ความหมาย

สังขาร (บาลี: Saṅkhāra) มาจาก “สัง” = ร่วมกัน + “ขาระ” = ทำ/ประกอบ หมายถึง สิ่งที่เกิดจากองค์ประกอบหลายอย่างมาประกอบกัน หรือ สภาวะที่ถูกปรุงแต่งด้วยเหตุปัจจัย ไม่ได้เกิดลำพังตัวมันเอง

กฎของสังขาร

กฎของสังขาร (ตามอิทัปปัจจยตา)

  • - เพราะเป็นธรรมที่อาศัยเหตุหลายอย่างปรุงแต่งกันขึ้น
  • - เมื่อเหตุปัจจัยเหล่านี้มี สิ่งนี้จึงมี
  • - เพราะความเกิดขึ้นแห่งเหตุปัจจัยเหล่านี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
  • - เมื่อเหตุปัจจัยเหล่านี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
  • - เพราะความดับไปแห่งเหตุปัจจัยเหล่านี้ สิ่งนี้จึงดับไป

จึงกล่าวโดยย่อว่า “ของที่ปรุงแต่งทั้งหมด” คือสังขาร

ตัวอย่าง

ตัวอย่าง: การเกิดผัสสะทางตา (จักขุสัมผัส)

  • - ตา (จักขุ)
  • - รูป (สิ่งถูกรู้)
  • - วิญญาณตา (จักขุวิญญาณ)

    ผัสสะ (การกระทบรู้ทางตา)

    เวทนา (ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์)

นี่คือตัวอย่างของการเกิดขึ้นจากเหตุหลายปัจจัย ไม่ใช่เหตุเดียว

สัพเพ ธัมมา สังขาตา

พระพุทธองค์ตรัสว่า
“สัพเพ ธัมมา สังขาตา”
“ธรรมทั้งปวงเป็นของอาศัยเหตุปัจจัยประกอบกัน”
(ขุททกนิกาย ธัมมปท)

ไตรลักษณ์ของสังขาร

เพราะสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นจากการประกอบกันของเหตุปัจจัย จึงมีลักษณะดังนี้

  • - อนิจจัง : ไม่เที่ยง ไม่คงทนถาวร เพราะสิ่งที่อิงปัจจัยย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัย
  • - ทุกขัง : เป็นทุกข์ เพราะเมื่อสิ่งที่ไม่เที่ยงแตกสลาย ย่อมนำมาซึ่งความโศก เสียดาย ไม่อยากให้จากไป
  • - อนัตตา : ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตน ถ้าเป็นของเรา เราควรจะบังคับบัญชาให้คงอยู่ได้ แต่ความจริงไม่อาจทำได้

ข้อคิด

การเข้าใจ สังขาร อย่างถูกต้อง ทำให้เราเห็นความจริงว่า (พิจารณาให้เห็นสังขารตามความเป็นจริงว่า)

  • - ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง
  • - ไม่มีสิ่งใดเป็นของเราแท้จริง
  • - การยึดมั่นถือมั่นย่อมนำมาซึ่งทุกข์

การเรียนรู้เรื่องสังขารจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเจริญปัญญา และก้าวสู่การดับทุกข์

สรุป

เมื่อเข้าใจสังขารอย่างถูกต้อง เราจะเห็นกลไกแห่งการเกิดและดับของทุกสิ่ง และรู้ว่า — ถ้าไม่อยากให้สิ่งใดเกิดขึ้น ก็เพียงดับเหตุของมัน ถ้าอยากให้สิ่งใดงอกงาม ก็เพียงสร้างเหตุแห่งสิ่งนั้น