ไปหน้าแรก

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1

พระอภิธรรมปิฎก

เล่มที่ ๕

ยมก ภาคที่ ๑ ตอนที่ ๑

ขอนอบน้อมแด่

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น

มูลยมกที่ ๑

อุทเทสวาระในกุสลบท

มูลนยะที่ ๑

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

ชื่อว่ากุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ากุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมดเป็นกุศล ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล ใช่ไหม?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 2

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล มีอยู่

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม.

๓. อัญญมัญญมูลกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล มีอยู่

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับกุศลมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

มูลมูลนยะที่ ๒

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่. ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด ชื่อว่ามูลที่เป็นกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เป็นกุศลมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับกุศล

มูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 3

๓. อัญญมัญญมูลกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

กุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่

กันและกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

กับกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

มูลกนยะที่ ๓

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลที่เป็นกุศล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นกุศล มีอยู่ ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 4

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล มีอยู่

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลแก่กันและกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลแก่กันและกันกับกุศลมูล มีอยู่.

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

มูลมูลกนยะที่ ๔

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลที่เป็นกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับกุศล

มูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 5

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

กุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กัน

และกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับ

กุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

กุสลบท จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 6

[๒] อุทเทสวาระในอกุสลบท

มูลนยะที่ ๑

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด ชื่อว่าอกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าอกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับอกุศลมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ? 1

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 7

มูลมูลนยะที่ ๒

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่ ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เป็นอกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เป็นอกุศลมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่

กันและกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

กับอกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 8

มูลกนยะที่ ๓

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอกุศล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่ ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นอันเดียวกันกับอกุ-

ศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและ

กันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือ ว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 9

มูลมูลกนยะที่ ๔

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เป็นอกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นอกุศลมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กัน

และกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

อกุสลบท จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 10

[๓] อุทเทสวาระในอัพยากตบท

มูลนยะที่ ๑

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่าอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าอัพยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล มี

อยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

๓ อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าโดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับอัพยากตมูล

ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับอัพยากต-

มูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 11

มูลมูลนยะที่ ๒

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เป็นอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เป็นอัพยากตมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอัพ-

ยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อัพยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูล

แก่กันและกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

กับอัพยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 12

มูลกนยะที่ ๓

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลทาเป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่า

นั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล มี

อยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล มี

อยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลแก่กันและกันกับอัพยากตมูล ใช่

ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลแก่กันและกันกับอัพยากตมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 13

มูลมูลกนยะที่ ๔

๑. มูลนยะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เป็นอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นอัพยากตมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอัพยากตะ ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอัพ-

ยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

๓ อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อัพยาตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กัน

และกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับ

อัพยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ. ใช่ไหม ?

อัพยากตบท จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 14

[๔] อุทเทสวาระในนามบท

มูลนยะที่ ๑

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่านามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่านามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล มี

อยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับนามมูล

ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับนามมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 15

มูลมูลนยะที่ ๒

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด ชื่อว่ามูลที่เป็นนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เป็นนามมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่ ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับนาม

มูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญญมูลนยะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

นามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูล

แก่กันและกันนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

กับนามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 16

มูลกนยะที่ ๓

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลที่เป็นนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นนามมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลแก่กันและกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลแก่กันและกันกับนามมูล มิอยู่.

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 17

มูลมูลกนยะที่ ๔

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

มีมูลที่เป็นนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นนามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่า

นั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

นามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

นามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กัน

และกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับ

นามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีนาม ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 18

[๕] ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่า

นั้นทั้งหมด เป็นกุศลเหตุ ใช่ไหม ?

....................เป็นกุศลนิทาน ใช่ไหม ?

....................เป็นกุศลสัมภวะ ใช่ไหม ?

....................เป็นกุศลปภวะ ใช่ไหม ?

....................เป็นกุศลสมุฏฐาน ใช่ไหม ?

....................เป็นกุศลาหาร ใช่ไหม ?

....................เป็นกุศลารัมมณะ ใช่ไหม ?

....................เป็นกุศลปัจจัย ใช่ไหม ?

....................เป็นกุศลสมุทัย ใช่ไหม ?

พระธรรมสังคาหกาจารย์ได้ประพันธ์ไว้เป็นคาถาว่า :-

มูล, เหตุ, นิทาน, สัมภวะ และปภวะ, สมุฏฐาน,

อาหาร, อารัมมณะ, ปัจจัย, และสมุทัย.

อุทเทสวาระ จบ

๑. คำเหล่านี้เป็น ไวพจน์ แก่กันและกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 18ก

ยมกปฺปกรณฏฺกถา

(อรรถกถาแห่งปกรณ์ยมก )

อารมฺภกถา

สงฺเขเปเนว เทวาน เทวเทโว สุราลเย

กถาตฺถุปฺปกรณ เทสยิตฺวา รณญฺชโห ฯ

ยมสฺส วีสยาตีโต นานายมกมณฺฑิต

อภิธมฺมปฺปกรณ อฏฺ ฉฏฺานเทสโก ฯ

ยมก อยมสวฏฺฏ- นีลามลตนูรุโห

ย เทสยิ อนุปฺปตฺโต ตสฺส สวณฺณนากฺกโม

อิทานิ ยสฺมา ตสฺมาสฺส โหติ สวณฺณนา อย ฯ

พระสัมมาสัมพุทธะ ผู้เป็นวิสุทธิเทพ ผู้ประหาณกิเลสอันเป็น

เหตุยังสัตว์ให้ร้องไห้อยู่ในภพน้อยใหญ่ ครั้นทรงแสดงกถาวัตถุปกรณ์

โดยสังเขป แก่ทวยเทพทั้งหลายในสุราลัยเทวโลกแล้ว พระองค์ผู้ก้าว

พ้นเขตแดน ( วิสัย ) ของพระยายม เป็นผู้ไม่มีมลทินเกิดในพระองค์

อันจะหมุนมาสู่วัฏฏะอีก ผู้แสดงธรรมเครื่องประหาณกิเลส ได้ทรง

แสดงอภิธรรมปกรณ์ ชื่อว่า ยมก ซึ้งเป็นปกรณ์ที่ ๖ ประดับด้วย

นานายมกไว้แล้ว บัดนี้ ลำดับการสังวรรณนาแห่งปกรณ์นั้น ถึงพร้อม

แล้ว เพราะฉะนั้น การสังวรรณนาจะมีต่อไป.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 18ข

อรรถกถามูลยมก

วรรณนาอุทเทสวาระ

ก็ปกรณ์นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสจำแนกไว้แล้ว ๑๐ อย่าง ด้วย

อำนาจของยมก ๑๐ อย่าง คือ มูลยมก ขันธยมก อายตนยมก

ธาตุยมก สัจจยมก สังขารยมก อนุสยยมก จิตตยมก ธรรมยมก

และ อินทริยยมก พึงทราบอรรถแห่งยมก ๑๐ อย่างเหล่านี้ของ

ปกรณ์นี้อย่างนี้

ถามว่า ชื่อว่า ยมก เพราะอรรถว่ากระไร ?

ตอบว่า เพราะอรรถว่า เป็นคู่กัน

จริงอยู่ คำว่า คู่กัน ท่านเรียกว่า ยมก เหมือนกับที่ท่าน

กล่าวไว้ว่า ยมกปาฏิหาริย์ = ปาฏิหาริย์คู่ ยมกสาลา = ไม้สาละ

คู่ เป็นต้น

ในยมกทั้ง ๑๐ อย่างนี้ ยมกหนึ่งๆ ชื่อว่า คู่ เพราะแสดงไว้

ด้วยอำนาจของยมกทั้งหลาย คือ คู่ ด้วยประการฉะนี้ ปกรณ์นี้ทั้งหมด

พึงทราบว่า ชื่อว่า ยมก เพราะรวบรวมคู่ทั้งหลายเหล่านี้ไว้

ยมกแรกแห่งยมก ๑๐ อย่าง เรียกว่า มูลยมก เพราะในมูล-

ยมกนั้นพระพุทธองค์ทรงกระทำการถามและตอบด้วยอำนาจแห่งมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 18ค

มูลยมกนั้น มี ๒ วาระ คือ อุทเทสวาระ และนิทเทสวาระ

ใน ๒ วาระนั้น อุทเทสวาระ เป็นวาระแรกทรงยกขึ้นแล้วนำออกแสดง

ไปตามลำดับ

ยมกนี้ว่า เยเกจิ กุสลา ธมฺมา สพฺเพ เต กุสลมูลา

เย วา ปน กุสลมูลา สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลา เป็นยมกต้น

(คู่แรก ) ของมูลยมกนั้น

พึงทราบความเป็นคู่กัน ( ความเป็นยมก ) แห่งอุทเทสวาระนั้น

ด้วยวิธี ๓ อย่าง คือ อรรถยมก ท่านแสดงด้วยอำนาจแห่งเนื้อความ

๒ อย่าง คือ กุศลและอกุศลอย่างหนึ่ง ธรรมยมก ท่านแสดงด้วย

อำนาจของธรรมที่เป็นแบบแผนที่ดำเนินไปโดยอนุโลม ( ตามลำดับ )

และปฏิโลม ท่านลำดับ ของเนื้อความเหล่านั้นอย่างหนึ่ง อีกอย่าง

หนึ่ง ท่านแสดง ปุจฉายมก ด้วยอำนาจของคำถามที่ดำเนินไปโดย

อนุโลมและปฏิโลม ยมกทั้งหลายที่เหลือก็มีนัยนี้เหมือนกัน

บัดนี้ พึงทราบการกำหนดพระบาลี ด้วยอำนาจแห่งประเภท

ของวาระมี นัย ยมก ปุจฉา และ อรรถ แห่งอุทเทสวาระในมูล-

ยมกนี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้วด้วยยมกทั้งหลายเหล่านี้

อย่างนี้

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 18ง

นัย ๔ อย่างเหล่านี้ คือ มูลนัย มูลมูลนัย มูลกนัย มูล-

มูลนัย มีอยู่ เพราะอาศัยบทที่เป็นเบื้องต้นนี้ว่า กุสลา ธมฺมา

แห่งกุสลติกมาติกา

ในนัย ๔ อย่างเหล่านี้ นัยหนึ่ง ๆ มียมก ๓ อย่าง คือ มูลยมก

เอกมูลยมก อัญญมัญญมูลยมก จึงเป็นยมก ๑๒ อย่าง

ในยมกหนึ่งๆ มีปุจฉา ๒ อย่างด้วยอำนาจ อนุโลม และ

ปฏิโลม จึงเป็นปุจฉา ๒๔

ในปุจฉาหนึ่ง ๆ มีอรรถ ๒ อย่างด้วยอำนาจ สันนิฏฐาน

( บทตั้ง ) และ สังสยะ ( บทถามหรือบทสงสัย ) จึงเป็นอรรถ ๔๘

พึงทราบอรรถแห่งสันนิฏฐานในบทนี้ว่า เยเกจิ กุสลา

ธมฺมา = ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล (มีอยู่ ) เพราะความ

ไม่มีความสงสัยในกุศลทั้งหลายว่าเป็นกุศลหรือไม่เป็นกุศล

พึงทราบอรรถแห่งสังสยะในบทนี้ว่า สพฺเพ เต กุสลมูลา =

กุศลเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลมูลหรือ เพราะการถามด้วยอำนาจ

ความสงสัยอย่างนี้ว่า กุศลเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุลมูลหรือไม่เป็นกุศล

มูล ก็เนื้อความนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วเพื่อแสดงความสงสัยใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 18จ

ที่เป็นที่สงสัยของเวไนยสัตว์ทั้งหลาย แต่ว่า ชื่อว่าความสงสัยย่อมไม่มี

แก่พระตถาคต ในบทปุจฉาแม้เหล่าอื่นจากบทนี้ก็มีนัยนี้เหมือนกัน

บัณฑิตพึงทราบว่า ก็บททั้งหลาย ๔ แม้ทั้งปวงที่ท่านกล่าว

แล้วด้วยนัย ๑๖ ยมก ๔๘ ปุจฉา ๙๖ อรรถ ๑๙๒ ด้วยสามารถ

แห่งอุทเทสในกุศลติกมาติกาตากาว่า ก็นัย เหล่านี้ย่อมมีเพราะอาศัยกุศล

บท ยมก ๑๒ ย่อมมีด้วยอำนาจแห่งยมก ๓ อย่างในนัย ๆ หนึ่ง

ปุจฉา ๒๔ ย่อมมีด้วยอำนาจปุจฉา ๒ อย่างในยมกหนึ่ง ๆ อรรถ ๔๘

ย่อมมีด้วยสามารถแห่งอรรถ ๒ อย่างในปุจฉาหนึ่ง ดังนี้ฉันใด นัย ๔

อย่างเหล่านี้ก็ย่อมมีเพราะอาศัยอกุศลบทบ้าง เพราะอาศัยอัพยากตบท

บ้าง เหมือนกันฉันนั้น เพราะอาศัยซึ่งบท จึงชื่อว่านำออกแสดงแล้ว

เพรากระทำบททั้ง ๓ ให้เป็นอันเดียวกันบ้าง

เบื้องหน้าแต่นี้ วาระ ๙ อย่าง มีวาระว่า เยเกจิ กุสลา

ธมฺมา สพฺเพ เต กุสลเหตุ = ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นกุศล

มีอยู่ ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลเหตุหรือ ดังนี้เป็นต้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยกขึ้นแสดงแล้วด้วยอำนาจไวพจน์แห่งมูลวาระ

นั้นวาระแม้ทั้งหมด ๑๐ วาระ คือ มูลวาระ เหตุวาระ นิทานวาระ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 18ฉ

สัมภววาระ ปภววาระ สมุฏฐานวาระ อาหารวาระ อาลัมพณวาระ

ปัจจยวาระ สมุทยวาระ ย่อมมีด้วยประการฉะนี้

นัย ๑๖๐ ยมก ๔๘๐ ปุจฉา ๙๖๐ อรรถ ๑๙๒๐ พึงทราบ

ว่าท่านยกขึ้นแสดงไว้แล้วในวาระทั้ง ๑๐ แม้ทั้งหมดว่า พึงทราบวาระ

ทั้งหลายมีนัยเป็นต้น ในบทที่เหลือด้วยการกำหนดบทที่มาแล้วในมูล

วาระนั้น บัณฑิตพึงทราบการกำหนดพระบาลีด้วยสามารถประเภทแห่ง

วาระมี นัย ยมก ปุจฉา และ อรรถ ในอุทเทสวาระอย่างนี้ก่อน

พระคาถาที่ว่า มูล เหตุ นิทาน จ ดังนี้เป็นต้น ชื่อว่า

อุทานคาถา ของวาระทั้งหลาย ๑๐ คำทั้งหลายมีคำว่า มูล เป็นต้น

แม้ทั้งหมดในคาถานั้น เป็นไวพจน์ของ เหตุ ( การณะ) นั่นแหละ

ก็เหตุ ชื่อว่า มูล เพราะอรรถว่าตั้งไว้เฉพาะ

ธรรมชาติใดย่อมไป คือ ย่อมเป็นไป เพื่อยังผลของตนให้

สำเร็จ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า เหตุ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 18ช

ธรรมชาติใดย่อมให้ซึ่งผลของตน ราวกะแสดงอยู่ว่า เชิญท่าน

ถือเอาซึ่งผลนั้น เหตุนั้นธรรมชาตินั้น ชื่อว่า นิทาน

ผลย่อมเกิดพร้อมจากธรรมใด เหตุนั้นธรรมนั้น ชื่อว่า สัมภวะ

ผลย่อมเกิดทั่วจากธรรมใด เหตุนั้นธรรมนั้น ชื่อว่า ปภวะ

ผลย่อมตั้งขึ้นในธรรมนี้ หรือว่า ย่อมตั้งขึ้นด้วยธรรมนี้ เหตุนี้

ธรรมนี้ชื่อว่า สมุฏฐาน

ธรรมใดย่อมนำมาซึ่งผลของตน เหตุนั้นธรรมนั้น ชื่อว่า

อาหาร

ธรรมใดอันผลของตนย่อมยึดไว้ เพราะอรรถว่าไม่พึงถูกปฏิเสธ

(ด้วยผลของตน ) เหตุนั้นธรรมนั้น ชื่อว่า อาลัมพณะ ( หรือ

อารัมมณะ )

ผลอาศัยธรรมนั้น คือไม่ปฏิเสธ ( ธรรมนั้น ) ย่อมเกิด

คือย่อมเป็นไป เหตุนั้นธรรมนั้น ชื่อว่า ปัจจัย

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 18ซ

ผลย่อมเกิดแต่ธรรมนี้ เหตุนั้นธรรมนั้น ชื่อว่า สมุทัย

บัณฑิตพึงทราบเนื้อความแห่งคำ แห่งบททั้งหลาย เหล่านั้น

อย่างนี้ ด้วยประการฉะนี้.

วรรณนาอุทเทสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 19

[๖] มูลวารนิทเทสในกุสลบท

มูลนยะที่ ๑

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล, มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่ากุศลมูล ใช่ไหม ?

มูลมี ๓ เท่านั้น ชื่อว่ากุศลมูล, กุศลธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่ากุศลมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ากุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล แต่

ไม่ใช่เป็นกุศล, กุศลธรรมมีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูลด้วย เป็น

กุศลด้วย.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 20

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

กุศลมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน กุศลมูลเหล่านั้นมีมูลเป็น

อันเดียวกันด้วย ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันด้วย, ธรรมที่เกิดพร้อม

กันกับกุศลที่เหลือนอกนั้น มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่ชื่อว่า

เป็นมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับกุศลมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศลมูล ใช่ไหม ?

ใช่.

[ ๗ ] มูลมูลนยะที่ ๒

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

ชื่อว่ามูลที่เป็นกุศลมูล ใช่ไหม ?

มูลมี ๓ เท่านั้น ชื่อว่ามูลที่เป็นกุศลมูล, กุศลธรรมที่เหลือ

นอกนั้น ไม่ชื่อว่ามูลที่เป็นกุศลมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เป็นกุศลมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้น ทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 21

๒. เอกามูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับกุศล

มูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

กุศลมูลแต่ไม่ใช่เป็นกุศล กุศลธรรมมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกัน

กับกุศลมูลด้วย เป็นกุศลด้วย

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

กุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่

กันและกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

กุศลมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน กุศลมูลเหล่านั้น มีมูลที่

เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันด้วย ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

ด้วย, ธรรมที่เกิดพร้อมกับกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลที่เรียกว่า

เป็นมูลอันเดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กัน

และกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 22

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

กับกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

[ ๘] มูลกนยะที่ ๓

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

มีมูลที่เป็นกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นกุศล มีอยู่. ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลที่เป็นกุศล แต่ไม่ใช่เป็นกุศล,

กุศลธรรมมีมูลที่เป็นกุศลด้วย เป็นกุศลด้วย.

