน์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๒๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๒๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในที่ใด ๆ ได้ หทยวัตถุ ในที่นั้น

พึงกระทำให้มีหทยวัตถุ เช่นเดียวกัน. ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับวาระในนัยทั้งสองแม้นอกนี้ก็ดี นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 464

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๗] ๑. สัญโญชนธรรม เจือกับสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ เจือกับกามราคสัญโญชน์.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้ เฉพาะอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 465

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๒๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

สัญโญชนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 466

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๒๙] ๑. สัญโญชนธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมและสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณากุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 467

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ ในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, ฯลฯ อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 468

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือบุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ พิจารณา

กุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญ-

ชนธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

สัญโญชนธรรม และขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙) พึงกระทำว่า เพราะปรารภนั่นเทียว.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๓๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ มีการกระ-

ทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 469

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๔-๕-๖)

อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ แม้แห่งวาระทั้ง ๓ ก็ควรกระทำ.

พึงจำแนกทั้ง ๓ วาระอีก.

๗. สัญญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

กระทำสัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๓๑] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 470

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แม้ทั้ง๒ วาระ (วาระที่ ๕-๖)

ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญญชนธรรม

ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 471

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๓๒] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

สัญโญชนธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย แม้ทั้ง ๓ วาระ ก็เหมือนอย่างนี้.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ

เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 472

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 473

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๗-๘-๙)

ปุเรชาตปัจจัย

[๔๓๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 474

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด-

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์-

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๓๔] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจจองปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 475

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

๓. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๓๕] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๔๓๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 476

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๓๗] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๓. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 477

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

พึงจำแนก

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๔๓๘] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 478

๕. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม-

สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ เหมือนกับ อาสวทุกะ.

๗. สัญโญชนธรรมและธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 479

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

เหมือนกับอาสวทุกะ.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๔ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ พึงจำแนก เหมือนกับ

อาสวทุกะ.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

พึงจำแนก เหมือนกับอาสวทุกะ.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๓๙] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 480

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๔๐] ๑. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจขออุปนิสสย-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 481

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต ปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 482

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๔๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ.... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๔๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 483

๒๑. สัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๔] ๑. สัญโญชนิยธรรม อาศัยสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

เหมือนกับโลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 484

๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรมอาศัย สัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 485

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 486

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๔๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 487

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๔๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 488

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๔๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ใน-

นัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๔๙] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 489

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 490

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย

มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๕๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๒

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 491

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๕๓] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๒-๓)

เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ ตลอดถึงปฏิสนธิ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 492

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เเละสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตต-

ธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 493

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๕๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ตลอดถึงปฏิสนธิ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 494

๖. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

อารัมมณปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคด้วยอุทธัจจะ และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 495

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๕๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๕๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๕๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 496

๓. สัญโญชนวิปปยุตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ และ

โมหะ ที่สหรตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยหทยวัตถุ.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา และหทยวัตถุ.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม อาศัยสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

อุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 497

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ใน-

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ. พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน-

ปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ

ในมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 498

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เจือกับสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 499

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๖๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๖๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 500

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๖๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 501

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิสนธิ ฯลฯ

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๖๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 502

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 503

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ.

รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญ-

ชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภซึ่งจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 504

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๖๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ครั้นกระทำราคะเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 505

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วกระทำ

กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 506

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำทานเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 507

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๖๗] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอานาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 508

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ โมหะ

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ ฯลฯ ที่เกิดหลัง ๆ ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ

โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 509

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย

๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 510

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๔๖๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 511

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย

เสนาสนะ ฯลฯ โมหะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 512

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ ฯลฯ

โมหะ แล้วฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่

ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ และโมหะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 513

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๔๖๙] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 514

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตธรรม

และโมหะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง

เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 515

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๔๗๐] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม และโมหะ ที่เกิด

ภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 516

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๔๗๑] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ อาวัชชนะก็ดี

วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๔๗๒] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 517

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๘. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๔๗๓] ๑. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 518

๑๕. อาหารปัจจัย

[๔๗๔] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

๑๖. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๔๗๕] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 519

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๗๖] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับ

ปฏิจจวาระ.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 520

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่โมหะ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้

ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โมหะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ พึงให้พิสดาร.

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 521

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 522

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ

ปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม, โมหะและมหาภูตรูป

ทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 523

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โมหะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 524

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และโมหะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒๒. นัตถิปัจจัย ฯลฯ ๒๔. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 525

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๗๘] ๑. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 526

๕. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. สัญโญชนวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๗. สัญโญชนสัมปยุตตธรรมและสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

ปัจจัย.

๙. สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และสัญโญชนวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 527

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๔๘๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๘๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงนับบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 528

๒๓. สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญใญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยสัญโญชน-

ธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามราคสัญโญชน์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 529

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงมหาภูตรูป.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิย-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 530

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชน-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม

และธรรมที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนิยธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราค-

สัญโญชน์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

เหมือนปฐมทุกะในสัญโญชนโคจฉกะ ทุกะแม้นี้พึงให้พิสดารอย่างนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน เว้นโลกุตตระ.

สัญโญชนสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 531

๒๔. สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสัญโญชนธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อาศัยกามราคสัญโญชน์.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 532

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 533

๘. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม และสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม และกามราคสัญโญชน์ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๘๔] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 534

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๔๘๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

วิจิกิจฉา.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๔๘๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 535

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระทั้งสองนัย นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี พึงกระทำ

อย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี

เหมือนกับปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 536

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๘๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๒. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ กามราคสัญโญชน์ เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐิสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 537

๒. อารัมมณปัจจัย

[๔๘๘] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย สัญโญชนธรรมทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภสัญโญชนธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทั้งสัญโญชน-

ธรรมและสัญโญชนสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๕. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 538

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่

ไม่ใช่สัญโญชนธรรม สัญโญชนธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

(วาระที่ ๗-๙)

๓. อธิปติปัจจัย

[๔๘๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 539

๔. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๔-๖)

อารัมมณาธิปติก็ดี สหชาตาธิปติก็ดี พึงกระทำในวาระ แม้ทั้ง ๓

เหล่านี้.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ สัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๔๙๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

การจำแนกไม่มี เหมือนกับอารัมมณปัจจัย ไม่มีแตกต่างกัน.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 540

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงกระทำโดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๔๙๑] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

สัญโญชนธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นสัญโญชนสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๒๑. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 541

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๔๙๒] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๔๙๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และสัญโญชน-

สัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งสัญโญชนธรรม และ

สัญโญชนสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 542

๙ วาระ พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว พึงเปลี่ยนแปลง ในบททั้ง ๓

นั่นเทียว นานาขณิกะ ไม่มี.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนัยจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๔๙๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๔๙๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ. . . ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙

วาระ.

สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 543

๒๕. สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๗] ๑. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชน-

วิปปยุตตสัญโญชนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ มหาภูตรูปทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิย-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๓. ฯลฯ ธรรมที่เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญ-

ชนิยธรรม ฯลฯ พึงกระทำ ๒ วาระ.

ทุกะนี้เหมือนกับโลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 544

๒๖. คันถทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๔๙๘] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป

อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถธรรม.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 545

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลายอาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

อาศัยขันธ์ ๒.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถะและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 546

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

เพราะอารัมมณปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๔๙๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๐] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 547

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. อุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ.

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๐๒] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 548

คือ ในอรูปภูมิ อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, ในอรูปภูมิ สีลัพพตปรามาส

ไม่มี.

พึงกระทำ ๙ วาระ อย่างนี้.

๙. นปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๒๐. โนวิคตปัจจัย

ฯลฯ เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 549

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ...ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๐๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 550

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๐๖] ๑. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม

คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 551

คือ ขันธ์ ๓ คันถธรรมทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย

อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย

๘. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๒.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยคันถธรรม และหทยวัตถุ.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 552

อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ

และหทยวัตถุ ย่อมเกิดขึ้น.

พึงผูกจักรนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๐๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๐๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปฏิสนธิ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 553

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๑๐] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ นโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๑๑] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ นั่นเอง.

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำเป็น ๙ วาระ รูปไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 554

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๑๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 555

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 556

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๑๓] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณากุศลกรรม

นั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 557

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว กิเลสที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-

จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 558

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะ ย่อม

เกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น คันถ-

ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๗-๙)

พึงกระทำคำว่า เพราะปรารภ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 559

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๑๔] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงกระทำว่าให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม

เกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 560

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทานแล้ว ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทังหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งจักษุ ฯลฯ

หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำซึ่งกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำซึ่งทาน ฯลฯ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำทานเป็นต้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 561

นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๑๕] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

ไม่ใช่คันถธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 562

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ทั้งหลายที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๔-๕-๖)

๒ วาระ พึงกระทำอาวัชชนะ, วาระที่ ๑ ไม่มี.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่

๗-๘-๙)

วุฏฐานะแม้หนึ่ง พึงกระทำในวาระท่ามกลาง.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 563

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๑๖] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 564

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พึงกระทำ โดยนัยแห่งอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 565

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๑๗] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 566

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของปุเรชาต-

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 567

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๑๘] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 568

๑๔. วิปากปัจจัย

๑. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๑๙] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 569

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอานาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๒๐] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 570

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. คันถธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจ-

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมี่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 571

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓, คันถธรรมและ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

อภิชฌากายคันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 572

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ,

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

คันถธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

คันถธรรม แสะสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กาย

นี้ ทีเกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และกวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่

กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

คันถธรรมทั้งหลายที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 573

๙. คันธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อภิชฌากาย-

คันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 574

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๒๒] ๑. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 575

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 576

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๒๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๒๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิ-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๒๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำบทที่เป็นอนุโลมให้บริบูรณ์ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 577

๒๗. คันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๖] ๑. คันถนิยธรรม อาศัยคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถนิยธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงแจกฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

คันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 578

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๒๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม.

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 579

ขันธ์ ๓ ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย

โทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 580

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๒๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 581

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 582

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรมเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์

๒ ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๒๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๖ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๖ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๙ วาระ

ในฌานปัจจัย มี ๙ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖

วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย

มี ๖ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 583

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๐] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดจนถึงอสัญญสัตว์

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓

วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ อรูปภูมิเมื่อจะแจกในนปุเรชาต-

ปัจจัยพึงกระทำก่อน, รูปภูมิย่อมได้ในที่ใด พึงกระทำภายหลัง, และปฏิฆ

ไม่มีในอรูปภูมิ. ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙

วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหาร

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตต-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 584

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ...

ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 585

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๓๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

มี ๓ วาระเหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยหทยวัตถุ.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 586

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปฏิฆะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ อาศัยหทยวัตถุ.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ อาศัยหทยวัตถุ.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, หทยวัตถุ และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส. หทยวัตถุ และปฏิฆะ

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๘. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 587

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ.

โลภะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และหทยวัตถุ.

ปฏิฆะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

อาศัยคันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และโลภะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และหทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 588

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๓๕] ในเหตุปัจจัยมี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๙

วาระ ปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๓๖] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ.

อเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจานวนวาระในปัจจนียะ

[๕๓๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนอุปนิสสย-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 589

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปาก

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๓๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.... ฯลฯ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

พึงนับอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๓๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้นิสสยวาระ ก็เหมือนกับ ปัจจยวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 590

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โลภะ เจือกับขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม.

ปฏิฆะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และโลภะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ และปฏิฆะ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 591

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม.

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปฏิฆะ.