๒. เอกมูลนทกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 23

รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล แต่

ไม่ใช่เป็นกุศล, กุศลธรรมมีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูลด้วย เป็น

กุศลด้วย.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลแก่กันและกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

กุศลมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน กุศลมูลเหล่านั้นมีมูลเป็น

อันเดียวกันด้วย มีมูลแก่กันและกันด้วย. ธรรมที่เกิดพร้อมกับกุศลมูล

ที่เหลือนอกนั้น มีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูล

แก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลแก่กันและกันกับกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศลมูล ใช่ไหม ?

ใช่.

[๙] มูลมูลกนยะที่ ๔

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลที่กุศลมูล ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 24

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นกุศลมูล มีอยู่ ธรรมเหล่า

นั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

รูปที่มีกุศลเป็นสมุฎฐาน มีมูลที่เป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่เป็กุศล

กุศลธรรมมีมูลที่เป็นกุศลมูลด้วย เป็นกุศลด้วย.

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกบกุศลมูล ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศลมูล ใช่ไหม ?

รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

กุศลมูล แต่ไม่ใช่เป็นกุศล กุศลธรรมมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียว

กันกับกุศลมูลด้วย เป็นกุศลด้วย,

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

กุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กัน

และกันกับกุศลมูล ใช่ไหม ?

กุศลมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน กุศลมูลเหล่านั้น มีมูลที่

เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันด้วย มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันด้วย,

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 25

ธรรมที่เกิดพร้อมกับกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอัน

เดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับ

กุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 26

[๑๐] มูลวารนิทเทสในอกุสลบท

มูลนยะที่ ๑

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่าอกุศลมูล ใช่ไหม ?

มูลมี ๓ เท่านั้น ชื่อว่าอกุศลมูล อกุศลธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่ากุศลมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าอกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล

อกุศลที่เป็นสาเหตุกะ มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 27

รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล

แต่ไม่ใช่เป็นอกุศล อกุศลธรรมมีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูลด้วย

เป็นอกุศลด้วย.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

อกุศลมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน อกุศลมูลเหล่านั้น มีมูล

เป็นอันเดียวกันด้วย ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันด้วย, ธรรมที่เกิด

พร้อมกันกับอกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล

ไม่ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับอกุศลมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๑] มูลมูลนยะที่ ๒

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เป็นอกุศลมูล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 28

มูลมี ๓ เท่านั้น ชื่อว่ามูลที่เป็นอกุศลมูล,อกุศลธรรม

นอนนั้น ไม่ชื่อว่ามูลที่เป็นอกุศลมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เป็นอกุศลมูล มีอยู่ ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียวว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล, อกุศลที่เป็นสเหตุกะ มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

รูปที่มีอกุศลที่เป็นสมุฏฐาน มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกัน

อกุศลมูล แต่ไม่ใช่อกุศล, อกุศลธรรมมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกัน

กับอกุศลมูลด้วย เป็นอกุศลด้วย.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 29

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่

กันและกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

อกุศลมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน อกุศลมูลเหล่านั้น มีมูล

ทีเรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันด้วย ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและ

กันด้วย ธรรมที่เกิดพร้อมกันกับอกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลที่เรียก

ว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอกุศลมูล แต่ไม่ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่

กันและกัน

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

กับอกุศลมูล. มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

[ ๑๒] มูลกนยะที่ ๓

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้ง

หมด มีมูลที่เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

อกุศลที่เป็นอเหตุกะไม่มีมูลที่เป็นอกุศล อกุศลที่เป็นสาเหตุกะ

มีมูลที่เป็นอกุศล ( อกุสลมูลก )

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 30

รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นอกุศลมูล แต่ไม่ใช่เป็น

อกุศล, อกุศลธรรมมีมูลที่เป็นอกุศลมูลด้วย เป็นอกุศลด้วย.

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ? (เอกมูลมูล ๓ )

อกุศลที่เป็นอเหตุกะไม่มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอกุศล

มูล, อกุศลที่เป็นสเหตุกะมีมูลที่เรียกว่าเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล แต่ไม่ใช่เป็นอกุศล, อกุศลธรรมมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอัน

เดียวกันกับอกุศลมูลด้วย เป็นอกุศลด้วย.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและ

กันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ?

อกุศลมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน อกุศลมูลเหล่านั้นมีมูล

ที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันด้วย มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 31

ด้วย, ธรรมที่เกิดพร้อมกับอกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลที่เรียกว่าเป็น

มูลอันเดียวกันกับอกุศลมูล แต่ไม่มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกับ

อกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๓] มูลมูลกนยะที่ ๔

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

มีมูลที่เป็นอกุศลมูล ใช่ไหม ?

อกุศลที่เป็นอเหตุกะไม่มีมูลที่เป็นอกุศลมูล, อกุศลที่เป็นสาเหตุกะ

มีมูลที่เป็นอกุศลมูล ( อกุสลมูลมูลก)

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอกุศลมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลเป็นอกุศลมูล แต่ไม่ใช่เป็นอกุศล,

อกุศลธรรมมีมูลที่เป็นอกุศลมูลด้วย เป็นอกุศลด้วย.

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล ใช่ไหม ? ( เอกมูลกา )

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 32

อกุศลที่เป็นอเหตุกะไม่มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล, อกุศล

ที่เป็นสเหตุกะมีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศลมูล ใช่ไหม ?

รูปที่มีอกุศลเป็นสมูฏฐาน มีเป็นมูลอันเดียวกันกับอกุศลมูล

แต่ไม่ใช่เป็นอกุศล อกุศลธรรมมีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมลด้วย

เป็นอกุศลด้วย.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลแก่กันและกันกับอกุศล ใช่ไหม ?

อกุศลมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน อกุศลมูลเหล่านั้นมีมูล

เป็นอันเดียวกันด้วย มีมูลแก่กันและกันด้วย, ธรรมที่เกิดพร้อมกับอกุศล

มูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลแก่

กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใดมีมูลแก่กันและกันกับอกุศลมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 33

[๑๔] มูลวารนิทเทสในอัพยากตบท

มูลนยะที่ ๑

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่าอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

มูลที่เป็นอัพยากตกะมี ๓ เท่านั้น ชื่อว่าอัพยากตมูล อัพยากต-

ธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ชื่อว่าอัพยากตมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าอัพยากตมูล มีอยู่. ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

ใช่.

๒. เอกมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

อัพยากตะที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล,

อัพยากตะที่เป็นสเหตุกะ มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 34

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับอัพยากตมูล

ใช่ไหม ?

อัพยากตมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน อัพยากตมูลเหล่านั้น

มีมูลเป็นอันเดียวกันด้วย ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันด้วย, ธรรมที่เกิด

พร้อมกันกับอัพยากตมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยา-

กตมูล แต่ไม่ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับอัพยากต

มูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากต ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๕] มูลมูลนยะที่ ๒

๑. มูลยมกะ :-

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เป็นอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

มูลที่เป็นอัพยาตมูลมี ๓ เท่านั้น ชื่อว่ามูลที่เป็นอัพยากตมูล,

อัพยากตธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ชื่อว่ามูลที่เป็นอัพยากตมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เป็นอัพยากตมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 35

๒. เอกมูลยมกะ :- (เอกมูลมูลา )

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

อัพยากตะที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกัน

กับอัพยากตมูล, อัพยากตะที่เป็นสเหตุกะมีมูลเป็นอันเดียวกันกับ

อัพยากตมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อัพยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะใช่ไหม ?

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :- (อญฺญมญฺมูลมูลา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อัพยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูล

แก่กันและกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

อัพยากตมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน อัพยากดมูลเหล่านั้น

มีมูลที่เรียกว่าเป็นอันเดียวกันด้วย ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและ

กันด้วย, ธรรมที่เกิดพร้อมกันกับอัพยากตมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลที่

เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอัพยากตมูล แต่ไม่ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็น

มูลแก่กันและกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 36

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

กับอัพยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๖ ] มูลกนยะที่ ๓

๑. มูลยมกะ (มูลกา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

อัพยากตะที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลที่เป็นอัพยากตะ, อัพยากตะที่

เป็นสเหตุกะ มีมูลที่เป็นอัพยากตะ.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นอัพยากตะ มีอย่, ธรรมเหล่า

นั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

ใช่.

๒. เอกมูลยมกะ :- ( เอกมูลกา )

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตะมูล ใช่ไหม ?

อัพยากตะที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล,

อัพยากตะที่เป็นสเหตุกะ มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล มีอยู่

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 37

ใช่.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ :- (อญฺมญฺมูลมูลกา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกับอัพยากตมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลแก่กันและกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

อัพยากตมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน อัพยากตมูลเหล่านั้น

มีมูลเป็นอันเดียวกันด้วย มีมูลแก่กันและกันด้วย, ธรรมที่เกิดพร้อมกัน

กับอัพยากตมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล แต่

ไม่ใช่มีมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใดมีมูลแก่กันและกันกับอัพยากตมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๗ ] มูลมูลกนยะที่ ๔

๑. มูลยมกะ (มูลมูลกา )

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะมีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เป็นอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

อัพยากตะที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลที่เป็นอัพยากตมูล, อัพยากตะ

ที่เป็นสเหตุกะ มีมูลที่เป็นอัพยากตมูล.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 38

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เป็นอัพยากตะมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

๒. เอกมูลยมกะ (เอกมูลมูลกา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นอัพยากตะ มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

อัพยากตธรรมที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียว

กันกับอัพยากตะมูล, อัพยากตะที่เป็นสาเหตุกะ มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูล

ใช่.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ (อญฺมญฺมูลมูลกา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

อัพยากตมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่

กันและกันกับอัพยากตมูล ใช่ไหม ?

อัพยากตมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน อัพยากตมูลเหล่านั้น

มีมูลที่เรียวกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอัพยากตมูลด้วย มีมูลที่เรียกว่าเป็น

มูลแก่กันและกันด้วย, ธรรมที่เกิดร่วมกับอัพยากตมูลที่เหลือนอกนั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 39

มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับอัพยากตมูล แต่ไม่ใช่มีมูลที่เรียกว่า

เป็นมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับ

อัพยากตมูล. มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากตะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 40

มูลวารนิทเทสในนามบท

[ ๑๘ ] มูลนยะที่ ๑

๑. มูลยมกะ ( มูลา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่านามมูล ใช่ไหม ?

มูลมี ๙ เท่านั้น ชื่อว่านามมูล, นามธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่านามมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่านามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

ใช่.

๒. เอกมูลยมกะ ( เอกมูลา )

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

นามธรรมที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล,

นามธรรมที่เป็นสเหตุกะ มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล.

๑. กุศลมูล ๓, อกุศลมูล ๓, อัพยากตมูล ๓ รวมเป็น ๙.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 41

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล มีอยู่,

ธรรมเหลานั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล แต่

ไม่ใช่นามมูล, นามธรรม มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูลด้วย เป็น

นามด้วย.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ (อญฺมญฺมูลา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

นามมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน นามมูลเหล่านั้น มีมูล

เป็นอันเดียวกันด้วย ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันด้วย, ธรรมที่เกิดพร้อม

กับนามมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล แต่ไม่ชื่อว่า

เป็นมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับนามมูล

มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๙] มูลมูลนยะที่ ๒

๑. มูลยมกะ (มูลมูลา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เป็นนามมูล ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 42

มูล ๙ เท่านั้น ชื่อว่ามูลที่เป็นนามมูล, นามธรรมที่เหลือ

นอกนั้นไม่ชื่อว่ามูลที่เป็นนามมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เป็นนามมูล มีอยู่, ธรรม

เหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

ใช่.

๒. เอกมูลยมกะ ( เอกมูลมูลา )

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

นามธรรมที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกัน

กับนามมูล นามธรรมที่เป็นสเหตุกะ มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียว

กันกับนามมูล.

ก็หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับนาม

มูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

รูปที่เป็นนามสมุฏฐาน มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

นามมูล แต่ไม่ใช่เป็นนาม, นามธรรมมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกัน

กับนามมูลด้วย เป็นนามด้วย.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ. (อญฺมญฺมูลมูลา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

นามมูล มีอยู่ ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กัน

และกัน ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 43

นามมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน นามมูลเหล่านั้น มีมูลที่

เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันด้วย ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

ด้วย, ธรรมที่เกิดพร้อมกันกับนามมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลที่เรียกว่า

เป็นมูลอันเดียวกันกับนามมูล แต่ไม่ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กัน

และกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด ชื่อว่ามูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

กับนามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

ใช่.

[๒๐] มูลกนยะที่ ๓

๑. มูลยมกะ ( มูลกา )

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด มีนามมูล ใช่ไหม ?

นามธรรมที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีนามมูล, นามธรรมที่เป็นสเหตุกะ

มีนามมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใดมีนามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

เป็นนาม ใช่ไหม ?

รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีนามมูล แต่ไม่ใช่เป็นนาม, นาม

ธรรมมีนามมูลด้วย เป็นนามด้วย.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 44

๒. เอกมูลยมกะ ( เอกมูลกา )

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เป็นนามมีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

นามธรรมที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล

นามธรรมที่เป็นสเหตุกะ มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล แต่

ไม่ใช่นาม, นามธรรม มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูลด้วย เป็น

นามด้วย.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ (อญฺมญฺมูลกา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลแก่กันและกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

นามมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน นามมูลเหล่านั้น มีมูล

เป็นอันเดียวกันด้วย มีมูลแก่กันและกันด้วย, ธรรมที่เกิดพร้อมกันกับ

นามมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล แต่ไม่ใช่มีมูล

ที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด มีมูลแก่กันและกันกับนามมูล มีอยู่,

ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 45

[๒๑] มูลมูลกนยะที่ ๔

๑. มูลยมกะ ( มูลมูลกา)

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

มีมูลที่เป็นนามมูล ใช่ไหม ?

นามธรรมที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลที่เป็นนามมูล, นามธรรม

ที่เป็นสเหตุกะมีมูลที่เป็นนามมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นนามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลที่เป็นนามมูล แต่ไม่ใช่เป็นนาม,

นามธรรมมีมูลที่เป็นนามมูลด้วย เป็นนามด้วย.

๒. เอกมูลยมกะ ( เอกมูลมูลกา )

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับนามมูล ใช่ไหม ?

นามธรรมที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกัน

กับนามมูล, นามธรรมที่เป็นสเหตุกะ มีมูลทีเรียกว่าเป็นมูลอันเดียว

กันกับนามมูล.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใดมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับนาม

มูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 46

รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับ

นามมูล แต่ไม่เป็นนาม, นามธรรม มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียว

กันกับนามมูลด้วย เป็นนามด้วย.

๓. อัญญมัญญมูลยมกะ ( อญฺมฺมูลมูลกา )

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันกับนาม

มูลมีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน

กับนามมูล ใช่ไหม ?

นามมูลเหล่าใดเกิดขึ้นคราวเดียวกัน นามมูลเหล่านั้นมีมูลที่

เรียกว่าเป็นมูลอันเดียวกันด้วย มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันด้วย,

ธรรมที่เกิดพร้อมกันกับนามมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูล

อันเดียวกันกับนามมูล แต่ไม่มีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกัน.

ก็หรือว่าธรรมเหล่าใดมีมูลที่เรียกว่าเป็นมูลแก่กันและกันกับ

นามมูล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 47

เหตุวาราทินิทเทส

[ ๒๒ ] ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นกุศล มีอยู่, ธรรมเหล่านั้น

ทั้งหมด ชื่อว่า กุศลเหตุ,... กุศลนิทาน,...กุศลสัมภวะ,...กุศล

ปภวะ,...กุศลสมุฏฐาน,...กุศลาหาร,...กุศลารัมมณะ,...กุศลปัจ-

จัย,...กุศลสมุทัย.

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นอกุศล มีอยู่,....

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นอัพยากตะ มีอยู่,....

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นนาม มีอยู่, ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด

เป็นนามเหตุ,...นามนิทาน,...นามสัมภวะ,...นามปภวะ,...นาม

สมุฏฐาน,...นามาหาร,...นามารัมมณะ,...นามปัจจัย,...นามสมุทัย.

มูลยมก มีวาระ ๑๐ คือ :-

มูลวาระ, เหตุวาระ, นิทานวาระ, สัม-

ภววาระ, ปภววาระ, สมุฏฐานวาระ, อาหารวาระ,

อารัมมณวาระ, ปัจจยวาระ, สมุทยวาระ.

มูลยมก จบ

๑. พึงทำ นยะ ๔, ยมกะ ๓, อนุโลม, ปฏิโลม, ปุจฉา วิสัชนาเหมือนในมูล

วารนิทเทสทุกประการ ในที่นี้พระบาลีท่านเปยยาละไว้.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 48

อรรถกถามูลยมกะ

นิทเทสวาระ

บัดนี้ พระผู้มีพระภาคทรงเริ่มนิทเทสวาระโดยนัยเป็นต้นว่า

เยเกจิ กุสลา ธมฺมา = ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล (มีอยู่).

ในคำเหล่านั้น คำว่า เยเกจิ = เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นคำที่-

แสดงถึงกุศลทั้งหมดโดยไม่มีส่วนเหลือ.

สองบทว่า กุสลา ธมฺมา ได้แก่สภาวะธรรมที่เป็นกุศล ไม่มี

โทษ มีผลเป็นความสุข อันเป็นลักษณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้

แล้วในบทภาชนะแห่งกุศลติกะ.

หลายบทว่า สพฺเพ เต กุสลมูลา = ธรรมเหล่านั้นทั้งปวง

เป็นกุศลมูลหรือ ได้แก่ย่อมถามว่า ธรรมทั้งปวงนั่นแหละเป็นกุศลมูล

ใช่ไหม ?

สองบทว่า ตีเณว กุสลมูลานิ = สามเท่านั้นชื่อว่ากุศลมูล

ได้แก่ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดไม่ชื่อว่า กุศลมูล อธิบายว่า มูล ๓ มีอโลภะ

เป็นต้นเท่านั้น ชื่อว่ากุศลมูล.

หลายบทว่า อวเสสา กุสลา ธมฺมา น กุสลมูลา = ธรรม ท.

ที่เหลือชื่อว่ากุศล แต่ไม่ชื่อว่ากุศลมูล ได้แก่ กุศลธรรมทั้งหลาย

ที่เหลือมีผัสสะเป็นต้น ไม่ชื่อว่ากุศลมูล อีกอย่างหนึ่งอธิบายว่า กุศล

ทั้งหลายที่เหลือมีผัสสะเป็นต้น ชื่อว่ากุศลธรรมเท่านั้นไม่ชื่อว่ากุศลมูล.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 49

หลายบทว่า เยวาปน กุสลมูลา = ก็หรือว่ากุศลมูลเหล่าใด

ได้แก่มูล ๓ มีอโลภะเป็นต้น ท่านถือเอาแล้วว่า ก็หรือว่าธรรมเหล่าใด

เป็นกุศลมูล ด้วยบทที่สองแห่งปุจฉาแรก.

หลายบทว่า สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลา = ธรรมเหล่านั้นทั้งปวง

เป็นกุศลหรือ ได้แก่ย่อมถามว่า ธรรมทั้งหลายแม้ ๓ ทั้งหมดเหล่านั้น

เป็นกุศลหรือ คำว่า อามนฺตา=ใช่ ได้แก่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว

เพื่อจะทรงรับรองความที่แห่งกุศลมูลทั้งหลายแม้ทั้งหมดเป็นกุศล นี้เป็น

เนื้อความของมูลยมกในมูลนัย พึงทราบนัยแห่งการวิสัชนา ในปุจฉา

ทั้งปวงโดยอุบายนี้.

ความแปลกกันอันใด มีอยู่ในที่ใด ข้าพเจ้า ( พระพุทธโฆษา-

จารย์) จักพรรณนาความแปลกกันนั้น ในที่นั้นต่อไป กล่าวคือใน

เอกมูลยมก กุศลทั้งหลายบัณฑิตไม่ควรถือเอากุศลที่มีมูลอันหนึ่งด้วย

อรรถแห่ การนับ แต่ควรถือเอาด้วยอรรถแห่งการนับ แต่ควรถือเอา

ด้วยอรรถที่เสมอกันว่าธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลเป็นอันเดียวกันกับ

กุศลมูล อธิบายว่า ในเอกมูลยมกนี้ กุศลเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เสมอ

กันกับกุศลมูล มูลใดเป็นมูลของผัสสะ มูลนั้นก็เป็นมูลของธรรม

ทั้งหลายมีเวทนาเป็นต้นนั่นแหละ ครั้นเมื่อความเป็นอย่างนั้นมียู่

พระผู้มีพระภาคเมื่อจะทรงรับรองความที่กุศลเหล่านั้นเป็นอย่างนั้น จึง

ตรัสคำว่า อามนฺตา = ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 50

คำว่า กุสลสมุฏฺาน ท่านแสดงรูปซึ่งมีกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน.

คำว่า เอกมูล ได้แก่มีมูลเสมอกันกับกุศลมูลมีอโลภะเป็นต้น

มูลทั้งหลายมีอโลภะเป็นต้น ชื่อว่า มูล เพราะเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่

ธรรมทั้งหลายมีผัสสะเป็นต้นฉันใด มูลนั้นก็เป็นมูลแม้แก่สมุฏฐานรูป

ฉันนั้น แต่สมุฏฐานรูปนั้นไม่ใช่กุศล เพราะความไม่มีลักษณะแห่ง

กุศล.

พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ตรัสถามในยมกอื่น ๆ ว่า เยเกจิ กุสลา =

ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นกุศล ( มีอยู่ ) แต่ตรัสถามว่า เยเกจิ

กุสลมูเลน เอกมูลา = ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลเป็นอันเดียวกัน

กับกุศล ( มีอยู่ ).

ถามว่า เพราะเหตุไร ? ตอบว่า เพราะเนื้อความนั้นนั่นแหละ

มีอยู่พร้อมโดยพยัญชนะแม้นั้น คำว่า กุสลมูลานิ นี้เป็นวิเสสนะ

ของคำก่อน จริงอยู่พระองค์ตรัสว่า มูลเหล่าใด ย่อมเกิดขึ้นโดย

ความเป็นอันเดียวกัน ก็มูลเหล่านั้นเป็นกุศลมูลบ้างเป็นอกุศลมูลบ้าง

เป็นอัพยากตมูลบ้าง คำนี้ท่านกล่าวไว้ เพื่อแสดงความวิเศษของคำว่า

กุสลมูลานิ.

คำว่า อญฺมญฺมูลานิ จ = เป็นมูลซึ่งกันและกันด้วย

อธิบายว่า มูลทั้งหลายย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัย กะกันและกันโดยเป็นเหตุ

เป็นปัจจัย ในปฏิโลมปุจฉา ไม่ตรัสว่า สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลมูเลน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 51

เอกมูลา = ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลเป็นอันเดียวกันกับกุศลมูล

แต่ตรัสว่า สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลา = ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น

กุศล ถามว่า เพราะเหตุไร ? ตอบว่า เพราะไม่มีเนื้อความแปลกกันก็เมื่อ

จะทำการปุจฉาว่า กุสลมูเลน เอกมูลา = มีมูลเป็นอันเดียวกันกับ

กุศลมูลหรือ ดังนี้ พึงทำการสัชชนาตามนัยที่กล่าวแล้วในหนหลังว่า

มูลานิ ยานิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺติ = มูลทั้งหลายเหล่าใดเกิดขึ้น

คราวเดียวกัน ก็เมื่อความแปลกกันแห่งเนื้อความไม่มีอยู่ เหตุนั้น

พระองค์จึงไม่ทรงกระทำการถามอย่างนั้น แต่ทรงกระทำการถามอย่างนี้

แม้ในมูลนัย เป็นต้น ในอัญญมัญญมูลยมก ก็พึงทราบคำถามที่แปลกกัน

โดยอุบายนี้.

ใน มูลมูลนัย คำว่า สพฺเพ เต กุสลมูลมูลา = ธรรม

ทั้งหลายเหล่านั้นมีมูลที่เป็นกุศลมูล ได้แก่ ย่อมถามว่า ธรรม

ทั้งหลายเหล่านั้น ชื่อว่ามูล กล่าวคือกุศลมูลหรือ คำว่า เอก-

มูลมูลา มีมูลที่เรียกว่ามูลอันเดียวกัน ดังนี้ อธิบายว่า มูลที่เป็น

มูลอันเดียวกันกับกุศลมีอยู่ เหตุนั้น มูลนั้นจึงชื่อว่า เป็นมูลที่เรียก

ว่ามูลอันเดียวกัน เพราะอรรถว่าเสมอกัน.

บทว่า อญฺมญฺมูลมูลา = มีมูลที่เป็นมูลซึ่งกันและกัน

ดังนี้ ได้แก่มูลแก่กันและกัน ชื่อว่า- อัญญมัญญมูล คือว่า อัญญ-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 52

มัญญมูล ชื่อว่า มูลของธรรมเหล่านั้น เพราะอรรถว่าเป็นเหตุเป็น

ปัจจัย เหตุนั้น มูลนั้นจึงชื่อว่า อัญญมัญญมูลมูล.

ใน มูลกนัย บทว่า กุสลมูลกา ดังนี้ อธิบายว่า มูลที่

เป็นกุศลของธรรมเหล่านั้นมีอยู่ เพราะอรรถว่าเป็นเหตุเป็นปัจจัย

เหตุนั้นธรรมเหล่านั้น จึงชื่อว่า มีมูลที่เป็นกุศล.

ใน มูลมูลกนัย บทว่า กุสลมูลมูลกา ดังนี้ อธิบายว่า

มูลของกุศลเหล่านั้นเป็นกุศลมูล คือ มูลที่เป็นกุศลมูลของกุศลเหล่านั้น

มีอยู่ เพราะอรรถว่าเป็นเหตุเป็นปัจจัย เหตุนั้นกุศลเหล่านั้น จึงชื่อว่า

มีมูลที่เรียกว่ากุศลมูล นี้เป็นเนื้อความพิเศษในนัยยมกปุจฉาเป็นต้น

เพราะอาศัยกุศลบท เพียงเท่านี้ แม้ในบททั้งหลายมีอกุศลบทเป็นต้น

ก็นัยนี้ ส่วนความพิเศษมีดังนี้.

สองบทว่า อเหตุก อกุสล ตรัสหมายเอาโมหะที่สัมปยุตด้วย

วิจิกิจฉาและอุทธัจจะ สองบทว่า อเหตุก อพฺยากต ได้แก่ธรรมที่เหลือ

เว้นสเหตุกะและอัพยากตสมุฏฐานรูป ย่อมได้ในที่นี้ว่า จิตตุปปาท ๑๘,

รูป และนิพพาน ชื่อว่าไม่มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล สเหตุกะ

และอัพยากตสมุฏฐานรูป มีมูลเป็นอันเดียวกันกับอัพยากตมูล ท่านทำ

อัพยากตะนั้นให้เป็นอัพโพหาริก คือสิ่งที่กล่าวอ้างไม่ได้ หรือไม่มี

โวหารแล้ว จึงกระทำการวิสัชนาด้วยอำนาจของอัพยากตมูลที่ได้อยู่โดย

ความเป็นอันเดียวกัน.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 53

ธรรมทั้งหลายกล่าวคือ นาม ชื่อว่า นามา ธมฺมา นาม

เหล่านั้น ว่าโดยอรรถได้แก่ อรูปขันธ์ ๔ และนิพพาน สองบทว่า

นเวว นามมูลานิ = ๙ เท่านั้น ชื่อว่า นามมูล ได้แก่มูล ๙ อย่าง

ด้วยอำนาจของกุศล อกุศล และอัพยากตมูลนามที่เป็นอเหตุกะ ไม่มี

มูลอันเดียวกันกับนามมูล เพราะฉะนั้นนามนั้นจึงชื่อว่าไม่มีเหตุนาม

แม้ทั้งหมด คือ จิตตุปปาท ๑๘ โมหะที่สัมปยุตด้วยวิจิกิจฉาและอุทธัจจะ

และนิพพาน ไม่มีมูลเป็นอันเดียวกันกับนามมูล ก็อเหตุกนามนั้น ย่อม

ไม่เกิดพร้อมกับนามมูล อธิบายว่า สเหตุกนาม ย่อมเกิดขึ้น พร้อมกัน

กับนามมูล แม้ในบททั้งหลายว่า สเหตุก นาม นามมูเลน คำที่

เหลือในที่ทั้งปวงมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น ด้วยประการฉะนี้.

แม้ในวาระทั้งหลาย มี เหตุวาระ เป็นต้น พึงทราบเนื้อความ

โดยอุบายนี้ คาถาว่า มูล เหตุ นิทาน จ ดังนี้เป็นต้น พระผู้มีพระภาค

เจ้าตรัสแล้วด้วยอำนาจแห่งอุทานของวาระทั้ง ๑๐ ตามที่ข้าพเจ้าชี้แจงมา

แล้ว ดังนี้แล.

อรรถกถามูลยมกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 54

ขันธยมกที่ ๒

ปัณณัตติวารุทเทส

[๒๓] ขันธ์ ๕ คือ :-

๑. รูปขันธ์

๒. เวทนาขันธ์

๓. สัญญาขันธ์

๔. สังขารขันธ์

๕. วิญญาณขันธ์.

อุทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

[ ๒๔ ] ธรรมที่ชื่อว่ารูป ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูปขันธ์, ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา. ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนาขันธ์, ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 55

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญาขันธ์, ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขารขันธ์, ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 56

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

[ ๒๕ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทวนา, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ไม่ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 57

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

[ ๒๖ ] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ รูปขันธมูล

เวทนาขันธมูล

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทวนา, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 58

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ เวทนาขันธมูล

สัญญาขันธมูล

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ สัญญาขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 59

สังขารขันธมูล

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขารขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ สังขารขันธมูล

วิญญาณขันธมูล

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 60

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ วิญญาณขันธมูล

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 61

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

รูปขันธมูล

[๒๗] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ รูปขันธมูล

เวทนาขันธมูล

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ? ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 62

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ เวทนาขันธมูล

สัญญาขันธมูล

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ สัญญาขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 63

สังขารขันธมูล

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ สังขารขันธมูล

วิญญาณขันธมูล

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 64

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

จบ วิญญาณขันธมูล

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 65

สุทธขันธวาระ อนุโลม

[ ๒๘ ] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์ ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

สุทธขันธวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 66

สุทธขันธวาระ ปัจจนิก

[ ๒๙ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

สุทธขันธวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 67

สุทธขันธมูลจักกวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

[๓๐] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณ, ใช่ไหม ?

จบ รูปขันธมูล

เวทนาขันธมูล

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 68

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

จบ เวทนาขันธมูล

สัญญาขันธมูล

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

จบ สัญญาขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 69

สังขารขันธมูล

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

จบ สังขารขันธมูล

วิญญาณขันธมูล

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 70

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

จบ วิญญาณขันธมูล

สุทธขันธมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 71

สุทธขันธมูลจักกวาระ ปัจจนิก

รูปขันธมูล

[ ๓๑ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ใช่ไหม ?

จบ รูปขันธมูล

เวทนาขันธมูล

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 72

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

จบ เวทนาขันธมูล

สัญญาขันธมูล

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

จบ สัญญาขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 73

สังขารขันธมูล

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

จบ สังขารขันธมูล

วิญญาณขันธมูล

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 74

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

จบ วิญญาณขันธมูล

สุทธขันธมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

ปัณณัตติวารุทเทส จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 75

อรรถกถาขันธยมก

วรรณนาอุทเทสวาระ

บัดนี้ เป็นการวรรณนา ขันธยมก ที่พระผู้มีพระภาคทรง

แสดงไว้ในลำดับต่อจาก มูลยมก เพราะทรงรวบรวมซึ่งธรรมทั้งหลาย

มีกุศลเป็นต้น อันพระองค์ทรงแสดงแล้วในมูลยมก ด้วยอำนาจแห่ง

ขันธ์ พึงทราบการกำหนดพระบาลีในขันธ์ยมกอย่างนี้ก่อน.

ใน ขันธยมก นี้ มี มหาวาระ ๓ คือ ปัณณัตติวาระ

ปวัตติวาระ และปริญญาวาระ.

ในมหาวาระทั้ง ๓ นั้น ปัณณัตติวาระ ตรัสเรียกว่า ปัณ-

ปวัตติวาระ เพราะทรงกระทำด้วยอำนาจการชำระชื่อของขันธ์ทั้งหลาย.

ปวัตติวาระ ตรัสเรียกว่า ปวัตติวาระ เพราะทรงชำระความ

เป็นไปด้วยอำนาจการเกิดขึ้นและการดับไปของขันธ์ทั้งหลายที่พระองค์

ทรงชำระชื่อแล้ว.

ปริญญาวาระ ตรัสเรียกว่า ปริญญาวาระ เพราะทรงแสดง

ปริญญา ๓ แห่ง ขันธ์ทั้งหลายอันเป็นไปแล้วตามลำดับ โดยสังเขป.

ในมหาวาระเหล่านั้น ปัณณัตติวาระ พระองค์ทรงกำหนดด้วย

อาการ ๒ อย่าง ด้วยอำนาจอุทเทสและนิทเทส ในอุเทสและนิทเทส

แม้เหล่านี้ อุทเทสวาระไม่มีโดยแผนกหนึ่ง จำเดิมแต่ต้น พระองค์

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 76

ทรงกำหนดนิทเทสโดยส่วนเดียวด้วยอำนาจปุจฉาและวิสัชนา บัณฑิต

พึงทราบอุทเทสวาระแห่งปัณณัตติวาระตั้งแต่บทว่า ปญฺจกฺขนฺธา

เป็นต้น จนถึง นขนฺธา นสงฺขารา แม้คำว่า ปุจฉาวาระ นี้ ก็

เป็นชื่อของอุทเทส ในปัณณัตติวาระนั้น บทว่า ปญฺจกฺขนฺธา ดังนี้

ความว่า นี้เป็นอุทเทสของขันธ์ทั้งหลายที่พึงถามด้วยอำนาจของยมก.

พึงทราบการกำหนดชื่อของขันธ์ทั้งหลายเหล่านั้น โดยประเภท

ว่า รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณ-

ขันธ์.

บัดนี้ นัยวาระ ๔ คือ ปทโสธนวาระ, ปทโสธนมูลจักก-

วาระ, สุทธักขันธวาระ, สุทธักขันมูลจักกวาระ ย่อมมีด้วยอำนาจ

ของขันธ์ทั้งหลายเหล่านั้น.

ในนัยวาระเหล่านั้น วาระที่ทำการชำระบทโดยนัยเป็นต้นว่า

รูป รูปกฺขนฺโธ รูปกฺขนฺโธ รูป ดังนี้นั่นแหละ ชื่อว่า ปทโส-

ธนวาระ ในปทโสธนวาระนั้น มี ๒ อย่าง ด้วยอำนาจอนุโลมและ

ปฏิโลม ในปทโสธนวาระนั้น ในอนุโลมวาระมี ๕ ยมก คือ รูป

รูปกฺขนฺโธ รูปกฺขนฺโธ รูป ดังนี้เป็นต้น ถึงในปฏิโลมก็มี ๕ อย่าง

คือ นรูป นรูปกฺขนฺโธ นรูปกฺขนฺโธ นรูป ดังนี้เป็นต้น.

เบื้องหน้าแต่นี้ เป็นวาระที่ทรงผูกมูลแห่งขันธ์หนึ่ง ๆ แห่งขันธ์

ทั้งหลาย อันพระองค์ทรงชำระแล้วในปทโสธนวาระเหล่านั้นนั่นแหละ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 77

ให้เป็นจักร โดยนัยเป็นต้นว่า รูป รูปกฺขนฺโธ, ขนฺธา เวทนากฺ

ขนฺโธ ดังนี้ ชื่อว่า ปทโสธนมูลจักกวาระ เพราะความที่แห่งจักร

ทั้งหลายอันเป็นมูลแห่งการชำระบทมีอยู่ แม้ในปทโสธนมูลจักกวาระ

นั้นก็มี ๒ อย่าง ด้วยอำนาจอนุโลมปฏิโลม ในอนุโลมและปฏิโลม

เหล่านั้น ในอนุโลมวาระ มียมก ๒๐ เพราะกระทำมูลแห่งขันธ์หนึ่ง ๆ

ให้เป็น ๔ มี รูป รูปกฺขนฺโธ, ขนฺธา เวทนากฺขนฺโธ ดังนี้เป็นต้น

แม้ในปฏิโลมก็มี ๒๐ เท่านั้น เพราะทำมูลแห่งขันธ์หนึ่ง ๆ ให้เป็น ๔

มี นรูป นรูปกฺขนฺโธ, นขนฺธา นเวทนากฺขนฺโธ ดังนี้เป็นต้น.