๖. คันถสัมปยุตตธรรม เจือกับคันถสัมปยุตตธรรม

และคันถวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคต-

วิปปยุตตธรรม และโลภะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๔๑] ในเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 592

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๔๒] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เจือกับคันถวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ฯลฯ อาศัยคันถวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคต

ด้วยอุทธัจจะ เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๔๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๖ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๔๔] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ... ใน

นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 593

ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๔๕] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 594

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๔๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรมเป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 595

เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์, ปฏิฆะ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 596

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

ปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 597

คือ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและโลภะ

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย.

เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๔๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูลในแม้ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น, ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 598

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ละแล้ว ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตธรรม, พิจารณากิเลสทั้งหลายที่ข่มไว้, ย่อมรู้กิเลสทั้งหลายที่สั่งสมไว้ใน

กาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถ-

วิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม

ด้วยเจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 599

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือบุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ เพราะปรารภขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม โลภะ และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต

ด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เเละโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปป-

ยุตตธรรม และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 600

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม, โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ขันธ์ทั้งหลาย

ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๔๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 601

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 602

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

อธิปติธรรมที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลกระทำกุศลกรรมทั้งหลาย ที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อนให้เป็น

อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

บุคคลออกจากฌาน กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว

พิจารณา.

พระอริยะทั้งหลาย ออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่นแล้วพิจารณา, กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 603

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็น

คันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 604

เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะ ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัม-

ปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๔๙] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 605

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตต-

ธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 606

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คัยถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 607

คือ โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และ

โลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปฏิฆะ ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่

เกิดก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๗)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 608

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อน ๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ปฏิฆะ ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิด

ก่อน ๆ และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และโลภะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดก่อนๆ และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส ที่เกิดหลัง ๆ และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 609

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๕๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พึงกระทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 610

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ ความปรารถนา

สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เสนาสนะ เป็น

ปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ

แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ฯลฯ มานะ ความ

ปรารถนา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 611

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มีอุปนิสสยะทั้ง ๓ นัย.

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ.

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ ความปรารถนา เสนาสนะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 612

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม แก่โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๕๑] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 613

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 614

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ

ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม, โลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๕๕๒] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม

ที่เกิดภายหลัง และโลภะ, ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ

เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 615

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๕๕๓] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

อาวัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๕๕๔] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัย

แก่โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 616

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 617

เจตนาที่เป็นคันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๕๕๕] ๑. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๕๕๖] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๕๕๗] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 618

๒. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

๓. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็น

ทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมและ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๕. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรมเป็น

ปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 619

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๕๕๘] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาระ.

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ พึงจำแนก.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ เหมือน

กับปฏิจจวาระ.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ พึงจำแนก.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 620

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัส เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

โลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 621

ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่

เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส

และปฏิฆะ ย่อมเกิดขึ้น

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิ-

คตวิปปยุตตธรรม และ โลภะ, แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และ

ปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และโลภะ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 622

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และมหาภูต-

รูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัสที่เกิดพร้อมกัน และปฏิฆะ เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่โลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 623

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโลภะ ที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และ

โลภะ และขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะที่เกิดภายหลัง, เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และกวฬีการา-

หาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิติน-

ทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรมที่เกิดพร้อม

กัน และโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 624

ที่เป็น สหชาตะ รวมกัน ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโลภะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒

ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัส และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และปฏิฆะ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๕๙] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย มี

๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี

๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 625

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๕๖๐] ๑. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

๒. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. คันถสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุป-

นิสสยปัจจัย.

๔. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอานาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอานาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 626

๕. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. คันถวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตต-

ธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๘. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. คันถสัมปยุตตธรรม และคันถวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่คันถสัมปยุตตธรรม และวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอานาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 627

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๖๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๖๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอัญญ-

มัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๖๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ.... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

คันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 628

๒๙. คันถคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัยอิทังสัจจา-

ภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยคันถธรรม

ทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรมที่เป็น

คันถธรรมและคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ปฏิจจวาระก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี

สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ คันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 629

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๕] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-

ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙ วาระ พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๖๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิยธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 630

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย

อานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา

ซึ่งกุศลกรรมนั้น.

กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลาย พิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลส

ที่ละแล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิย-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

ทั้งหมด พึงให้พิสดาร.

ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 631

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อม

เกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 632

๓ วาระ แม้นอกนี้ (วาระที่ ๗-๘-๙) พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าว

มาแล้ว พึงกระทำ เพราะปรารภ.

ในทุกะนี้ โลกุตตระไม่มี เหมือนกับคันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน พึง

กาหนดคำว่า คันถนิยะ.

ในมัคคปัจจัย พึงกระทำ ๙ วาระ.

คันถคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 633

๓๐. คันถคันถสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๖๗] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัย

อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.

๒. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสีลัพพต-

ปรามาสกายคันถะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 634

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม

แต่ไม่ใช่คันถธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และคันถธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 635

คือ คันถธรรมทั้งหลาย อาศัยคันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

๘. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม และคันถธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรม เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และอภิชฌากายคันถะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม และสีลัพพตปรามาสกายคันถะ ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๖๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 636

ปัจจนียนัย

๑. นอธิปติปัจจัย

[๕๖๙] ๑. ธรรมที่ เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะนอธิปติปัจจัย ฯลฯ

ในที่นี้ นเหตุปัจจัย ไม่มี.

[๕๗๐] ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมม-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

การนับทั้งสองนัยแม้นอกนี้ก็ดี สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี

นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับปฏิจจ-

วาระอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 637

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และ

ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของ

เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 638

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๕. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๖. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 639

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็น

สัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอานาจของเหตุปัจจัย.

๘. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๙. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย

แก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม และธรรมที่

เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม และ

ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และคันถธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 640

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๗๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย และขันธ์ทั้ง

หลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่

ใช่คันถธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-

ธรรม คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 641

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

คันถธรรม คันถธรรมและขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓ วาระ แม้นอกนี้ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

๓. อธิปติปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ในอธิปติปัจจัยก็ดี ในอนันตรปัจจัยก็ดี ในอุปนิสสยปัจจัยก็ดี เหมือน

กับอารัมมณปัจจัย วิภังค์ไม่มี.

การนับจานวนวาระในอนุโลม

[๕๗๓] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

มี ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

อินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๙

วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิ

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อรูปธรรมเท่านั้นเป็นปัจจัย. แต่ละอย่างพึงกระทำอย่างละ ๓ นัย

ในอารัมมณะ สหชาตะ อุปนิสสยะ พึงเปลี่ยนแปลงทั้ง ๙ วาระ แม้ในปัญหา

วาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด.

คันถคันถสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 642

๓๑. คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๔] ๑. ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นคันถวิปป-

ยุตตคันถนิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ฉันใด พึงให้พิสดารฉันนั้น ไม่มีแตก

ต่างกัน.

คันถวิปปยุตตคันถนิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 643

๓๒. โอฆและโยคโคจฉกทุกะ

ปฏิจจวาระ

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๕] โอฆธรรม อาศัยโอฆธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย.

โยคธรรม อาศัยโยคธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

โคจฉกะทั้ง ๒ เหมือนกับ อาสวโคจฉกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

โอฆและโยคโคจฉกทุกะ จบ

๑. โอฆโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่ ๓๒ ถึง ๓๗). โยคโคจฉกทุกะ มี ๖ ทุกะ (ทุกะที่

๓๘ ถึง ๔๓) ทุกะต่อไปคือนีวรณทุกะ จึงเป็นทุกะที่ ๔๔

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 644

๔๔. นีวรณทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๗๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

พยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ กุกกุจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยพยาบาทนิวรณ์.

อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม

ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 645

๓. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม และธรรมที่ไม่

ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 646

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๗๗] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหาร

ปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 647

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๗๘] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๔. นีวรณธรรมอาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 648

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๕๗๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

๓. นอธิปติปัจจัย ฯลฯ ๗. นอุปนิสสยปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 649

๘. นปุเรชาตปัจจัย

[๕๘๐] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

กามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

ในอรูปภูมิ อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

วาระที่เหลือทั้งหมด (คือวาระที่ ๓-๖) พึงให้พิสดาร.

อรูปภูมิ พึงกระทำก่อน ส่วนรูปภูมิ พึงกระทำภายหลัง ตามที่จะ

พึงกระทำได้.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 650

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรน อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาตปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และ

นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนปุเรชาต

ปัจจัย

คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชา-

นิวรณ์ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๑] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในอุปนิสสปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 651

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในในนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๒] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจานียานุโลม

[๕๘๓] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงให้พิสดารอย่างนี้.

ปฏิจจวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 652

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๘๔] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๑-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๖. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูป.

๑. ๒. มีใน ม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 653

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๗. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรมและธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

ถีนมิทธนีวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันทนิวรณ์

และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยนีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัย

นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่ ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พึงผูกจักรนัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 654

ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๘๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๘๖] ๑. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 655

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณอาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิด

ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณธรรม อาศัยนีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปุยุตตขันธ์ที่หลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และหทยวัตถุ.

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๘๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 656

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๕๘๘] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ.

ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๕๘๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย

มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจยวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 657

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๐] ๑. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

เหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ เจือกับกาม-

ฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย

นิวรณ์ทั้งปวง พึงให้พิสดาร.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๕๙๑] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๕๙๒] ๒. นีวรณธรรม เจือกับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะ

นเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 658

คือ อวิชชานิวรณ์ เจือกับวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์เจือกับ

อุทธัจจนิวรณ์.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๕๙๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย ๙ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

การนับจำนวนวาระในสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึง

กระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 659

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๕๙๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัม-

ปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้ง

หลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่

ใช่นีวรรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 660

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๕๙๕] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว

พิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น

เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 661

ออกจากฌานแล้วพิจารณา ฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

นิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณา เห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ.

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่

เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 662

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาณ ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุ เป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน. ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระ

ที่ ๕- ๖- ๗) พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๕๙๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 663

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำ นีวรณธรรมทั้งหลาย ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น. มี ๓ วาระ เหมือนกับอารัมมณปัจจัย.

(วาระที่ ๑-๒-๓)

๒. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก

แน่น ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ ย่อมเกิด

ขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ มรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน

ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 664

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำ

จักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 665

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ จักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว นีวรณธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือเป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-

๘-๙) เป็นอารัมมณาธิปติเท่านั้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๕๙๗] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 666

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

นีวรณธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย

ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจฃองอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรมที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

เนวสัญญานาสัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่

ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 667

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. นีวณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ นีวรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๙)

นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 668

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๕๙๘] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓

วาระ.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณวรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ฯลฯ ยังฌานให้เกิดขึ้น ยังวิปัสสนา ฯลฯ ยังมรรค ฯลฯ ยังอภิญญา ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 669

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ทิฏฐิ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน

ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผล-

สมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 670

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ นีวรณธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๕๙๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 671

ปุเรชาตปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.