เบื้องหน้าแต่นี้วาระที่ดำเนินไปแล้วด้วยอำนาจขันธ์ล้วน ๆ โดย

นัยเป็นต้นว่า รูป ขนฺโธ, ขนฺธา รูป ดังนี้ ชื่อ สุทธักขันธ-

วาระ ในสุทธักขันธวาระนั้น ในปุจฉาว่า ขนฺธา รูป เป็นต้น พึง

ถือเอาเนื้อความว่า ขันธ์ทั้งหลาย ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ? ขันธ์

ทั้งหลาย ชื่อว่าเวทนาขันธ์ หรือ ถามว่า เพราะเหตุไร ตอบว่า

เพราะท่านจำแนกไว้ในนิทเทสวาระอย่างนี้.

ก็ใน นิทเทสวาระ นั้น ถามว่า รูป ชื่อว่า ขันธ์หรือ

ตอบว่า ใช่.

ถามว่า ขันธ์ทั้งหลาย ชื่อว่า รูปขันธ์หรือ ?

ตอบว่า รูปขันธ์ ชื่อว่า รูปด้วย ชื่อว่า รูปขันธ์ด้วย

ขันธ์ทั้งหลายที่เหลือไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ดังนี้ ท่านยกบทขึ้นจำแนก

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 78

เนื้อความโดยนัยเป็นต้นว่า ขันธ์ทั้งหลายชื่อว่ารูปขันธ์หรือ แห่งบท

ทั้งหลาย ว่าขันธ์ทั้งหลายชื่อว่ารูปหรือ ดังนี้ ด้วยประการฉะนี้

ก็ด้วยเหตุนั้น วาระนั้นท่านจึงเรียกว่า สุทธักขันธวาระ ในสุทธัก-

ขันธวาระนี้ คำว่า น ขนฺธา เป็นคำที่มีประมาณ เหมือนในการ

ชำระคำ ก็สุทธักขันธวาระย่อมได้โดยประการใด ๆ เนื้อความเทียว

เป็นประมาณ ย่อมได้โดยประการนั้น ๆ แม้ในอายตนยมกเป็นต้น

ข้างหน้าก็มีนัยนี้เหมือนกัน ก็ในสุทธักขันธวาระมี ๒ อย่าง ด้วย

อำนาจอนุโลมและปฏิโลม ในอนุโลมและปฏิโลมเหล่านั้น ในอนุโลม

วาระมียมก ๕ อย่าง คือ รูป ขนฺโธ, ขนฺธา รป เป็นต้น แม้

ในปฏิโลมวาระก็มียมก ๕ อย่าง คือ นรูป นขนฺโธ, นขนฺธา

นรป ดังนี้เป็นต้น

เบื้องหน้าแต่นั้นท่านกระทำการผูกมูลแห่งขันธ์หนึ่ง ๆ แห่งสุท-

ธักขันธ์ทั้งหลายเหล่านั้นโดยนัยเป็นต้นว่า รูป ขนฺโธ ขนธา เวทานา

ให้เป็น ๔ ชื่อ สุทธักขันธมูลจักกวาระ เพราะความที่จักรมี

สุทธักขันธ์เป็นมูลมีอยู่ ในสุทธักขันธมูลจักกวาระนั้น พึงทราบ

เนื้อความ โดยนัยเป็นต้นว่า ขันธ์ทั้งหลาย ชื่อว่า เวทนาขันธ์หรือ

แห่งคำถามว่า ขนฺธา เวทนา เป็นต้น

โดยประการนอกนี้ จึงมีความผิดกันกับนิทเทสวาระ แม้สุทธัก-

ขันธมูลจักกวาระนั้นก็มี ๒ อย่าง ด้วยอำนาจอนุโลมและปฏิโลม ใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 79

อนุโลมและปฏิโลมเหล่านั้น ในอนุโลมวาระมียมก ๒๐ เพราะกระทำ

มูลแห่งขันธ์หนึ่ง ๆ ให้เป็นจักร ๔ มีบทเป็นต้นว่า รูป ขนฺโธ, ขนฺธา

เวทนา ดังนี้ แม้ในปฏิโลมวาระก็มี ๒๐ เหมือนกัน เพราะกระทำมูล

แห่งขันธ์หนึ่ง ๆ ให้เป็น ๔ มีบทเป็นต้นว่า นรูป นขนฺโธ, นขนฺธา

นเวทนา ดังนี้ พึงทราบอุทเทสวาระแห่งปัณณัตติวาระ อันประดับ

แล้วด้วยยมก ๑๐๐ ด้วยคำถาม ๒๐๐ และด้วยอรรถ ๔๐๐ เพราะกระทำ

อรรถทั้งหลายให้เป็นสอง ด้วยอำนาจสันนิฏฐานและสังสยะ เพื่อการ

ถามในนัยหนึ่ง ๆ อย่างนี้ก่อน ด้วยประการฉะนี้.

วรรณนาอุทเทสวาระ จบ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 80

นิทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

[ ๓๒] ธรรมที่ชื่อว่ารูป ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ปิยรูป สาตรูป ชื่อว่า รูป แต่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์, รูปขันธ์

ชื่อว่ารูปด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่ารูปขันธ์ ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ใช่.

[๓๓] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ใช่.

[๓๔] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ทิฏฐิสัญญาชื่อว่าสัญญา แต่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ สัญญาขันธ์

ชื่อว่าสัญญาด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ใช่.

[๓๕] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสังขารเสียแล้ว สังขารที่เหลือนอกนั้น ชื่อว่าสังขาร แต่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 81

ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ สังขารขันธ์ ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์

ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ใช่.

[ ๓๖ ] ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

ใช่.

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 82

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

[๓๗] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ปิยรูป สาตรูป ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ แต่ชื่อว่า รูป ยกเว้นรูป

และรูปขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ชื่อว่ารูป และ

ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์.

[๓๘] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ไม่ชื่อว่าเวทนา ใช่ไหม ?

ใช่.

[๓๙] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ไม่ชื่อว่าสัญญา ใช่ไหม ?

ทิฏฐิสัญญา ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ เป็นแต่สัญญา ยกเว้นสัญญา

และสัญญาขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ชื่อว่าสัญญา

และไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 83

[ ๔๐ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร ไม่ชื่อวาสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ไม่ชื่อว่าสังขาร ใช่ไหม ?

ยกเว้นสังขารขันธ์เสียแล้ว สังขารที่เหลือนอกนั้น ไม่ชื่อว่า

สังขารขันธ์ เป็นแต่สังขาร ยกเว้นสังขารและสังขารขันธ์เสียแล้ว

สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ชื่อว่าสังขารและไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

[ ๔๑ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ไม่ชื่อว่าวิญญาณ ใช่ไหม ?

ใช่.

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 84

อรรถกถาปัณณัตติวาระ

ปทโสธนวาระ

บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มนิทเทสวาระโดยนัยเป็นต้นว่า

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกว่า รูป ในปัญหาที่ว่า " รูป รูปกฺขนฺโธ

ธรรมที่ชื่อว่ารูป ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ? ดังนี้ รูปเหล่านั้นทั้งหมด

พระองค์ตรัสไว้เพื่อทรงชำระคำว่า รูปขันธ์.

คำวิสัชนาที่ว่า ปิยรูป สาตรูป รูป น รูปกฺขนฺโธ ปิยรูป

สาตรูป ชื่อว่ารูป ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ อธิบายว่า คำว่า รูปใด พระองค์

ตรัสว่า รูป ในคำนี้ว่า ปิยรูป สาตรูป รูปนั้น ชื่อว่า รูป เท่านั้น

ไม่ชื่อว่า รูปขันธ์.

คำวิสัชนาที่ว่า รูปกฺขนฺโธ รูปญฺเจว รูปกฺขนฺโธ จ รูป

ขันธ์ชื่อว่า รูปด้วย ชื่อว่า รูปขันธ์ด้วย อธิบายว่า ก็รูปใดเป็น

รูปขันธ์ รูปนั้นย่อมควรเพื่อที่จะกล่าวว่าเป็นรูปด้วย เป็นรูปขันธ์ด้วย.

ในปัญหาที่ว่า รูปกฺขนฺโธ รูป รูปขันธ์ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ? ดังนี้

เพราะรูปขันธ์พึงกล่าวว่าเป็นรูปโดยแน่นอนเท่านั้น ฉะนั้น พระองค์

จึงตรัสว่า อามนฺตา- ใช่ พึงทราบเนื้อความในวิสัชนาทั้งหมดโดยอุบาย

นี้ ส่วนความแปลกกันมีอยู่ในที่ใด จักพรรณนาความแปลกกันนั้นใน

ที่นั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 85

ใน สัญญายมก ก่อน คำว่า " ทิฏฺิสญฺา " ได้แก่ ทิฏฐิ-

สัญญา ที่มาแล้วในคำเป็นต้นว่า " ปปญฺจสฺา "

ใน สังขารยมก คำว่า อวเสสา สฺงขารา สังขารทั้งหลาย

ที่เหลือ ได้แก่ สังขารที่มาแล้วในคำเป็นต้นว่า " อนิจฺจา วต สงฺขารา "

คำว่า " สังขารทั้งหลายที่เหลือ" ได้แก่ สังขตธรรมที่เหลือจากสังขาร

ขันธ์ แม้ในปฏิโลมวาระก็นัยนี้แล.

อรรถกถาปทโสธนวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 86

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

[๔๒] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ปิยรูป สาตรูป ชื่อว่า รูป แต่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์, รูปขันธ์

ชื่อว่ารูปด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนาขันธ์, ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าเวทนาขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์.

[๔๓] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ปิยรูป สาตรูป ชื่อว่า รูป แต่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ รูปขันธ์

ชื่อว่ารูปด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญาขันธ์, ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

[๔๔] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ปิยรูป สาตรูป ชื่อว่า รูป แต่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์, รูปขันธ์

ชื่อว่ารูปด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 87

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขารขันธ์, ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์

ด้วย ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

[ ๔๕ ] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ปิยรูป สาตรูป ชื่อว่า รูป แต่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์, รูปขันธ์

ชื่อว่ารูปด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์, ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าวิญญาณขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์.

จบ รูปขันธมูล

เวทนาขันธมูล

[ ๔๖ ] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูปขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย, ขันธ์

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 88

[ ๔๗ ] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญาขันธ์, ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

[ ๔๘ ] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขารขันธ์, ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ว่าไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

[ ๔๙ ] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์, ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าวิญญาณขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์.

จบ เวทนาขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 89

สัญญาขันธมูล

[ ๕๐ ] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ทิฏฐิสัญญา ชื่อว่าสัญญา แต่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์, สัญญาขันธ์

ชื่อว่าสัญญาด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูปขันธ์, ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย, ขันธ์

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์

[ ๕๑ ] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ทิฏฐิสัญญา ชื่อว่าสัญญา แต่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์, สัญญาขันธ์

ชื่อว่าสัญญาด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าเวทนาขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์.

[ ๕๒ ] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ทิฏฐิสัญญา ชื่อว่าสัญญา แต่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์, สัญญาขันธ์

ชื่อว่าสัญญาด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์ ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 90

[ ๕๓] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ทิฏฐิสัญญา ชื่อว่าสัญญา แต่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ สัญญาขันธ์

ชื่อว่าสัญญาด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าวิญญาณขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์.

จบ สัญญาขันธมูล

สังขารขันธมูล

[ ๕๔ ] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสังขารขันธ์เสียแล้ว สังขารที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าสังขาร

แต่ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์, สังขารขันธ์ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่าสังขาร-

ขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูปขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย,

ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 91

[๕๕] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสังขารขันธ์เสียแล้ว สังขารที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าสังขาร

แต่ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์, สังขารขันธ์ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่าสังขาร-

ขันธ์ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าเวทนาขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์.

[๕๖] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสังขารขันธ์เสียแล้ว สังขารที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าสังขาร

แต่ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์, สังขารขันธ์ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์

ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย,

ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

[๕๗] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสังขารขันธ์เสีย สังขารที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าสังขาร แต่

ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์, สังขารขันธ์ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์

ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์ ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 92

ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ชื่อว่าด้วย ชื่อว่าวิญญาณขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์.

จบ สังขารขันธมูล

วิญญาณขันธมูล

[๕๘] ธรรม ที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูปขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย, ขันธ์

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์.

[๕๙ ] ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าเวทนาขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์.

[๖๐] ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 93

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์?, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย,

ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

[ ๖๑ ] ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์ ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขารขันธ์, ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์

ด้วย, ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

จบ วิญญาณขันธมูล

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 94

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

น รูปขันธมูล

[ ๖๒] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น รูปขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 95

น เวทนาขันธมูล

[ ๖๓] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น เวทนาขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 96

น สัญญาขันธมูล

[๖๔] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น สัญญาขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 97

น สังขารขันธมูล

[ ๖๕ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์, ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น สังขารขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 98

น วิญญาณขันธมูล

[ ๖๖ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น วิญญาณขันธมูล

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 99

อรรถกถาปทโสธนมูลจักกวาระ

ใน ปทโสธนมูลจักกวาระ คำปุจฉาว่า ขนฺธา เวทนากฺ-

ขนฺโธ ดังนี้ ย่อมตรัสถามว่า ขันธ์ทั้งหลายเหล่าใดมีอยู่ ขันธ์

ทั้งหลายเหล่านั้น ชื่อว่า เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ? ตรัสตอบว่า

เวทนาขันธ์ ชื่อว่า ขันธ์ด้วย ชื่อว่า เวทนาขันธ์ด้วย แต่ขันธ์

ทั้งหลายที่เหลือชื่อว่าขันธ์เท่านั้น ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ดังนี้

แห่งคำถามนั้น แม้คำถามที่เหลือก็นัยนี้.

ในปฏิโลม ในคำถามนี้ว่า นกฺขนฺธา นเวทนากฺขนฺโธ ธรรม

ที่ไม่ชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ? ได้แก่ ธรรม

ทั้งหลายเหล่าใด กล่าวคือ บัญญัติและนิพพาน ไม่ชื่อว่าขันธ์ เพราะ

บัญญัติและนิพพานไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ฉะนั้น พระองค์จึงตรัสว่า

อามนฺตา ใช่ แม้ในคำวิสัชนาที่เหลือก็มีนัยนี้ ด้วยประการฉะนี้.

อรรถกถาปทโสธนมูลจักกวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 100

สุทธขันธวาระ อนุโลม

[๖๗] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์ ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

รูปขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือนอกนั้น

ชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่ารูขันธ์.

[๖๘] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

เวทนาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าเวทนาขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์.

[๖๙] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

สัญญาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

[๗๐] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 101

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

สังขารขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

[ ๗๑ ] ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

วิญญาณขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ด้วย ขันธ์ที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์.

สุทธขันธวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 102

สุทธขันธวาระ ปัจจนิก

[๗๒] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นรูปเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูป ชื่อว่าขันธ์

ยกเว้นรูปและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูปและ

ไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๗๓] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นเวทนาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าเวทนา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นเวทนาและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าเวทนาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๗๔] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสัญญาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าสัญญา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นสัญญาและขันธ์เสียแล้ว ภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าสัญญาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 103

[ ๗๕ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสังขารเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าสังขาร

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นสังขารและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าสังขารและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[ ๗๖ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นวิญญาณเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าวิญญาณ

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นวิญญาณและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าวิญญาณและไม่ชื่อว่าขันธ์

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

สุทธขันธวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 104

อรรถกถาสุทธักขันธวาระ

ใน สุทธักขันธวาระ คำถามว่า " รูป ขนฺโธ " ธรรมที่ชื่อว่า

รูป ชื่อว่า ขันธ์ ใช่ไหม ? ย่อมตรัสถามว่า " รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง "

ที่กล่าวว่า " รูป " รูปนั้นทั้งหมดเป็นขันธ์หรือ " ในคำถามนั้น

เพราะรูปกล่าวคือ ปิยรูปสาตรูป ก็ดี ภูตรูป และ อุปาทารูป

ทั้งหมดก็ดี ถึงการสงเคราะห์ในขันธ์ ๕. เพราะฉะนั้นพระองค์จึงตรัส

รับรองว่า อามนฺตา ใช่.

ในทุติยบท ควรถามว่า " ขันธ์ทั้งหลาย ชื่อว่า รูป ใช่ไหม ? "

เพราะพระองค์ทั้งอธิบายรูปขันธ์ไว้ด้วยคำว่า รูป แล้ว ฉะนั้นจึงไม่

ทรงคำนึงถึง เมื่อจะตรัสถามด้วยอำนาจแห่งอรรถ จึงตรัสว่า ขันธ์

ทั้งหลาย ชื่อว่า รูปขันธ์ ใช่ไหม ? พึงทราบเนื้อความในบททั้งปวง

โดยอุบายนี้ แม้ในนิทเทสวาระแห่งอายตนยมกเป็นต้น ข้างหน้าก็นัยนี้.

แม้ในคำถามที่ว่า " สญฺา สญฺากฺขนฺโธ = ธรรมที่ชื่อว่า

สัญญา ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ? " นี้, ทิฏฐิสัญญา ก็ดี

สัญญา ก็ดี พระองค์ตรัสว่า อามนฺตา = ใช่ เพราะความที่แห่ง

ทิฏฐิสัญญาและสัญญา แม้ทั้งหมดก็เป็นขันธ์.

แม้ในบทว่า " สงฺขารา สงฺขารกฺขนฺโธ = สังขาร ชื่อว่า

สังขารขันธ์หรือ " ก็มีนัยนี้ ชื่อว่า สังขารที่พ้นจากความเป็นขันธ์

ย่อมไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 105

ในปฏิโลม คำถามว่า " นรูป นขนฺโธ = ธรรมที่ไม่ชื่อว่า

รูป ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ? " ดังนี้ พระผู้มีพระภาคย่อมตรัสถามว่า

ธรรมชาติใดไม่ใช่รูป ธรรมชาตินั้นก็ไม่ใช่ขันธ ์ ใช่ไหม ? ก็ในวิสัชนา

ปัญหานั้นว่า " รูป เปตฺวา อวเสสา ขนฺธา น รูป ขนฺธา ยกเว้น

รูปเสียแล้ว ขันธ์ทั้งหลายที่เหลือไม่ชื่อว่า รูป ชื่อว่า ขันธ์ "

อธิบายว่า ขันธ์ทั้งหลายมีเวทนาเป็นต้น อื่นจากรูปไม่ชื่อว่ารูป แต่

ชื่อว่าขันธ์.

บทว่า " รูปญฺจ ขนฺเธ จ เปตฺวา อวเสสา = ยกเว้น

รูปและขันธ์ทั้งหลาย ธรรมที่เหลือ " ดังนี้ ได้แก่ บัญญัติและ

นิพพานที่พ้นจากขันธ์ห้า ในบทว่า " อวเสสา " แม้เหล่าอื่นจาก

บทนี้ก็มีนัยนี้ ด้วยประการฉะนี้.

อรรถกถาสุทธักขันธวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 106

สุทธขันธมูลจักกวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

[๗๗] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

เวทนาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าเวทนาขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ แต่ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์.

[๗๘] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์ ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

สัญญาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

[๗๙] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

สังขารขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

[๘๐] ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 107

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

วิญญาณขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ด้วย ขันธ์ที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์.

จบ รูปขันธมูล

เวทนาขันธมูล

[๘๑] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

รูปขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือนอกนั้น

ชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์.

[๘๒] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

สัญญาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 108

[ ๘๓ ] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

สังขารขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

[ ๘๔ ] ธรรมที่ชื่อว่าเวทนา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

วิญญาณขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ด้วย ขันธ์ที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์.

จบ เวทนาขันธมูล

สัญญาขันธมูล

[ ๘๕ ] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

รูปขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือนอก

นั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 109

[ ๘๖ ] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

เวทนาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าเวทนาขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์.

[ ๘๗ ] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

สังขารขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

[ ๘๘ ] ธรรมที่ชื่อว่าสัญญา, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

วิญญาณขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ด้วย ขันธ์ที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์.

จบ สัญญาขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 110

สังขารขันธมูล

[ ๘๙ ] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

รูปขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือนอกนั้น

ชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์.

[๙๐] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

เวทนาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าเวทนาด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์.

[๙๑] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

สัญญาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

[๙๒] ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 111

วิญญาณขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ด้วย ขันธ์ที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์.

จบ สังขารขันธมูล

วิญญาณขันธมูล

[๙๓] ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

รูปขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่ารูปขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือนอก

นั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์.

[๙๔] ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

เวทนาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าเวทนาขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์.

[๙๕] ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 112

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

สัญญาขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสัญญาขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์.

[๙๖] ธรรมที่ชื่อว่าวิญญาณ, ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าขันธ์, ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

สังขารขันธ์ชื่อว่าขันธ์ด้วย ชื่อว่าสังขารขันธ์ด้วย ขันธ์ที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าขันธ์ ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์.

จบ วิญญาณขันธมูล

สุทธขันธมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 113

สุทธขันธมูลจักกวาระ ปัจจนิก

น รูปขันธมูล

[๙๗] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นรูปเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูป ชื่อว่าขันธ์

ยกเว้นรูปและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูปและ

ไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๙๘] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นรูปเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูป ชื่อว่า

ขันธ์ ยกเว้นรูปและขันธ์เสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูป

และไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๙๙] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นรูปเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูป ชื่อว่าขันธ์

ยกเว้นรูปและขันธ์เสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูปและไม่

ชื่อว่าขันธ์.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 114

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๐๐] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นรูปเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูป ชื่อว่าขันธ์

ยกเว้นรูปและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ารูปและ

ไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น รูปขันธมูล

น เวทนาขันธมูล

[๑๐๑] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นเวทนาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าเวทนา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นเวทนาและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าเวทนาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 115

[๑๐๒] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นเวทนาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าเวทนา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นเวทนาและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าเวทนาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๐๓] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นเวทนาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าเวทนา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นเวทนาและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าเวทนาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๐๔] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าเวทนา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นเวทนาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าเวทนา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นเวทนาและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าเวทนาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น เวทนาขันธมูล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 116

น สัญญาขันธมูล

[๑๐๕] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสัญญาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าสัญญา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นสัญญาและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าสัญญาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๐๖] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสัญญาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าสัญญา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นสัญญาและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าสัญญาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๐๗] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสัญญาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าสัญญา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นสัญญาและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าสัญญาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 117

[ ๑๐๘ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสัญญาเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าสัญญา

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นสัญญาและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าสัญญาและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น สัญญาขันธมูล

น สังขารขันธมูล

[ ๑๐๙ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[ ๑๑๐ ] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 118

[๑๑๑] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๑๒] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าวิญญาณขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น สังขารขันธมูล

น วิญญาณขันธมูล

[๑๑๓] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นวิญญาณเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าวิญญาณ

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นวิญญาณและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอก

นั้น ไม่ชื่อว่าวิญญาณและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่ารูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 119

[๑๑๔] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นวิญญาณเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าวิญญาณ

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นวิญญาณและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอก

นั้น ไม่ชื่อว่าวิญญาณและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าเวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๑๕] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญา, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นวิญญาณเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าวิญญาณ

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นวิญญาณและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าวิญญาณและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสัญญาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

[๑๑๖] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าขันธ์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นวิญญาณเสียแล้ว ขันธ์ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าวิญญาณ

ชื่อว่าขันธ์ ยกเว้นวิญญาณและขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ

นอกนั้น ไม่ชื่อว่าวิญญาณและไม่ชื่อว่าขันธ์.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าขันธ์, ไม่ชื่อว่าสังขารขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ น วิญญาณขันธมูล

สุทธขันธมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

ปัณณัตติวาระนิทเทส จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 120

อรรถกถาสุทธักขันธมูลจักกวาระ

แม้ใน สุทธักขันธมูลจักกวาระ คำถามทั้งหลาย มีคำถามว่า

" รูป ขนฺโธ = ธรรมที่ชื่อว่ารูป ชื่อว่า ขันธ์ ใช่ไหม ? " ดังนี้

พึงทราบเนื้อความ โดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลัง.

อรรถกถาสุทธักขันธมูลจักกวาระ จบ

อรรถกถาปัณณัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 121

ปวัตติวาระ

อุปปาทวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๑๗] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

เหล่านั้นที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิด และเวทนาขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 122

เหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์กำลังเกิด และรูปขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธ์มูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[ ๑๑๘ ] รูปขันธ์กำลังเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมินั้น รูปขันธ์กำลังเกิดในภูมินั้น แต่เวทนา-

ขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมินั้น รูปขันธ์กำลังเกิด

และเวทนาขันธ์ก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์กำลังเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

๑. รูปขันธมูละ มีมูลี ๔ คือ เวทนาขันธมูลี สัญญาขันธมูลี สังขารขันธมูลี

และวิญญาณขันธมูลี. ในบาลีพระไตรปิฎกเล่ม ๓๘ ท่านแสดงเพียง รูปขันธ-

มูละ เวทนาขันธมูลี เท่านั้น การแปลตามบาลีพระไตรปิฎก ไม่ได้

แปลต่อเติมให้ครบ นักศึกษาพึงให้พิสดารเองจนครบทุกวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 123

ในอรูปภูมินั้น เวทนาขันธ์กำลังเกิดในภูมินั้น แต่รูปขันธ์

ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมินั้น เวทนาขันธ์กำลังเกิด

และรูปขันธ์ก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[ ๑๑๙ ] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์

กำลังเกิด และเวทนาขันธ์ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 124

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด รูปขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์กำลังเกิด และ

รูปขันธ์ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธ์มูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปันนวาระ อนุโลม จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 125

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[ ๑๒๐ ] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

เหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และเวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดที่กำลังตาย เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และ

รูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 126

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[ ๑๒๑ ] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๒๒] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 127

บุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายใน ๓๑ ภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายใน ๓๑ ภูมิ เวทนา-

ขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปันนวาระ ปัจจนิก จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 128

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[ ๑๒๓ ] รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็เคยเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 129

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[ ๑๒๔ ] รูปขันธ์เคยเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็เคยเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์เคยเกิดในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่เคยเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์เคยเกิด และเวทนา-

ขันธ์ก็เคยเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็เคยเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์เคยเกิดในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่เคย

เกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์เคยเกิด และรูปขันธ์

เคยเกิดในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 130

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[ ๑๒๕ ] รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลเหล่านั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์เคยเกิด

และเวทนาขันธ์ก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็

เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์เคยเกิดแต่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลเหล่านั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์เคยเกิด และ

รูปขันธ์ก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ อนุโลม จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 131

อตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๒๖] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 132

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๒๗] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 133

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๒๘ ] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิด และเวทนาขันธ์ก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, เมื่อบุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิด

และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ ปัจจนิก จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 134

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๒๙] รูปขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็จักเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็จักเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิแล้วจักปรินิพพาน เวทนาขันธ์

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลนอกจากนี้ เวทนาขันธ์จักเกิด และรูปขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 135

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธ์มูลี :-

[ ๑๓๐] รูปขันธ์จักเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็จักเกิดในภูมิ

นั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์จักเกิดในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์จักเกิด และ

เวทนาขันธ์ก็จักเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็จักเกิดในภูมิ

นั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิดในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด

ในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิด และรูปขันธ์จักเกิด

ในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 136

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๓๑] รูปขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็

จักเกิดเก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์จักเกิด และเวทนาขันธ์ก็จัก

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิด และรูปขันธ์ก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ อนุโลม จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 137

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๓๒ ] รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิแล้วจักปรินิพพาน รูปขันธ์

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่เป็นปัจฉิมภวิกะ รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดบุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 138

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๓๓] รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักเกิด.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักเกิด.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 139

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๓๔] รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เป็นปัจฉิมภวิกะ รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่เป็นปัจฉิมภวิกะ เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด และรูปขันธ์

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

๑. ใช้เชิงอรรถในหน้า ๑๒๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 140

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๓๕] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์เคยเกิด และรูปขันธ์ก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 141

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๓๖] เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี สัญญาขันธ์เคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลกำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

สัญญาขันธ์เคยเกิด และเวทนาขันธ์ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 142

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๓๗] รูปขันธ์กำลังเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็เคยเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิดในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่เคยเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิด และ

เวทนาขันธ์ก็เคยเกิดในภูมินั้น

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์เคยเกิดในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์เคยเกิด และรูป-

ขันธ์ก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 143

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๓๘] เวทนาขันธ์กำลังเกิดในภูมิใด, สัญญาขันธ์ก็เคยเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์เคยเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๓๙] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 144

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลัง

เกิดในอัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอก

จากนี้ ที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิด และเวทนาขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลที่กำลัง

เกิดในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์เคยเกิด และรูปขันธ์ก็กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๔๐] เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 145

เมื่อบุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนี้ที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี

ปัญจโวการภูมิก็ดี เวทนาขันธ์กำลังเกิด และสัญญาขันธ์ก็เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ปัญจโวการภูมิ

ก็ดี สัญญาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

ในจตุโวการภูมิก็ดี ปัญจโวการภูมิก็ดี สัญญาขันธ์เคยเกิด และ

เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 146

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๔๑] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

ก็หรือว่า เวทนา ขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๔๒] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 147

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๔๓] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ไม่ใช่

เคยเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 148

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๔๔] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, สัญญาขันธ์?

ก็ไม่ใช่เคยเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๔๕] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 149

เมื่อบุคคลกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูป-

ภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนา-

ขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลที่กำลังปรินิพพาน

อยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์

ไม่ใช่กำลังเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิด และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 150

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๔๖] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด,

สัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธา-

วาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลัง

เกิด และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สัญญาขันธ์ไม่เคยเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 151

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[ ๑๔๗ ] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็จักเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิด

ก็บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคล

นอกจากนี้ที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์กำลังเกิด และเวทนาขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์จักเกิด และรูปขันธ์ก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 152

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๔๘] เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลนอกจากนี้ที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์กำลังเกิด และสัญญาขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี สัญญาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการ

ภูมิก็ดี สัญญาขันธ์จักเกิด และเวทนาขันธ์ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 153

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๔๙] รูปขันธ์กำลังเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็จักเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิดในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิด และ

เวทนาขันธ์ก็จักเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิดในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลัง

เกิด, ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิด และรูปขันธ์ก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 154

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๕๐] เวทนาขันธ์กำลังเกิดในภูมิใด, สัญญาขันธ์ก็จักเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๕๑] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 155

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลัง

เกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจาก

นี้ที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิด และเวทนาขันธ์ก็

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดอยู่ในปัญจ-

โวการภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิด และรูปขันธ์ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๕๒] เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 156

ปัจฉิมภวิกบุคคลกำลังเกิด เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลนอกจากนี้ที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิ

ก็ดี เวทนาขันธ์กำลังเกิด และสัญญาขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

สัญญาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิ

ก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี สัญญาขันธ์จักเกิด และเวทนาขันธ์ก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 157

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๕๓] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด. เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี

รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิก-

บุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และเวทนาขันธ์ก็ดี

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 158

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๕๔] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดที่กำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สัญญาขันธ์จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด

และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิ

สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด

และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 159

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๕๕] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักเกิด.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๕๖] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 160

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๕๗] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูป-

ภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนา-

ขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานใน

ปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และเวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 161

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลัง

เกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดร เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ใน

อรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่

จักเกิด และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๕๘] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด,

สัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลังปรินิพพานก็ดี บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 162

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และ

สัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังปรินิพพานก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 163

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๕๙] รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็จักเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เป็นปัจฉิมภวิกะ รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนี้ รูปขันธ์

เคยเกิด และเวทนาขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็เคยเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 164

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๖๐] เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เป็นปัจฉิมภวิกะ เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนี้ เวทนา-

ขันธ์เคยเกิด และสัญญาขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๖๑] รูปขันธ์เคยเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็จักเกิดในภูมิ

นั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 165

ในอสัญญสัตตภูมินั้น รูปขันธ์เคยเกิดในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมินั้น รูปขันธ์เคยเกิด และ

เวทนาขันธ์ก็จักเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็เคยเกิดในภูมิ

นั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิดในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่เคย

เกิดในภูมินั้น ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิด และรูปขันธ์

ก็เคยเกิดในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๖๒] เวทนาขันธ์เคยเกิดในภูมิใด, สัญญาขันธ์ก็จักเกิด

ในภมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 166

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็เคยเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๖๓] รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนี้

ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์เคยเกิด และเวทนาขันธ์ก็จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 167

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมใด, รูปขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักเกิด และรูปขันธ์ก็เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๖๔] เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

ก็จักเกิดแก่แก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เป็นปัจฉิมภวิกะ เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลนอกจากนี้ที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์เคยเกิด และสัญญาขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 168

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 169

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๖๕] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยเกิดก่อนนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๖๖] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 170

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๖๗] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักเกิด.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 171

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๖๘] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, สัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๖๙] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 172

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธา-

วาสภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่

จักเกิด และรูปขันธ์ก็ไม่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๗๐] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 173

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เป็นปัจฉิมภวิกะ สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

อุปปาทวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 174

นิโรธวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๗๑] รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลัง

ตายในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังดับ และเวทนาขันธ์ก็กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลัง

ตายในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์กำลังดับ และรูปขันธ์ก็กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 175

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๗๒] รูปขันธ์กำลังดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังดับในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่กำลังดับในภูมินั้น ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังดับ และ

เวทนาขันธ์ก็กำลังดับในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์กำลังดับในภูมิใด, รูปขันธ์ก็กำลังดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์กำลังดับในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่

กำลังดับในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์กำลังดับ และ

รูปขันธ์ก็กำลังดับในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 176

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๗๓] รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังดับ และ

เวทนาขันธ์ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์กำลังดับ และรูปขันธ์

ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระอนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 177

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[ ๑๗๔ ] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่านั้น

ทั้งหมดที่กำลังเกิด รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่า-

นั้นทั้งหมดที่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 178

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๗๕] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังดับ.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังดับ.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๗๖] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 179

บุคคลที่กำลังตายในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดที่กำลังเกิด รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ และเวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดที่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ

และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 180

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๗๗] รูปขันธ์เคยดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็เคยดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใด รูปขันธ์ก็เคยดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๗๘] รูปขันธ์เคยดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็เคยดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 181

ในอสัญญสัตตภูมินั้น รูปขันธ์เคยดับในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่เคยดับในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมินั้น รูปขันธ์เคยดับ และ

เวทนาขันธ์ก็เคยดับในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยดับในภูมิใด, รูปขันธ์ก็เคยดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมินั้น เวทนาขันธ์เคยดับในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่

เคยดับในภูมินั้น ในปัญจโวการภูมินั้น เวทนาขันธ์เคยดับ และ

รูปขันธ์ก็เคยดับในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๗๙] รูปขันธ์เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 182

บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์เคยดับ และเวทนาขันธ์ก็เคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์เคยดับ และรูปขันธ์ก็เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 183

อตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๐] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๑] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยดับในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 184

เคยดับ.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยดับในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๒] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 185

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับ และรูปขันธ์

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 186

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๓] รูปขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดีเวทนาขันธ์

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลนอกจากนี้ เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์ก็จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 187

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๔] รูปขันธ์จักดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็จักดับในภูมินั้น

ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์จักดับในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่

จักดับในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์

ก็จักดับในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับในภูมิใด, รูปขันธ์ก็จักดับในภูมินั้น

ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์จักดับในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับ

ในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์ก็จักดับ

ในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 188

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๕] รูปขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์ก็จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์ก็จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระอนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 189

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๖] รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี รูปขันธ์

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 190

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๗] รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักดับในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักดับ.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

จักดับในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักดับ.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๘] รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 191

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น และเวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 192

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๘๙] รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดที่กำลังเกิด เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังตายในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์เคยดับ

และรูปขันธ์ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 193

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๙๐] เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดที่กำลังเกิดก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี สัญญาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี สัญญาขันธ์เคยดับ และเวทนาขันธ์ก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 194

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๙๑] รูปขันธ์กำลังดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็เคยดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังดับในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่เคยดับในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังดับ และเวทนา-

ขันธ์ก็เคยดับในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยดับในภูมิใด, รูปขันธ์ก็กำลังดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์เคยดับในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่

กำลังดับในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์เคยดับ และรูปขันธ์

ก็กำลังดับในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 195

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๙๒] เวทนาขันธ์กำลังดับในภูมิใด, สัญญาขันธ์เคยดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์เคยดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๙๓] รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 196

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตาย

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนี้

ที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังดับ และเวทนาขันธ์ก็เคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิ

เวทนาขันธ์เคยดับ และรูปขันธ์ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๙๔] เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 197

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนี้ที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ใน

ปัญจโวการภูมิก็ดี เวทนาขันธ์กำลังดับ และสัญญาขันธ์ก็เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

สัญญาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิ

ก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี สัญญาขันธ์เคยดับ และเวทนาขันธ์ก็กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 198

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๙๕] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๙๖] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 199

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๙๗] รูปขันธ์ ในภูมิใด, (รูปขันธมูล เวทนาขันธ

มูลียมกะ ในโอกาสวาระนักศึกษาพึงทำให้บริบูรณ์)