พึงจำแนก กุศล และอกุศล.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๐๐] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๐๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 672

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรม

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๐๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๐๓] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

วาระ ๔ ที่เหลือ พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 673

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๐๔] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ กามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์

แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ในนีวรณมูล ก็มี ๓ วาระ อย่างนี้ (วาระที่ ๑-๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่างคือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 674

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ ฯลฯ

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธ-

นิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่

อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ปัจฉาชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดพร้อมกัน

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรมทั้งหลาย และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 675

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

นีวรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และกวฬีกา-

ราหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 676

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓, ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจนิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และจิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

กามฉันทนิวรณ์ และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์, อุทธัจจ-

นิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พึงผูกจักรนัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๐๕] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 677

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยนัยปัจจนียะ

[๖๐๖] ๑. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรม

ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริย์ปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 678

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๙. นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของ

อารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๐๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 679

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๐๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ...ฯลฯ

ในนสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุป-

นิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ... ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตต-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ

ในโนวิคตปัจจัยมี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๐๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกาให้พิสดาร ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

ปัญหาวาระ จบ

นีวรณทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 680

๔๕. นีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณยธรรม เกิดขึ้น ฯลฯ

โลกิยทุกะฉันใด นีวรณิยทุกะ ก็พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

พึงประกอบนิวรณ์ด้วยนิวรณ์ ๘ ครั้ง คือ กามฉันทะ ๒ ครั้ง ปฏิฆะ ๔ ครั้ง

อุทธัจจะและวิจิกิจฉาสองอย่างนี้ อย่างละหนึ่งครั้ง. มาติกาแห่งนีวรณทุกะ

ได้ทำไว้แล้วในวาระนี้.

นีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 681

๔๖. นีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม.

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 682

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๒] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี

๒ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 683

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๑๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาติปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัยมี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓

วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโน-

วิคตปัจจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๑๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี

๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัยมี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๓ วาระ.

๑. ม. นอนันตระ ถึง นอุปนิสสยะ แต่ละปัจจัยมี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 684

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๑๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ...ฯลฯ

ในมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ...ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 685

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๑๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 686

๕. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๖. นีวรณวิปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๗. นีวรณสัมปปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และหทย-

วัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๑๘] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย

มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 687

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๑๙] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นีวรณวิปปยุตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปตุตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

หทยวัตถุ.

๔. นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม

และนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัย

ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและหทยวัตถุ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 688

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนปุเรชาติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ฯลฯ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี๓ วาระ.

การนับสองนัย นอกนี้ก็ดี, นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำอย่างกล่าว

มาแล้ว.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 689

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

[๖๒๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เจือกับนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

ฯลฯ เจือกับนีวรณวิปปยุตตธรรม ฯลฯ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 690

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๒๔] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๒ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

การนับ ๒ นัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 691

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๒๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 692

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๒๖] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทิฏฐิ เพราะปรารภทิฏฐินั้น

ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภวิจิกิจฉา วิจิกิจฉา ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ

โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภอุทธัจจะ อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา

ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะปรารภโทมนัส โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ

อุทธัจจะ ย่อมเกิดขึ้น.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 693

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ

แก่เจโตปริญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่

อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน พิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ พิจารณาผล

ฯลฯ นิพพาน

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ.

ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 694

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เพาระปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ

ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๒๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ฯลฯ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่

เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 695

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ฯลฯ ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 696

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๒๘] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 697

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

ในที่นี้ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดก่อน ๆ ไม่มี.

พึงถามถึงมูล (วาระที่ ๓)

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 698

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๒๙] ๑. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม

ยังฌาน วิปัสสนา มรรค อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 699

ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา

แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล ฯลฯ ยังมรรค

ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ

ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือมานะ ถือทิฏฐิ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 700

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ เสนา

สนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ

แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสัยปัจจัย

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๓๐] ๑. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 701

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ โมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๓๑] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๓๒] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 702

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 703

๑๔. วิปากปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

[๖๓๓] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๓๔] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 704

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๓๕] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยแก่

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอานาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 705

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ เป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิงยิ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็น ปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ รวมกับ ปุเรชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ และหทยวัตถุ

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 706

๗. นีวรณสัมปยุตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น

ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๓๖] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 707

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคค-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๓๗] ๑. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. นีวรณสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. นีวรณสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรสัมป-

ยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.

๔. นีวรณวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 708

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. นีวรวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมป-

ยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณสัมปยุตตธรรม มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ

รวมกับ ปุเรชาตะ.

๗. นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นีวรณวิปปยุตตธรรม มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ

ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ และ ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๓๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัม-

ปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี๔

วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคต

ปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 709

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๓๙] เพราะเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ สาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในน-

วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี

๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำการนับอนุโลม ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

นีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 710

๔๗. นีวรณนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม อาศัย

ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

การนับทั้งหมดพึงกระทำอย่างนี้ เหมือนกับ นีวรณทุกะ ไม่มี

แตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 711

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

นีวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, นีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 712

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๔๓] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม

แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 713

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู โวทาน ฯลฯ กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิย-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อม

เพลิดเพลินยิ่ง ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ

เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ พึงกระทำตลอดถึงอาวัชชนะ.

๕. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 714

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณิยธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณิยธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นนีวรณิยธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้น

นั้น นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙) แม้นอกนี้ พึงกระทำอย่างนี้.

อธิปติปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

แม้ปุเรชาตปัจจัย ก็เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย

ส่วนในนิสสยปัจจัย ไม่พึงกระทำ โลกุตตระ.

ฯลฯ

พึงให้พิสดารอย่างนี้.

นีวรณทุกะ ฉันใด พึงพิจารณา แล้วกระทำฉันนั้น.

นีวรณนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 715

๔๘. นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๔๔] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย พึงทำนิวรณ์ทั้งหมด.

๒. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยนีวรณธรรมทั้งหลาย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 716

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยกามฉันทนิวรณ์.

พึงผูกจักรนัย.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๕. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ นีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม.

๖. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และนีวรณธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

สัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 717

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัยกามฉันท-

นิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

พึงผูกจักรนัย.

๘. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม และนีวรณธรรมทั้งหลาย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

๙. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตตธรรม และธรรม

ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ อาศัย

ขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์

ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 718

พึงผูกจักรนัย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอุโลม

[๖๔๕] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๔๖] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์, อวิชชานิวรณ์ อาศัย

อุทธัจจนิวรณ์.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่

สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 719

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น

เพราะนเหตุปัจจัย

คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยวิจิกิจฉานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

อวิชชานิวรณ์ อาศัยอุทธัจจนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๔๗] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในนในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๔๘] เพราะเหตุปัจจัย ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ... ฯลฯ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 720

ปัจจนียานุโลม

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๔๙] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง

มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

สหชาตวาระก็ดี ปัจจยวาระก็ดี นิสสยวาระก็ดี สังสัฏฐวาระ

ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี เหมือนกับ ปฏิจจวาระ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 721

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๕๐] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่นิวรณ์ที่เป็นสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุ

ปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และนีวรณทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 722

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๕๑] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อม

เกิดขึ้น

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๓)

เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 723

เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ธรรมเป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม-

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๕๒] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ พึงกระทำว่า

กระทำให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นนั้นเทียว.

๔. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-

ธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 724

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุคคธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๕)

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณ-

ธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นีวรณธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๖)

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนีวรณสัมปยุตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรมให้หนักแน่น นีวรณธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม และธรรมที่เป็นนีวรณธรรมสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 725

๔. อนันตรปัจจัย ฯลฯ ๑๐. อาเสวนปัจจัย

[๖๕๓] ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย อา-

วัชชนะก็ดี วุฏฐานะก็ดี ไม่มี พึงกระทำว่า ที่เกิดก่อนๆ ในที่ทั้งปวง.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ

อารัมมณปัจจัย วิบากไม่มี.

๑๑. กัมมปัจจัย

[๖๕๔] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงถามถึงมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็น

สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 726

เจตนาที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่

สัมปยุตตขันธ์ และนีวรณธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๒. อาหารปัจจัย

[๖๕๕] ๑. ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรมแต่ไม่ใช่

นีวรณธรรม ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๓. อินทริยปัจจัย ฯลฯ ๒๐. อวิคตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๕๖] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 727

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอาเสวนปัจจัย

ใน ๙ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ ในอินทริย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙

วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๕๗] ธรรมที่เป็นนีวรณธรรม และนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งนีวรณธรรมและนีวรณสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

ในบททั้ง ๓ พึงเปลี่ยนแปลงให้เป็น ๙ วาระอย่างนี้.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๕๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ฯลฯ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๕๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 728

มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต-

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๙ วาระ.

นีวรณนีวรณสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 729

๔๙. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๑] ๑. นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยธรรม อาศัยนีวรณวิปป-

ยุตตนีวรณิยธรรมเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณ-

วิปปยุตตนีวรณิยธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน

นีวรณวิปปยุตตนีวรณิยทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 730

๕๐. ปรามาสทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๒] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอสัญญสัตว์. มหาภูตรูป ฯลฯ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 731

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๖๓] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

ปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๖๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้ง

หลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๖๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 732

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๖๖] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี

๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 733

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๖๗] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ในน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจจัย มี ๓ วาระ ใน

โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๖๘] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๑ วาระ ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 734

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๖๙] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายและจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๓. ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๔. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 735

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ปรามาสธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม

และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยปรามาสธรรม และหทย-

วัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๗๐] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๕วาระ ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๕ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑

วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 736

ปัจจนียนัย

[๖๗๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ซึ่งเป็นอเหตุะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัยหทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๗๒] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ... ฯลฯ ในน

อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนปัจฉาชาต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย

มี ๑ วาระ ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมป-

ยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี

๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 737

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๗๓] เพราะปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง พึงกระทำอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๗๔] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 738

สังสัฏฐวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๕] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เจือกับปรามาสธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับปรามาสธรรม.

วาระ ๕ พึงกระทำอย่างนี้ เฉพาะในอรูปภูมิเท่านั้น.

สังสัฏฐวาระ ก็ดี สัมปยุตตวาระ ก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

สังสัฏฐวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 739

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๗๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ทั้งหลาย, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อธิปติปัจจัย.

๒. อารัมมณปัจจัย

[๖๗๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 740

คือ เพราะปรารภปรามาสธรรม ปรามาสธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เพราะปรารภปรามาสธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

ย่อมเกิดขึ้น

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วพิจารณา

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภทานเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.

ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค, พิจารณาผล,

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ

กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 741

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

เจโตปริยญาณ

อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญาย-

ตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่

เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนา-

คตังสญาณ แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ.

บุคคลพิจารณา จักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ

ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 742

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว ย่อม

ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรา-

มาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

๖. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ฯลฯ มี ๓ วาระ.

๓. อธิปติปัจจัย

[๖๗๘] ๑. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย

คือ เพราะกระทำปรามาสธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์ อย่างหนัก

แน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ พึงกระทำ อารัมมณาธิปติ อย่างเดียว

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 743

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว.

กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา,

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ นิพพานให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ฯลฯ.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก้มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์หนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ

เป็นต้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 744

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ.

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอธิปติปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถธรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทย-

วัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 745

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ปรามาสธรรม และ

สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

เพราะกระทำปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ปรามาสธรรม ฯลฯ มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

๔. อนันตรปัจจัย

[๖๗๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิด

หลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาส

ธรรม ที่เกิดหลังๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๓)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 746

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมที่เกิดหลัง ๆ

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่

ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย

อำนาจของอนันตรปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

คือ ปรามาสธรรม เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 747

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัย

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-

ปัจจัย.

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

ปรามาสธรรม ที่เกิดก่อน ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่ปรามาสธรรม ที่เกิดหลัง ๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อนันตรปัจจัย.

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสสยปัจจัย

๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของสมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ.

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๖๘๐] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 748

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-

ปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๒-๓)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ โทสะ โมหะ มานะ

ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติ

ให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่

ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 749

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

อุปนิสสยปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรมและธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ถือทิฏฐิ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ถือทิฏฐิ.

ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตต-

ขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

เป็นอุปนิสสยะ ทั้ง ๓

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ (วาระที่ ๗-๘-๙)

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 750

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๖๘๑] ๑. ธรรมที่ไม่ใช้ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขาตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่

กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรา-

มาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 751

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๖๘๒] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำปัจฉาชาตะ.

๑๒. อาเสวนปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 752

๑๓. กัมมปัจจัย

[๖๘๓] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของกัมมปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-

ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย

[๖๘๔] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 753

๑๕. อาหารปัจจัย ฯลฯ ๑๗. ฌานปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

๑๘. มัคคปัจจัย

[๖๘๕] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย

คือ องค์มรรคที่เป็นปรามาสธรรม ฯลฯ

มี ๕ วาระ พึงกระทำอย่างนี้.

๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๖๘๖] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 754

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ ที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของ

วิปปยุตตปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตต-

ปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๖๘๗] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 755

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

๒. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๓. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 756

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปราสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ปรามาสธรรม

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ฯลฯ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๕. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ

ขันธ์ ๒ ฯลฯ

ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 757

ปรามาสธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ปรามาสธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย

แก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง, สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ

กวฬีการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ ได้แก่

ปรามาสธรรม ที่เกิดภายหลัง และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๘๘] ในเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๙ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ ใน

นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 758

กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๓ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๓ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๖๘๙] ๑. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๓. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และ

ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็น

ปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม

ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 759

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

สหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๗. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๘. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจ

ของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.

๙. ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 760

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๐] ในนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๙ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๑] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตรปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ฯลฯ ในนมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ ใน

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย

มี ๓ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๖๙๒] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๕

วาระ.

ปรามาสทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 761

๕๑. ปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๓] ๑. ปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๒. ฯลฯ อาศัย ปรามัฏฐธรรม ฯลฯ

โลกิยทุกะ ในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำปรามัฏฐทุกะฉันนั้น

ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 762

๕๒. ปรามาสสัมปยุตตทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๖๙๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ

ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 763

ในปฏิสนธิขณะ หทยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย, ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย

หทยวัตถุ.

มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๖๙๕] ในเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๒ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๕ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ ในมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๕ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 764

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๖๙๖] ๑. ปรามาสวิปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.

๒. นอารัมมณปัจจัย

[๖๙๗] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะนอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 765

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๖๙๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย

มี ๓ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ

ในโนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๖๙๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ.

พึงนับอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 766

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ฯลฯ

ในอวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

แม้สหชาตวาระ ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 767

ปัจจยวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ เหมือนกับ ปฏิจจวาระ.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป, ขันธ์ทั้งหลาย

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๕. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยหทยวัตถุ, จิตต-

สมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 768

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๘. ปรามาสวิปปยุตตธรรม และปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

๙. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม อาศัยปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม

เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และ

หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

และมหาภูตรูปทั้งหลาย.

ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๒] ในเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 769

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๔ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ในกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ในวิปาก-

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ.

ปัจจนียนัย

๑. นเหตุปัจจัย

[๗๐๓] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม อาศัยปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒.

ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์.

จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ อาศัย

หทยวัตถุ.

โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์

ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทยวัตถุ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 770

ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญาปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี

๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๙

วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในฌาน

ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคต

ปัจจัย มี ๓ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๐๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ในน

อธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ

พึงนับอย่างนี้.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๐๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ... ใน

อวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ.

ปฏิจจวาระ จบ

นิสสยวาระ เหมือนกับ ปัจจยวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 771

สังสัฏฐวาระ

อนุโลม

๑. เหตุปัจจัย

[๗๐๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เจือกับปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๐๘] ในเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

ในปัจจัยทั้งปวง มี ๒ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

ปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๐๙] ในนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอาเสวน-

ปัจจัย มี ๒ วาระ ในนกัมมปัจจัยมี ๒ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ วาระ.

การนับทั้งสองวาระนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 772

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๑๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

พึงกระทำมูล. (วาระที่ ๒)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏ-

ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)

เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

วิปปยุตตธรรม, ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-

ยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 773

๒. อารัมมณปัจจัย

[๗๑๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งราคะ เพราะปรารภราคะ

นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ย่อมเกิดขึ้น.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสสัมป-

ยุตตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาล

ก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โดย

ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภ

ขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริย-

ญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 774

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว พิจารณา

กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลธรรมนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค พิจารณามรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ

พิจารณานิพพาน.

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่

อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน

ยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา

อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม ด้วยเจโตปริยญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 775

อากาสสานัญจาตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญ-

ญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ,

แก่เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่

อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์

ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

๓. อธิปติปัจจัย

[๗๑๒] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 776

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำราคะให้เป็นอารมณ์

อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำราคะนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ

ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามาสสัมปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้

เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-

รูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 777

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติ-

ปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ

ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศล

กรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา ย่อมยินดี ย่อมเพลิด

เพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่

เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง

หนักแน่น ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ

นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวหาร, แก่มรรค, แก่ผล,

ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 778

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี

ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น

ครั้นกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรา-

มาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ

ขันธ์ทั้งหลาลยที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้น

กระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะที่เป็นปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 779

๔. อนันตรปัจจัย

[๗๑๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจ

ของอนันตรปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ

ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น

ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม ที่เกิดหลัง ๆ

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตต-

ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 780

๕. สมนันตรปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย

๖. สหชาตปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย

[๗๑๔] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

๙. อุปนิสสยปัจจัย

[๗๑๕] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ โมหะ ฯลฯ ความปรารถนา

เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่โมหะ ฯลฯ แก่ความ

ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 781

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรมแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฯลฯ

บุคคลเข้าไปอาศัยโมหะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ฯลฯ ความ

ปรารถนาแล้ว ให้ทาน ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม โมหะ ความปรารถนา เป็นปัจจัย

แก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่โทสะ แก่โมหะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น

ก่อมานะ.

บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ฯลฯ ความปรารถนา

แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.