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

๑. ( ยตฺถก ปริปุณฺณ กาตพฺพ )

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 200

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๑๙๘] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ

ก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ และ

เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตาย

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

เกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี ที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์

ไม่ใช่เคยดับ และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 201

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๑๙๙] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ

และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 202

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๐๐] รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

นอกจากนี้ที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์กำลังดับ และเวทนาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักกับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็กำลังดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดที่กำลังเกิดก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอรูป-

ภูมิก็ดี เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์ก็กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 203

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๐๑] เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็จัก

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนี้

ที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี เวทนาขันธ์กำลัง

ดับ และสัญญาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ใน

ในปัญจโวการภูมิก็ดี สัญญาขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์ก็กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 204

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯลฯ

[๒๐๒] รูปขันธ์กำลังดับในภูมิใด ฯลฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๐๓] รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตาย

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนี้

ที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังดับ และเวทนาขันธ์

ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 205

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูป-

ภูมิก็ดี เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลังตายในปัญจโวการ-

ภูมิ เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๐๔] เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

นอกจากนี้ที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจเวการภูมิก็ดี เวทนา-

ขันธ์กำลังดับ และสัญญาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 206

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี

ในปัญจโวการภูมิก็ดี สัญญาขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์ก็กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 207

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๐๕] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดที่กำลังเกิดก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอรูป-

ภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่

กำลังดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ และรูปขันธ์

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 208

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๐๖] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

จักดับ.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

กำลังดับ.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๐๗] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯลฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 209

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๐๘] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูป-

ภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนา-

ขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานใน

อรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ

และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลัง

ตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 210

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๐๙] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพาน สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับ และเวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 211

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี : -

[๒๑๐] รูปขันธ์เคยดับแก่บุคคลใด, เวทานาขันธ์ก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนี้ รูป-

ขันธ์เคยดับ และเวทนาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็เคยดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๑๑] เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 212

บุคคลที่กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลนอกจากนี้ เวทนา-

ขันธ์เคยดับ และสัญญาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯลฯ

[๒๑๒] รูปขันธ์เคยดับในภูมิใด, ฯ ลฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 213

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๑๓] รูปขันธ์เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนี้

ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์เคยดับ และเวทนาขันธ์ก็จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็เคย

ดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลนอกจากนี้ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ

เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์ก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 214

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๑๔] เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลนอกจากนี้ ที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์เคยดับ และสัญญาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

สัญญาขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์ก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 215

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๑๕] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๑๖] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 216

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๑๗] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๑๘] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 217

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธา-

วาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่เคยดับ

และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่รูปขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน

ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักดับ และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๑๙] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 218

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับ และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิ

ก็ดี สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุท-

ธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สัญญาขันธ์

ไม่ใช่จักดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

นิโรธวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 219

อุปปาทนิโรธวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี : -

[๒๒๐] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 220

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๒๑] เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๒๒] รูปขันธ์กำลังเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็กำลังดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 221

ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิดในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่กำลังดับในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิด และ

เวทนาขันธ์ก็กำลังดับในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์กำลังดับในภูมิใด, รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์กำลังดับในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์กำลังดับ และ

รูปขันธ์ก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๒๓] เวทนาขันธ์กำลังเกิดในภูมิใด, สัญญาขันธ์ก็กำลัง

ดับในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 222

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์กำลังดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็กำลัง

เกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๒๔] รูปขันธ์กำลังเกิดบุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 223

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๒๕] เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-

ขันธ์ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 224

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๒๖] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี รูป-

ขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญ-

ญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ และรูปขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 225

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๒๗] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สัญญาขันธ์กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิด และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

สัญญาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์ไม่ใช่

กำลังดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 226

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๒๘] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังดับในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังดับ.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๒๙] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังดับในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 227

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๓๐] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังในอรูปภูมิก็ดี บุคคล

ที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และเวทนา-

ขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 228

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดใน

อรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่

กำลังดับ และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[ ๒๓๑ ] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด,

สัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 229

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด,

เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

สัญญาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

สัญญาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 230

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๓๒] รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็เคยเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๓๓] เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็เคย

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 231

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๓๔] รูปขันธ์เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 232

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๓๕] รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์เคยเกิด และเวทนา-

ขันธ์ก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์เคยดับ และรูปขันธ์ก็เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 233

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๓๖] เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 234

อตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๓๗] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๓๘] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 235

ไม่มี.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๓๙] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 236

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๔๐] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยดับ และ

รูปขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 237

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๔๑] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 238

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๔๒] รูปขันธ์จักเกิดแก่บุคลใด, เวทนาขันธ์ก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็จักเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ

แล้วจักปรินิพพานก็ดี เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนี้ เวทนาขันธ์จักดับ

และรูปขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 239

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๔๓] เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิด สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนี้ สัญญา-

ขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๔๔] รูปขันธ์จักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 240

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๔๕] รูปขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์จักเกิด และเวทนาขันธ์

ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดยู่

ในอรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนี้ที่เกิดอยู่ใน

ปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 241

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๔๖] เวทนาขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิ สัญญาขันธ์

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด สัญญาขันธ์จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนี้ที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ปัญจโวการ

ภูมิก็ดี สัญญาขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระอนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 242

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๔๗] รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพานก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อปรินิพพันต

บุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด และเวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 243

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[ ๒๔๘ ] เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อ

ปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด

และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 244

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๔๙] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯลฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคลโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๕๐] รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อ

ปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด และ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 245

เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักดับ และรูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[ ๒๕๑ ] เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-

ขันธ์ ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 246

ภูมินั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด และสัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 247

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๕๒] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดใน

อรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์

เคยดับ และรูปขันธ์ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ฯ ล ฯ

( ปัจจุปปันนาตีตวาระ ในอุปปาทวาระ ท่านจำแนกไว้แล้วโดย

ประการใด ในอุปปาทนิโรธวาระนี้ ก็พึงจำแนกโดยประการนั้น )

รูปขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 248

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๕๓] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดใน

อรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 249

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[ ๒๕๔ ] เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในจตุ-

โวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์ก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 250

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๕๕] รูปขันธ์กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๕๖] รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์

กำลังเกิด และเวทนาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 251

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์ก็

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลัง

เกิดในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์ก็กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๕๗] เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-

ขันธ์ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 252

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ

สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในจตุ-

โวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์ก็กำลัง

เกิดบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 253

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๕๘] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดใน

อรูปภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลกำลังปรินิพพานใน

จตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และเวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 254

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๕๙] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้น

กำลังปรินิพพานในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิด และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทวาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 255

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๖๐] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฯ ล ฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๖๑] รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อปวินิพพันตบุคคล

เหล่านั้นกำลังปรินิพพานก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูป

ขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 256

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานก็ดี

บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ รูป

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๖๒] เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด,

สัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ

เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นกำลัง

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 257

ปรินิพพานก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่

กำลังเกิด และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 258

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๖๓] รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นที่กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์เคย

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลนอกจากนี้ รูปขันธ์เคยเกิด และเวทนาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็เคยเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 259

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๖๔] เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์ก็จักดับ

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่นอกจากนี้เวทนาขันธ์เคยเกิด และสัญญาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์ก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 260

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๖๕] รูปขันธ์เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๖๖] รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการ-

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, เมื่อบุคคลนอกจากนี้ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์เคยเกิด

และเวทนาขันธ์ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 261

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลนอกจากนี้ที่กำลัง

เกิดในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์จักดับ และรูปขันธ์ก็เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๖๗] เวทนาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญาขันธ์

ก็จักดับบุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นที่กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลนอกจากนี้ที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 262

ก็ดี ปัญจโวการภูมิก็ดี เวทนาขันธ์เคยเกิด และสัญญาขันธ์ก็จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนาขันธ์

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ สัญญาขันธ์จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลนอกจากนี้ที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี

ปัญจโวการภูมิดี สัญญาขันธ์จักดับ และเวทนาขันธ์ก็เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 263

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๖๘] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปขันธ์ก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๖๙] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, สัญญาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 264

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, เวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ ฯ ล ฯ

[๒๗๐] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

รูปขันธมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 265

ปุคคโลกาสวาระ

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๗๑] รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

เวทนาขันธ์จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคล

เหล่านั้นที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี ปรินิพพันตบุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี รูปขันธ์ไม่ใช่เคยเกิด และเวทนาขันธ์

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปขันธ์

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการ-

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทานาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้น กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 266

ก็ดี ปรินิพพันตบุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์

ไม่ใช่จักดับ และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล

เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-

[๒๗๒] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

สุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่

เคยเกิด และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปรินิพพันตบุคคลที่กำลังปรินิพพาน สัญญาขันธ์ไม่ใช่จัก

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 267

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธา-

วาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สัญญาขันธ์ไม่ใช่

จักดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี

เวทนาขันธมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

ปวัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 268

อรรถกถาขันธยมก

อรรถกถาปวัตติวาระ

บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มปวัตติวาระโดยนัยเป็นต้นว่า

ยสฺส รูปกฺขนฺโธ ถามว่า เพราะเหตุไรพระองค์จึงไม่ตรัสอุทเธสวาระ

ไว้ในปวัตติวาระนี้ ตอบว่า เพราะเป็นนัยที่ทรงแสดงไว้แล้วในหนหลัง

ก็นัยในอุทเทสวาระพระองค์ทรงแสดงไว้แล้วในปัณณัตติวาระ ก็โดย

นัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่ตรัสอุทเทสวาระนั้น ทรงเริ่มนิทเทส

วาระเลยทีเดียว เพราะแม้ไม่ตรัสอุทเทสวาระไว้ในปัณณัตติวาระนี้

ใคร ๆ ก็อาจทราบได้.

ก็อันตรวาระ ๓ คือ อุปาทวาระ นิโรธวาระ อุปาทนิโรธ

วาระ ย่อมมีในมหาวาระ กล่าวาคือ ปวัตติวาระนี้.

ในวาระทั้ง ๓ นั้น วาระที่ ๑ เรียกว่า อุปาทวาระ เพราะ

แสดงลักษณะแห่งการเกิดขึ้นของธรรมทั้งหลาย.

วาระที่ ๒ เรียกว่า นิโรธวาระ เพราะแสดงลักษณะแห่งการ

ดับของธรรมทั้งหลายเหล่านี้นั้นนั้นแหละ.

วาระที่ ๓ เรียกว่า อุปาทนิโรธวาระ เพราะแสดงลักษณะ

แม้ทั้งสอง.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอาการแห่งการเกิดขึ้นของธรรม

ทั้งหลายในปวัตติวาระนี้ด้วยอุปาทวาระ, ทรงแสดงความไม่เที่ยงของ

ธรรมทั้งหลายเหล่านั้นนั้นเองด้วยนิโรธวาระว่า " ชื่อว่า การเกิดขึ้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 269

แล้ว ชื่อว่า เที่ยงย่อมไม่มี " ทรงแสดงความเกิดขึ้นและความไม่เที่ยง

ทั้งสองนั้นด้วยอุปาทนิโรธวาระ.

ในอุปาทวาระนั้น มีประเภทแห่งกาล ๖ อย่าง ด้วยอำนาจ

อัทธา ๓ คือปัจจุบัน อดีต อนาคต ปัจจุบันกับอดีต ปัจจุบันอนาคต

อดีตกับอนาคต.

ในกาลเหล่านั้น คำว่า ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ รูปขันธ์

กำลังเกิด ( ย่อมเกิด ) แก่บุคคลใด พึงทราบว่าเป็น ปัจจุบัน

ด้วยอำนาจของชื่อที่เป็นปัจจุบัน ก็ปัจจุบันนั้นพระองค์ตรัสไว้ก่อนว่า

"ปัจจุบันนั้นเป็นธรรมชาติที่บุคคลพึงรู้ด้วยดีเกินเปรียบ" เพราะความ

ที่ธรรมทั้งหลายที่เป็นปัจจุบัน บุคคลพึงถือเอาได้โดยประจักษ์.

อดีตกาล พึงทราบด้วยอำนาจของชื่อที่เป็นอดีตว่า ยสฺส

รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิตฺถ = รูปขันธ์เคยเกิด ( เกิดแล้ว ) แก่บุคคล

ใด ก็อดีตกาลนั้นท่านกล่าวไว้เป็นที่สองเพราะอดีตธรรมที่เคยเกิดขึ้น

แล้วในภายหลัง เป็นธรรมที่บุคคลพึงรู้แจ้งโดยประจักษ์ดีกว่าอนาคต

ที่บุคคลพึงรู้แจ้งโดยอนุมาน.

พึงทราบ อนาคตกาล ด้วยอำนาจแห่งชื่อที่เป็นอนาคตว่า

ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ = รูปขันธ์จักเกิดแก่บุคคลใด

อนาคตกาลนั้นกล่าวไว้เป็นที่ ๓ เพราะถือเอาว่าธรรมทั้งหลายมีอย่างนี้

เป็นรูปจักเกิดขึ้น แม้ในอนาคตด้วยอำนาจธรรมที่เคยเกิดขึ้นแล้วโดย

ประจักษ์ และด้วยธรรมที่ถือเอาแล้วโดยอนุมาน.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 270

คำถามว่า ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ

อุปฺปชฺชิตฺถ พึงทราบว่าเป็นปัจจุบันกับอดีต ด้วยอำนาจชื่อที่เป็น

ปัจจุบันกับชื่อที่เป็นอดีต ปัจจุบันกับอดีต ( ปัจจุปันนาตีตวาระ ) นั้น

กล่าวไว้เป็นที่ ๔ เพราะปัจจุบันและอดีตบุคคลพึงรู้แจ้งได้ง่ายกว่ากาล

ทั้ง ๓ ที่เจือปนกัน.

พึงทราบปัจจุบันกับอนาคต ด้วยอำนาจของชื่อที่เป็นปัจจุบันกับ

ชื่อที่เป็นอนาคตว่า ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ

อุปฺปชฺชสฺสติ ปัจจุบันกับอนาคตนั้น กล่าวไว้เป็นที่ ๕ เพราะว่า

ปัจจุบันกับอนาคตนั้น เป็นกาลที่บุคคลพึงรู้ได้ง่ายกว่าโดยเนื้อความ

เพราะธรรมทั้งหลายที่พึงถือเอาโดยประจักษ์มีอยู่.

พึงทราบอดีตกับอนาคต ด้วยชื่อที่เป็นอนาคตกับด้วยอดีตว่า

ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิตฺถ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ

อดีตกับอนาคตนั้น พึงรู้ได้ยากกว่ากาลทั้งหลายก่อน ๆ เพราะเหตุนั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้ในลำดับที่ ๖.

ในกาลทั้ง ๖ นั้น ปัจจุบันกาลอันเป็นกาลที่หนึ่ง มี ๓ วาระ

คือ โดยบุคคล โดยโอกาส โดยบุคคลและโอกาส (ปุคคลวาระ,

โอกาสวาระ และปุคคโลกาสวาระ).

ในวาระทั้ง ๓ นั้น การแสดงการเกิดขึ้นแห่งขันธ์ทั้งหลายด้วย

อำนาจบุคคลด้วยคำว่า ยสฺส ชื่อว่า ปุคคลวาระ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 271

การแสดงการเกิดขึ้นแห่งขันธ์ทั้งหลายด้วยอำนาจโอกาส ด้วย

คำว่า ยตฺถ ชื่อว่า โอกาสวาระ.

การแสดงการเกิดขึ้นแห่งขันธ์ทั้งหลายด้วยอำนาจบุคคลและ

โอกาส ด้วยคำว่า ยสฺส ยตฺถ ชื่อว่า ปุคคโลกาสวาระ.

วาระทั้ง ๓ เหล่านี้ พระองค์ทรงแสดงอนุโลมนัยก่อน แล้วจึง

แสดงปฏิโลมนัยภายหลัง ในอนุโลมนัยและปฏิโลมนัย การแสดงการ

เกิดขึ้นด้วยคำว่า อุปฺปชฺชติ=ย่อมเกิด (กำลังเกิด) อุปฺปชฺชิตฺถ=

เกิดแล้ว (เคยเกิด) อุปฺปชฺชิสฺสติ=จักเกิด ชื่อว่า อนุโลมนัย

การแสดงการไม่เกิดขึ้นด้วยคำว่า นุปฺปชฺชติ=ไม่ใช่ย่อมเกิด ( หรือ

ไม่ใช่กำลังเกิด ) นุปฺปชฺชิตฺถ ไม่ใช่เกิดแล้ว ( ไม่เคยเกิด )

นุปฺปชฺชิสฺสติ=ไม่ใช่จักเกิด ชื่อว่า ปฏิโลมนัย.

ในอนุโลมนัยแห่งบุคคลวาระ ในปัจจุบันกาลนั้น มียมก ๑๐ อย่าง

เพราะนับแล้วไม่นับอีก ( คือนับเฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน ) คือ ยมก ๔

อย่างที่มีรูปขันธ์เป็นมูลอย่างนี้ว่า.

ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ,

ยสฺส วา ปน เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส รูปกฺขนฺโธ อุป-

ปชฺชติ = รูปขันธ์ย่อมเกิดแก่บุคคลใด เวทนาขันข์ที่ย่อมเกิดแก่

บุคคลนั้นหรือ, ก็หรือว่า เวทนาขันธ์ย่อมเกิดแก่บุคคลใด รูป-

ขันธ์ก็ย่อมเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 272

ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส สญฺากฺขนฺโธ อุปฺ-

ปชฺชติ, ยสฺส วา ปน สญฺากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส

รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ = รูปขันธ์ย่อมเกิดแก่บุคคลใด สัญญาขันธ์

ก็ย่อมเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ, ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ย่อมเกิดแก่

บุคคลใด รูปขันธ์ก็ย่อมเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ.

ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส สงฺขารกฺขนฺโธ

อุปฺปชฺชติ, ยสฺส วา ปน สงฺขารกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส

รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ =รูปขันธ์ย่อมเกิดแก่บุคคลใด สังขารขันธ์

ก็ย่อมเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ, ก็หรือว่า สังขารขันธ์ย่อมเกิดแก่

บุคคลใด รูปขันธ์ก็ย่อมเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ.

ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส วิญฺาณกฺขนฺโธ

อุปฺปชฺชติ, ยสฺส วา ปน วิฺาณกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส

รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ= รูปขันธ์ย่อมเกิดแก่บุคคลใด วิญญาณ

ขันธ์ก็ย่อมเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ, ก็หรือว่า วิญญาณขันธ์ย่อม

เกิดแก่บุคคลใด รูปขันธ์ก็ย่อมเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ.

ยมก ๓ อย่าง ที่มีเวทนาขันธ์เป็นมูล ด้วยนัยเป็นต้นว่า ยสฺส

เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส สญฺากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ

ยมก ๒ อย่างที่มีสัญญาขันธ์เป็นมูลยมก ๑ อย่างที่มีสังขารขันธ์เป็นมูล.

ในยมกทั้ง ๑๐ อย่างนั้น ในยมก ๔ อย่างที่มีรูปขันธ์เป็นมูล

พระองค์ทรงวิสัชนายมกต้นอย่างเดียวเท่านั้น ยมกที่เหลือ ( อีก ๓ )

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 273

มีการวิสัชนาเช่นกับยมกต้นนั้น เพราะเหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึง

ทรงย่อไว้ เพื่อความง่ายแห่งภาษาที่เป็นแบบแผน แม้ในมูลทั้งหลาย

มีเวทนาขันธ์เป็นมูลเป็นต้น การวิสัชนาเป็นอย่างเดียวกัน ด้วยคำว่า

อามนฺตา =ใช่ เพราะเหตุนั้น พึงทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรง

วิสัชนายมก ๑๐ อย่างแล้ว ด้วยการวิสัชนายมกหนึ่ง ๆ ในอนุโลมนัย

ในบุคลวาระ ในปัจจุบันกาล เหล่านี้อย่างนี้ว่า ยมกเหล่านั้นทรง

ย่อไว้เพื่อความง่ายแห่งภาษาที่เป็นแบบแผน.

ในอนุโลมนัย ในวาระทั้ง ๓ ในปัจจุบันกาล มียมก ๓๐ อย่าง

คือ ในบุคคลวาระมี ๑๐ อย่าง ในโอกาสวาระ ๑๐ อย่าง ในปุคค-

โลกาสวาระ ๑๐ อย่าง ฉันใด แม้ในปฏิโลมนัยก็มี ๓๐ ฉันนั้น จึง

รวมเป็นยมกะ ๖๐ อย่าง ในปัจจุบันกาลทั้งหมด.

ในยมกะ ๖๐ อย่างนั้น พึงทราบว่า มีปุจฉา ๑๒๐ มีอรรถ ๒๔๐.

วาระทั้ง ๖ พึงทราบว่า มียมกะ ๖๐ เพราะกระทำให้เป็น ๑๐

ในวาระหนึ่ง ๆ รวมกับยมกะ ๓๐๐ ในก่อน จึงเป็นยมกะ ๓๖๐ ปุจฉา

๗๒๐ อรรถ ๑,๔๔๐ นี้เป็นการกำหนดพระบาลีในอุปปาทวาระก่อน

ก็ในอุปปาทะวาระฉันใด พึงทราบว่าแม้ในนิโรธวาระ แม้ในอุปปาท-

นิโรธวาระก็อย่างนั้น ในปวัตติมหาวาระ แม้ทั้งหมดจึงมียมกะ ๑,๐๘๐

ปุจฉา ๒,๑๖๐ อรรถ ๔,๓๒๐.

แต่พระบาลีในอุปปาทวาระและนิโรธวาระ พระผู้มีพระภาคเจ้า

ทรงวิสัชนาย่อไว้แล้วซึ่งยมกหนึ่ง ๆ เท่านั้น ในวาระนั้น ๆ ในประเภท

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 274

แห่งกาลที่ไม่ปะปนกัน ๓ อย่าง ในประเภทแห่งกาลที่ปะปนกัน ๓ อย่าง

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงวิสัชนายมกอย่างหนึ่ง แม้ในมูลที่มีเวทนาขันธ์

เป็นมูลเป็นต้น โดยเป็นต้นว่า ยสฺส เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ

ตสฺส สญฺากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิตฺถ=เวทนาขันธ์ย่อมเกิดแก่บุคคล

ใด สัญญาขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลนั้นใช่ไหม ? ก็ในอุปปาทะนิโรธ

วาระพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงวิสัชนายมกแม้นั้นไว้ในประเภทแห่งกาล

แม้ทั้ง ๖ พึงทราบว่ายมกที่เหลือทรงย่อไว้ เพราะยมกเหล่านั้นพระองค์

ทรงวิสัชนาให้เสมอกันกับยมกนั้น นี้เป็นการกำหนดพระบาลีในปวัตติ

มหาวาระแม้ทั้งสิ้น.

ก็เพื่อวินิจฉัยเนื้อความแห่งขันธยมกนี้ พึงทราบลักษณะดังต่อ

ไปนี้ บัณฑิตพึงทราบการวินิจฉัยเนื้อความแห่งปัญหา ๔ อย่าง ใน

ปวัตติมหาวาระนี้ที่ท่านใส่ไว้ในคำวิสัชนา ๕ อย่าง ในฐานะ ๒๗ ใน

อรรถวินิจฉัยนั้น ชื่อปัญหา ๔ อย่าง คือ ปุเรปัญหา ปัจฉาปัญหา

ปริปุณณปัญหา โมฆะปัญหา ก็ยมกหนึ่ง ๆ มีปุจฉา ๒ อย่าง (คือ

อนุโลมและปฏิโลม ) แม้ปุจฉาหนึ่ง ๆ ก็มีบท ๒ อย่าง ( คือสันนิฏฐาน

และสังสยะ ).

ในปัญหา ๔ อย่างนั้น ในการวิสัชนาซึ่งปัญหาใด ย่อมได้การ

เกิดขึ้นหรือการดับไปแห่งขันธ์ที่ถือเอาด้วยบทเพียงบทเดียว ปัญหานี้

ชื่อว่า ปุเรปัญหา.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 275

ก็ในการวิสัชนาซึ่งปัญหาใด ย่อมได้การเกิดขึ้นหรือความดับไป

แห่งขันธ์ที่ถือเอาด้วยบทแม้ทั้งสอง ปัญหานี้ชื่อว่า ปัจฉาปัญหา.

ก็ในการวิสัชนาซึ่งปัญหาใดย่อมได้การเกิดขึ้นหรือความดับไป

แห่งขันธ์ที่ถือเอาแล้วด้วยบทเพียงบทเดียวบ้าง ด้วยบทแม้ทั้งสองบ้าง

ปัญหานี้ชื่อว่า ปริปุณณปัญหา แต่การห้ามหรือการปฏิเสธย่อมได้ใน

การวิสัชนาซึ่งปัญหาใด ปัญหานี้ชื่อว่า โมฆะปัญหา ก็เพราะโมฆะ

ปัญหานี้ ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงไว้ ใคร ๆ ก็ไม่อาจรู้ได้ ฉะนั้นจึง

จักแสดงปัญหานั้นไว้.

การเกิดขึ้นแห่งเวทนาขันธ์อันท่านถือเอาด้วยบทเพียงบทเดียว

ในการวิสัชนานี้ว่า อุปฺปชฺชติ ย่อมเกิด (กำลังเกิด) ในคำถามว่า

ยตฺถ รูปกฺขนฺโธ นุปฺชฺชติ ตตฺถ เวทนากฺขนฺโธ นุปฺปชฺชติ =

รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังในภูมิ

นั้นหรือ เพราะเหตุนั้นปัญหานี้ด้วย ปัญหาอื่นที่มีรูปอย่างนี้ด้วย พึง

ทราบว่าเป็น ปุเรปัญหา.

การเกิดขึ้นแห่งรูปและเวทนาขันธ์ในอดีตของสัตว์ใดสัตว์หนึ่ง

ที่ถือด้วยบททั้งสองย่อมได้ในการวิสัชนานี้ว่า อามนฺตา =ใช่ ใน

ปัญหาว่า ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิตฺถ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ

อุปฺปชฺชิตถ= รูปขันธ์เคยเกิดแก่บุคคลใด เวทนาขันธ์เคยเกิด

แล้วแก่บุคคลนั้นหรือ ? เพราะเหตุนั้นปัญหานี้และปัญหาอื่นที่มีรูป

อย่างนี้ ชื่อว่า ปัจฉาปัญหา.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 276

ก็การเกิดขึ้นแม้ของรูปขันธ์ที่ถือเอาแล้วด้วยบทเพียงบทเดียว

ย่อมได้ในปุริมโกฏาสะนี้ว่า อสญฺสตฺต อุปปชฺชนฺตาน

เตส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ โน จ เตส เวทนกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ=

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์กำลังเกิด

แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ในการวิสัชนานี้

มีอาทิว่า อสญฺสตฺต อุปปชฺชนตาน, ในปัญหาแรกนี้ว่า ยสฺส

รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ =รูปขันธ์

กำลังเกิดแก่บุคคลใด เวทนาขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ

ดังนี้ การเกิดขึ้นแม้ของรูปและเวทนาขันธ์ที่ถือเอาแล้วด้วยบทแม้ทั้งสอง

ย่อมได้ในปัจฉิมโกฏสะนี้ว่า ปญฺจโวการ อุปปชฺชติ เตส รูปกฺ-

ขนฺโธ จ อุปฺปชฺชติ เวทนากฺขนฺโธ จ อุปฺปชฺชติ=เมื่อบุคคลเหล่า-

นั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ก็กำลังเกิด เวทนาขันธ์ก็

กำลังเกิด เพราะเหตุนั้น ปัญหานี้และปัญหาอื่นที่มีรูปอย่างนี้ พึง

ทราบว่าเป็น ปริปุณณปัญหา แม้คำว่า ปุเรปัจฉาปัญหา ก็เป็น

ชื่อของปริปุณณปัญหานั้นนั่นแหละ.

ก็ในการวิสัชนาปริปุณณปัญหานี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง

ความเกิดขึ้นแห่งรูปขันธ์นั้นแหละที่สงเคราะห์ไว้ด้วยบทเดียวในปุริม-

โกฏฐาส ในทุติยโกฏฐาสการเกิดขึ้นและการดับไปแห่งขันธ์ที่ถือเอาแล้ว

ด้วยบทบทเดียว ย่อมได้ในปัญหาใดด้วยนัยและลักษณะนี้แห่งรูปและ

เวทนาขันธ์ที่ถือเอาด้วยบททั้งสอง ปัญหานั้นเรียกว่า ปุเรปัญหา.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 277

การเกิดขึ้นหรือการดับไปของขันธ์ทั้งหลายที่ถือเอาด้วยบททั้งสอง

ย่อมได้ในปัญหาใด ปัญหานั้นเรียกว่า ปัจฉาปัญหา.

ปฏิกเขปวิสัชนา ย่อมได้ในการวิสัชนานี้ ด้วยคำว่า นตฺถิ =

ไม่มี ในปัญหานี้ว่า ยสฺส รูปกฺขนฺโธ นุปฺปชฺชิตฺถ ตสฺส

เวทนากฺขนฺโธ นุปฺปชฺชิตฺถ = รูปขันธ์ไม่เคยเกิดแก่บุคคลใด

เวทนาขันธ์ก็ไม่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ.

ปฏิเสธวิสัชนา ย่อมได้ในการวิสัชนานี้ด้วยคำว่า โน = ไม่ใช่

ในคำถามว่า ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ

นิรุชฺฌติ = รูปขันธ์กำลังเกิดแก่บุคคลใด เวทนาขันธ์ก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้นหรือ เหตุนั้น ปัญหานี้และปัญหาอื่นที่มีรูปอย่างนี้

รวม ๒ อย่าง พึงทราบว่าเป็น โมฆะปัญหา แม้โมฆะปัญหานี้เรียกว่า

เฉทตุจฉปัญหา ก็ได้ พึงทราบปัญหาทั้ง ๔ อย่าง อย่างนี้ก่อน.

ก็วิสัชนาเหล่านี้คือ ปาลิคติวิสัชนา ปฏิวจนวิสัชนา สรูป-

ทัสสนวิสัชนา ปฏิภเขปวิสัชนา ปฏิเสธวิสัชนา ชื่อว่าวิสัชนา

๕ อย่าง ในวิสัชนา ๕ อย่างนั้น วิสัชนาใด เป็นบาลีบทเท่านั้น

อันท่านวิสัชนานั้นเนื้อความไว้ วิสัชนานี้ชื่อว่า ปาลิคติวิสัชนา

ปาลิคติวิสัชนานั้นย่อมได้ในปุเรปัญหา วิสัชนานี้ว่า อุปฺปชฺชติ=

กำลังเกิด ในปัญหาว่า ยตฺถ รูปกฺขนฺโธ นุปฺปชฺชติ ตตฺถ เวทนา-

กฺขนฺโธ นุปฺปชฺชติ=รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด เวทนา-

ขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้นหรือ เป็นเพียงบทแห่งพระบาลีที่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 278

พระองค์วิสัชนาเนื้อความไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้น พึงทราบการ

วิสัชนาด้วย ปาลิคติวิสัชนา ในฐานะเห็นปานนี้ อย่างนี้.

ก็วิสัชนาใดที่ท่านวิสัชนาเนื้อความโดยความเป็นคำตอบ วิสัชนา

นี้ชื่อว่า ปฏิวจนวิสัชนา ปฏิวจนวิสัชนานั้นย่อมได้ในปัจฉาปัญหา

ก็วิสัชนานี้ด้วยคำว่า อามนฺตา=ใช่ ในปัญหาว่า ยสฺส รูปกฺขนฺโธ

อุปฺปชิตฺถ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิตฺถ=รูปขันธ์เคยเกิด

แก่บุคคลใด เวทนาขันธ์ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ ที่พระองค์

ทรงวิสัชนาเนื้อความไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยอำนาจความเป็นคำตอบนั่น

แหละ เพราะฉะนั้น พึงทราบ ปฏิวจนวิสัชนา ในฐานะเห็นปานนี้.

คำวิสัชนาใดที่ท่านแสดงเนื้อความไว้โดยสรูป วิสัชนานี้ชื่อว่า

สรูปทัสสนวิสัชนา สรูปทัสสนวิสัชนานี้ย่อมได้ในปริปุณณปัญหา.

ก็วิสัชนานี้ว่า อสญฺสตฺต อุปปชฺชนน ในปัญหาว่า ยสฺส

รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ อันพระองค์

ทรงวิสัชนาเนื้อความไว้เรียบร้อยแล้วด้วยการแสดงโดยรูปว่า รูปขันธ์

ย่อมเกิดแก่บุคคลเหล่านี้ แต่เวทนาขันธ์ไม่เกิด รูปขันธ์และเวทนา-

ขันธ์ก็ย่อมเกิดแก่บุคคลเหล่านี้ เพราะเหตุนั้น พึงทราบ สรูปทัสสน-

วิสัชนา ในที่ทั้งหลายเห็นปานนี้.

ก็คำวิสัชนาใดที่ท่านวิสัชนาปัญหาด้วยการห้ามเนื้อความ เพราะ

ความไม่มีเนื้อความเห็นปานนั้น คำวิสัชนานั้น ชื่อว่า ปฏิกเขปวิสัชนา.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 279

วิสัชนาใดที่ท่านวิสัชนาปัญหาโดยปฏิเสธเนื้อความ เพราะความ

ไม่ได้ซึ่งเนื้อความเห็นปานนั้นในขณะหนึ่ง ๆ วิสัชนานี้ชื่อว่า ปฏิเสธ-

วิสัชนา ปฏิเสธวิสัชนานั้น ย่อมได้ในโมฆะปัญหา.

จริงอยู่ คำวิสัชนานี้ว่า นตฺถิ = ไม่มี ในปัญหาว่า ยสฺส

รูปกฺขนฺโธ นุปฺปชฺชิตถ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ นุปฺปชฺชิตฺถ =

รูปขันธ์ไม่เคยเกิดแก่บุคคลใด เวทนาขันธ์ก็ไม่เคยเกิดแก่บุคคล

นั้นหรือ เป็นคำวิสัชนาที่ท่านวิสัชนาไว้เรียบร้อยแล้วโดยการห้ามเนื้อ

ความว่า ชื่อสัตว์เห็นปานนี้ย่อมไม่มี เพราะฉะนั้นพึงทราบการวิสัชนา

ในที่ทั้งปวงเห็นปานนี้ด้วย ปฏิกเขปวิสัชนา.

ก็คำวิสัชนานี้ว่า โน = ไม่ใช่ ในปัญหาว่า ยสฺส รูปกฺขนฺโธ

อุปฺปชฺชติ ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ นิรุชฺฌติ = รูปขันธ์ย่อมเกิดแก่

บุคคลใด เวทนาขันธ์ย่อมดับแก่บุคคลนั้นหรือ อันท่านวิสัชนาไว้

เรียบร้อยแล้วโดยการปฏิเสธเนื้อความว่า ชื่อว่า การดับไปพร้อมกับ

การเกิดขึ้นย่อมไม่ได้ในปฏิสนธิขณะหนึ่ง ๆ.

บัดนี้พึงทราบปัญหา ๔ อย่างและการวิสัชนา ๕ อย่าง ที่ควร

ใส่ไว้ในฐานะ ๒๗ เหล่าใด พึงทราบฐานะเหล่านั้นอย่างนี้ คือ อสญฺ-

สตฺต อุปฺปชฺชนฺตาน เป็น ๑ ฐานะ อสญฺสตฺเต ตตฺถ ๑ ฐานะ

อสญฺตฺตาน ๑ ฐานะ อสญฺสตฺตา จวนฺตาน ๑ ฐานะ อรูป

อุปปชฺชนฺตาน ๑ ฐาน อรูเป ตตฺถ ๑ ฐานะ อรูปน ๑ ฐานะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 280

อรูปา จวนฺตาน ๑ ฐานะ อรูเป ปจฺฉิมภวิกาน ๑ ฐานะ อรูเป

ปรินิพฺพายนฺตาน (บาลีใช้ว่า ปรินิพฺพนฺตาน ) ๑ ฐานะ เย จ

อรูป อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ ๑ ฐานะ ปญฺจโวการ อุปปชฺ-

ชนฺตาน ๑ ฐานะ ปญฺจโวกาเร ตตฺถ ๑ ฐานะ ปญฺจโวการน

ฐานะ ปญฺจโวการา จวนฺตาน ๑ ฐานะ ปญฺจโวกาเร ปจฺฉิมภวิกาน

๑ ฐานะ สุทธาวาส อุปปชฺชนตาน ๑ ฐานะ สุทฺธาวาเส ตตฺถ

๑ ฐานะ สุทธาวาสน ๑ ฐานะ สุทธาวาเส ปรินิพฺพนฺตาน ๑ ฐานะ

สพฺเพส อุปปชฺชนฺตาน ๑ ฐานะ สพฺเพส จวนฺตาน ๑ ฐานะ

ปุจฺฉิมภวิกาน ด้วยอำนาจที่สาธารณะแก่สัตว์ทั้งปวงอีก ๑ ฐานะ ปริ-

นิพฺพายนฺตาน (บาลีใช้ปรินิพิพนฺตาน) ๑ ฐานะ จตุโวการ ปญฺจ-

โวการ อุปปชฺชนฺตาน ๑ ฐานะ จตุโวการา ปญฺจโวการา จวนฺ-

ตาน ๑ ฐานะ บัณฑิตพึงใส่คำวิสัชนา ๕ อย่างไว้ในฐานะ ๒๗ อย่าง

เหล่านี้แล้ว พึงทราบการวินิจฉัยเนื้อความแห่งปัญหา ๔ อย่างในปวัต-

มหาวาระด้วยประการฉะนี้ ก็อรรถวินิจฉัยนั้น อันบัณฑิตทราบแล้ว

อย่างนี้ เมื่อวิสัชนาปัญหาย่อมเป็นอันวิสัชนาแล้วโดยง่าย และเมื่อ

วินิจฉัยซึ่งเนื้อความย่อมเป็นอันวินิจฉัยแล้วโดยง่าย.