บุคคลเข้าไปอาศัยสุขทางกาย ฯลฯ เสนาะสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ

ทำลายสงฆ์.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 782

ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะ มานะ ความปรารถนา สุขทางกาย

ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่มานะ แก่ความ

ปรารถนา แก่สุขทางกาย ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ

ปกตูปนิสสยะ

ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

เพราะอาศัยศรัทธา ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

เพราะอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะ ความปรารถนา ศรัทธา ฯลฯ

เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม แก่ความปราถนา

ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

[๗๑๖] ๑. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

ฯลฯ แล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ

ที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 783

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตะ เป็น

ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่

จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย

แก่กายวิญญาณ.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุเรชาตะ

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ย่อมเกิดขึ้น.

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย

[๗๑๗] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 784

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

ฯลฯ

๑๒. อาเสวนปัจจัย

[๗๑๘] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย ๒ วาระ.

๑๓. กัมมปัจจัย

[๗๑๙] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 785

เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ฯลฯ

คือ เจตนาที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ

จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่

เจตนาที่เป็นปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ

กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 786

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.

๒๐. วิปปยุตตปัจจัย

[๗๒๐] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ

๓. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย.

๒๑. อัตถิปัจจัย

[๗๒๑] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 787

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๒. ปรามาสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-

สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิ-

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓

และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ

และ อินทริยะ ฯลฯ

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 788

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม

ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม และหทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่

ขันธ์ ๓ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒.

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ

และรวมกับ อินทริยะ

ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดพร้อมกัน และ

มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของ

อัตถิปัจจัย.

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และ

กวฬีการหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 789

ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรามาสสัมปยุตตธรรม ที่เกิดภายหลัง และรูป-

ชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในอนุโลม

[๗๒๒] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในสมนันตรปัจจัย

มี ๔ วาระ ในสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ

ในนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ ในอุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ ในปุเรชาตปัจจัย

มี ๒ วาระ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

ในกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ในอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ

ในอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ ในฌานปัจจัย มี ๔ วาระ ในมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ

ในสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ ในอัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในนัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ ในอวิคต-

ปัจจัย มี ๗ วาระ.

ปัจจนียนัย

การยกปัจจัยในปัจจนียะ

[๗๒๓] ๑. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 790

๒. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

กัมมปัจจัย.

๓. ปรามาสสัมปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย.

๔. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

วิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของสหชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย,

เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของ

ปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย, เป็นปัจจัย

ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

๕. ปรามาสวิปปยุตตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาส-

สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอุปนิสสยปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

๖. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสสัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 791

๗. ปรามาสสัมปยุตตธรรม และปรามาสวิปปยุตต-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสวิปปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของสหชาต-

ปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วย

อำนาจของอาหารปัจจัย, เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ

[๗๒๔] ในนเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย

มี ๕ วาระ ในนนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในปัจจัย-

ทั้งปวง มี ๗ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๗ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๗ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ ในโนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย

การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ

[๗๒๕] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ ในนสมนันตร-

ปัจจัย มี ๔ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 792

มี ๔ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี ๔ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ ใน

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย

มี ๔ วาระ ในโนวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ.

ปัจจนียานุโลมนัย

การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม

[๗๒๖] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ... ใน

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ พึงกระทำอนุโลมมาติกา ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย

มี ๗ วาระ.

ปรามาสสัมปยุตตทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 793

๕๓. ปรามาสปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๗] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย.

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยปรามาสธรรม.

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรมแต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ในปฏิสนธิขณะ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป.

๓. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น

เพราะเหตุปัจจัย

คือ ปรามาสธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายทั้งเป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่

ปรามาสธรรม.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 794

๔. ธรรมที่เป็นปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐาน แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม อาศัยธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓, ปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม

อาศัยธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม และธรรม

ที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ

ปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามัฏฐ-

ธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม และปรามาสธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒.

ฯลฯ

วาระทั้งหมดพึงกระทำเหมือนกับปรามาสทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 795

ปัญหาวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๒๘] ๑. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

๒. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่ปรามาสธรรม อำนาจของเหตุปัจจัย.

๓. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็น

ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และปรามาสธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป

ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 796

[๗๒๙] ๑. ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม ด้วย

อำนาจของอารัมมณปัจจัย

มี ๓ วาระ พึงกระทำว่าปรารภ เหมือนกับปรามาสทุกะ.

๔. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้ว

พิจารณากุศลธรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรม

นั้น ราคะ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

พระอริยะทั้งหลายพิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, กิเลสที่สะสม

แล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส

ย่อมเกิดขึ้น.

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพย์จักษุ ตลอดถึงอาวัชชนะ พึงกระทำทั้งหมด.

๕. ธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรม และปรามัฏฐธรรม

ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 797

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปรา-

มัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ

ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ

๖. ธรรมที่ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาส-

ธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งปรามาสธรรมและปรามัฏฐธรรม

และธรรมที่เป็นปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ

ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ

พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ

ออกจากฌาน ฯลฯ

บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น

ปรามัฏฐธรรม แต่ไม่ใช่ปรามาสธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม

และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

ทั้ง ๓ วาระแม้นอกนี้ พึงกระทำว่า เพราะปรารภ.

ทุกะนี้ เหมือนกับปรามาสทุกะ โลกุตตระไม่ได้ในที่ใด ก็ไม่พึง

กระทำในที่นั้น.

ปรามาสปรามัฏฐทุกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๔ - หน้าที่ 798

๕๔. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ

ปฏิจจวาระ

อนุโลมนัย

๑. เหตุปัจจัย

[๗๓๐] ๑. ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปรามาส-

วิปปยุตตปรามัฏฐธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

๒. ปรามาสวิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม อาศัยปรามาส-

วิปปยุตตอปรามัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

ฯลฯ

โลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะฉันใด พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน.

ปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐทุกะ จบ

อนุโลมทุกปัฏฐาน จบ