นัยนี้ว่า ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ = รูปขันธ์ย่อมเกิด

แก่บุคคลใด ได้แก่ย่อมถามว่า รูปขันธ์กำลังเกิดในอุปาทะขณะสมังคี

แก่บุคคลใด เวทนาก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นหรือ เพราะเหตุนี้แม้เวทนา

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 281

ขันธ์ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในขณะนั้นนั่นแหละ สองบทว่า อสญฺ-

สตฺต อุปปชฺชนฺตาน = ได้แก่ เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภพด้วยอำนาจปฏิสนธิที่ไม่ใช่จิต บทว่า เตส รูปกฺขนฺโธ อุปฺ-

ปชฺชติ = ได้แก่รูปขันธ์กำลังเกิดเพียงอย่างเดียวแก่อสัญญสัตว์นั้น ก็

รูปขันธ์ของอสัญญสัตว์ผู้เกิดแล้วในปวัตติกาล ย่อมเกิดบ้าง ย่อมดับ

บ้าง เพราะเหตุนั้น จึงไม่ตรัสว่า อสญฺสตฺตาน = เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิ แต่ตรัสว่า อสญฺสตฺต อุปปชฺชนฺตาน = เกิดอยู่

คือกำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ โน จ เตส เวทนากฺขนฺโธ อุปฺ-

ปชฺชติ = แต่เวทนาขันธ์ย่อมไม่เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ได้แก่

เวทนาขันธ์ของอสัญญสัตว์เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด เพราะความที่แห่ง

อสัญญสัตว์นั้นไม่มีจิต นี้เป็นการวิสัชนาโดยการแสดง โดยสรูปใน

ปุริมโกฏฐาสแห่งปริปุณณปัญหา ในฐานะที่ ๑ ในบรรดาฐานะ ๒๗

อย่าง.

สองบทว่า ปญฺจโวการ อุปปชฺชนฺตาน = กำลังเกิดในปัญจ-

โวการภูมิ ได้แก่ เข้าถึงอยู่ซึ่งปัญจโวการภพด้วยอำนาจแห่งการปฏิ-

สนธิที่เจือด้วยรูปและอรูป หลายบทว่า เตส รูปกฺขนฺโธ จ อุปฺปชฺชติ

เวทนากฺขนฺโธ จ อุปปชฺชติ = เวทนาขันธ์ย่อมเกิดแก่บุคคลเหล่า

๑. คำว่า เกิดอยู่ หมายความทั้งกำลังเกิดและกำลังตาย คำว่า อสญฺสตฺตาน

ในยมกะนี้ จึงมีความหมายว่า กำลังเกิด-กำลังตาย

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 282

นั้น ได้แก่ ขันธ์แม้สอง กล่าวคือ รูปและเวทนา ย่อมเกิดขึ้นนั่น

เที่ยวแก่สัตว์ทั้งหลายผู้เข้าถึงซึ่งปัญจโวการภพเหล่านั้นโดยแน่นอน แต่

ว่าในปวัตติกาล ขันธ์ ๒ เหล่านั้น ย่อมเกิดขึ้นบ้าง ย่อมดับบ้างแก่

สัตว์ผู้เกิดขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่ตรัสว่า ปุญฺจ-

โวการาน =เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ แต่ตรัสว่า ปญฺจโวการ อุปฺ-

ปชฺชนฺตาน = กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ นี้เป็นการวิสัชนาด้วย

การแสดงโดยสรุป ในปัจฉิมโกฏฐาส แห่งปริปุณณปัญหา ในฐานะว่า

ปญฺจโวการ อุปฺปชฺชนฺตาน พึงทราบการวิสัชนาทั้งหมดโดยอุบายนี้

ก็นี้เป็นนิยมลักษณะในการเกิด และการดับนี้ ก็ในขันธยมกนี้แม้ทั้งสิ้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอุปปาทวาระไว้ ด้วยอำนาจแห่งการเกิดขึ้น

ในปฏิสนธิกาลนั้นเที่ยวว่า การไม่ลูบคลำ ( คือไม่ทรงแสดง ) ซึ่งการ

เกิดและการดับในปวัตติกาลว่า ก็ในขันธยมกนี้ แม้ทั้งสิ้น เมื่อสัตว์

ทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วในปัญจโวการภพนั้น ๆ เมื่อการเกิดขึ้นและการดับ

อันไม่มีที่สุดแห่งขันธ์ ๕ แม้มีอยู่ในปวัตติกาลจนกระทั่งตาย การทำ

การแยกธรรมทั้งหลายที่เป็นไปโดยเร็ว เพื่อแสดงการเกิดและการดับ

ไม่ใช่ทำได้โดยง่าย ดังนี้แล้วจึงทรงแสดงการเกิดขึ้นแห่งขันธ์ทั้งหลาย

ในปฏิสนธิของสัตว์ผู้เกิดแล้วด้วยกรรมต่าง ๆ อันยังวิปากวัฏฏ์ใหม่ ๆ

ให้สำเร็จ เป็นการทำได้ง่าย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสนิโรธวาระด้วย

อำนาจการดับในมรณะกาลว่า " ก็การแสดงการดับ ในกาลเป็นที่สิ้น

สุดลงแห่งวิปากวัฏฏ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นการทำได้ง่าย" ก็ความไม่ลูบคลำ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 283

การเกิดและการดับในปวัตติกาลนี้เป็นประมาณอย่างไรนั่นเหละคือ

พระบาลี

อนึ่ง พระบาลีว่า ปจฺฉิมภวิกาน เตส รูปกฺขนฺโธ จ

นุปฺปชฺชติ เวทนากฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิสฺสติ = รูปขันธ์ก็ย่อมไม่

เกิด เวทนาขันธ์ก็จักไม่ดับแก่ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้น นี้ เป็น

ประมาณยิ่ง ในวาระแห่งอนาคตกาลแห่งอุปปาทะวาระโดยพิเศษใน

พระบาลี เมื่อภาวะที่สมควรเพื่อการเกิดขึ้นแห่งรูปธรรมมและอรูปธรรม

ทั้งหลายในปวัตติกาลของปัจฉิมภวิกบุคคลแม้มีอยู่ การเกิดขึ้นนในปวัตติ-

กาลพึงทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงถือเอาโดยภาวะที่กล่าวแล้ว จึง

ทรงกระทำการสันนิษฐานว่า รูปกฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชชชิสฺสติ เวทนากฺ

ขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิสฺสติ = รูปขันธ์ก็จักไม่เกิด เวทนาขันธ์ก็

จักไม่ดับ พระบาลีนี้ว่า สุทฺธาวาสปรินิพฺพนฺตาน = กำลังปรินิพ-

พานนสุทธวาส ดังนี้ เป็นประมาณยิ่ง ในการไม่แตะต้องซึ่งความ

ดับในปวัตติกาล ก็คลองแห่งการนับซึ่งสัญญาขันธ์ทั้งหลายที่ดับไปแล้ว

เพราะเกิดขึ้นแล้วในปวัตติกาล จำเดิมแต่ปฏิสนธิกาล ที่ตั้งอยู่ในภังค-

ขณะ จุติจิตของปรินิพพันตบุคคลในสุทธาวาส ย่อมไม่มี ครั้นเมื่อ

เป็นอย่างนั้น พึงทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงถือเอาความดับใน

ปวัตติกาลโดยภาวะที่กล่าวแล้ว จึงทรงกระทำการสันนิษฐานว่า เตส

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 284

ตตฺถ สญฺากฺขนฺโธ น นิรุชฺฌิตฺถ = สัญญาขันธ์ไม่ดับแล้ว (คือ

ไม่เคยดับ ) แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

บัณฑิตครั้นทราบลักษณะที่แน่นอนในการเกิดขึ้นและดับไปนี้

แล้ว ควรถือเอาการเกิดขึ้นด้วยปฏิสนธิกาล และการดับด้วยจุติกาล

เท่านั้น แล้วพึงทราบการวินิจฉัยเนื้อความแห่งการวิสัชนาทั้งหลายที่มา

แล้วในฐานะทั้งหลายเหล่านั้น ๆ ด้วยประการฉะนี้ แต่ว่าการวินิจฉัย

เนื้อความนั้นท่านไม่ทำให้พิสดารแล้วโดยลำดับแห่งการวิสัชนาว่า การ

วินิจฉัยเนื้อความนั้นใคร ๆ ก็อาจทราบได้โดยนัยที่กล่าวไว้แล้วในการ

วิสัชนาแรก หากว่าบุคคลใดไม่สามารถจะทราบการวินิจฉัยเนื้อความ

เหล่านั้น บุคคลนั้นพึงเข้าไปนั่งใกล้อาจารย์ ฟังด้วยดีแล้วพึงทราบ

ตามนัยที่อาจารย์ให้แล้วนี้ อย่างนี้.

ยมกทั้งหลายเหล่าใดในขันธ์ ๕ ย่อมมี

ด้วยอำนาจแห่งอุปาทวาระ, นิโรธวาระ และ

อุปาทะและนิโรธะทั้งสองรวมกัน ด้วยอำนาจของ

อนุโลมนัยและปฏิโลมนัย พระชินเจ้าตรัสแล้วซึ่ง

ยมกะทั้งหลายเหล่านั้นในวาระทั้งหลายในปวัตติ-

กาล เพราะทรงแสดงแล้วซึ่งบุคคลวาระ, โอกาส-

วาระ, และปุคคโลกาสวาระ การกำหนดพระบาลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 285

เหล่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้วโดย

ลำดับ แม้การประกอบเนื้อความเพื่อการวินิจฉัย

ปัญหาและวิสัชนา พร้อมทั้งฐานะทั้งหลายแห่ง

การวิสัชนาอย่างใดอย่างหนึ่งโดยประการทั้งปวง

พระชินเจ้าทรงแสดงแล้ว ทรงประกาศแล้วใน

ปัญหาหนึ่ง ๆ ลำดับการวิสัชนาปัญหาในปวัตติ-

มหาวาระนี้เป็นไปแล้วโดยพิสดาร เพราะฉะนั้น

บัณฑิตทั้งหลายจงทราบเนื้อความโดยนัยนี้ว่า

เบื้องหน้าแต่นี้ไปใครหนอจะสามารถพรรณนาเนื้อ

ความนี้ได้.

อรรถกถาปวัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 286

ปริญญาวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๗๓] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็กำลังรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดกำลังรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็กำลัง

รู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 287

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้น

ก็ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 288

อตีตวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๗๔] บุคคลใดเคยรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดเคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง

รูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

อตีตวาระอนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 289

อตีตวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

บุคคลใดเคยรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดเคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง

ก้ไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

อตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 290

อนาคตวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๗๕] บุคคลใดจักรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดจักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง

รูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

อนาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 291

อนาคตวาระ ปัจจนิก

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็

ไม่ใช่จักรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

อนาคตวาระปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 292

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๗๖] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดเคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็กำลัง

รู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 293

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่เคยรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

พระอรหันต์ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ แต่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์,

เว้นบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคก็ดี พระอรหันต์ก็ดี บุคคลที่เหลือ

ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ และไม่ใช่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้น

ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรค ไม่ใช่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์

แต่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, เว้นบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคก็ดี พระ-

อรหันต์ก็ดี บุคคลที่เหลือ ไม่ใช่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์ และไม่ใช่กำลัง

รู้แจ้งรูปขันธ์.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 294

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๗๗] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดจักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็กำลัง

รู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 295

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูป-

ขันะ แต่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, พระอรหันต์ก็ดี ปุถุชนเหล่าใดไม่

ใช่จักได้มรรคก็ดี บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ และไม่ใช่

จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่

กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรค ไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์ แต่

กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, พระอรหันต์ก็ดี ปุถุชนเหล่าใด ไม่ใช่จักได้มรรค

ก็ดี บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์ และไม่ใช่กำลังรู้แจ้ง

รูปขันธ์.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 296

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

[๒๗๘] บุคคลใดเคยรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดจักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง

รูปขันธ์ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 297

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

รูปขันธมูล

รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลเหล่านั้นก็ไม่ใช่จักรู้แจ้ง

เวทนาขันธ์ ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูป-

ขันธ์ แต่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดไม่ใช่จักได้มรรคก็ดี บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูป-

ขันธ์ และไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่

เคยรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม ?

พระอรหันต์ ไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์ แต่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์,

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคก็ดี ปุถุชนเหล่าใดไม่ใช่จักได้มรรคก็ดี

บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์ และไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์.

จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี

รูปขันธมูล จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

ปริญญาวาระ จบ

ขันธยมก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 298

อรรถกถาปริญญาวาระ

แม้ในปริญญาวาระ อันมีในลำดับต่อจากปวัตติมหาวาระนั้น มี

ประเภทแห่งกาล ๖ อย่างเท่านั้น มีนัย ๒ อย่างโดยอนุโลมและปฏิโลม

แต่ในวาระทั้ง ๓ คือ ปุคคลวาระ โอกาสวาระ ปุคคโลกาสวาระ ย่อม

ได้บุคคลวาระเท่านั้น ไม่ได้วาระนอกนี้.

ถามว่า เพราะเหตุไร ?

ตอบว่า เพราะมีคำวิสัชชนาอย่างเดียวกัน.

ก็ถ้าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ย่อมรอบรู้รูปขันธ์ในที่ใดที่หนึ่งไซร้

ก็ย่อมรอบรู้แม้เวทนาขันธ์ ถ้าว่าย่อมรอบรู้เวทนาขันธ์ไซร้ ก็ย่อมรอบ

รู้แม้รูปขันธ์ ถ้าว่าบุคคลใดไม่รอบรู้รูปขันธ์ไซร้ ก็ย่อมไม่รอบรู้แม้

เวทนาขันธ์ ถ้าว่าไม่รอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์ ก็ย่อมไม่รอบรู้แม้รูปขันธ์

เพราะฉะนั้น ในวาระแม้เหล่านั้น พึงทราบว่า ย่อมไม่ได้วาระ ๒

เหล่านั้น ในปริญญาวาระนี้ เพราะมีคำวิสัชชนาเหมือนกันว่า บุคคล

พึงทำการถามด้วยอำนาจคำถามเป็นต้นว่า ยตฺถ รูปกฺขนฺธ ปริชานาติ

ตตฺถ เวทนากฺขนฺธ ปริชานาติ ดังนี้แล้ว พึงกระทำการวิสัชชนาว่า

อามนฺตา -ใช่ นั้นแหละ.

อีกอย่างหนึ่ง ปุคคลวาระ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว

ในปริญญาวาระนี้ว่า ชื่อว่า ปริญญากิจ ย่อมมีแก่บุคคลเท่านั้นไม่มี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 299

แก่โอกาสะ บุคคลเท่านั้นสามารถเพื่อการรอบรู้ ไม่ใช่โอกาสะ เพราะ

เหตุนั้น จึงไม่ทรงถือเอาโอกาสวาระ ก็เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่

ทรงถือเอาโอกาสวาระนั้น ปุคคโลกาสวาระที่มีในลำดับแห่งโอกาส-

วาระนั้น แม้ได้อยู่ ก็ไม่ทรงถือเอา ก็บุคคลวาระนี้ใดทรงถือเอาแล้วใน

ปัจจุบันกาลยมกะ ๑๐ อย่าง ด้วยการถือเอาอีก ในอนุโลมโดยนัยที่

กล่าวแล้วในหนหลังว่า ยมกที่มีรูปขันธ์เป็นมูล ๔ เวทนาขันธ์เป็นมูล

๓ สัญญาขันธ์เป็นมูล ๒ สังขารขันธ์เป็นมูล ๑ ในปฏิโลมนัยอีก ๑๐

จึงรวมเป็นยมก ๒๐ แม้ในกาลที่เหลือก็อย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้น

พึงทราบการกำหนดพระบาลี ในปริญญาวาระนี้ว่า ยมก ๑๒๐ ปุจฉา

๒๔๐ อรรถ ๔๘๐ ย่อมมีในกาลทั้ง ๖ เพราะกระทำกาลหนึ่ง ๆ ให้

เป็น ๒๐.

ก็ในการวินิจฉัยเนื้อความในปริญญาวาระนี้ อัทธา ๓ คือ อดีต

อนาคต ปัจจุบัน ย่อมไม่ได้ด้วยอำนาจจุติและปฏิสนธิ เหมือนกันกับ

ปวัตติวาระ แต่ย่อมได้ด้วยอำนาจขณะแห่งจิตในปวัตติเท่านั้น เพราะ

เหตุนั้น ในปริญญาวาระนี้ ท่านจึงกระทำการวิสัชชนาว่า " ใช่ " ใน

คำถามทั้งหลาย เป็นต้นว่า บุคคลใดกำลังรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ บุคคล

นั้นกำลังรอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์หรือ บุคคลรู้อยู่ซึ่งขันธ์ใดขันธ์หนึ่งใน

ขันธ์ ๕ เพราะยังปริญญากิจให้สำเร็จด้วยกิจอันมีนิพพานเป็นอารมณ์

ในโลกุตตรมรรค ย่อมกล่าวได้ว่า ย่อมรอบรู้แม้ขันธ์นอกนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 300

คำว่า ปริชานาติ = ย่อมรอบรู้ ในปริญญาวาระนี้ พึงทราบ

ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ใช่ เพราะทรงหมายเอาความพร้อม-

เพรียงแห่งมรรคอันเลิศ ( อรหัตตมรรค ) อันถึงซึ่งที่สุดแห่งปริญญา-

กิจ ในปัญหาทั้งหลายในอนุโลมนัย แต่ว่าในปฏิโลมนัย คำว่า

ปริชานาติ =ไม่ใช่กำลังรอบรู้ ในปัญหาทั้งหลายพระมีพระภาคเจ้า

ตรัสว่า ใช่ เพราะทั้งทรงหมายเอาบุคคลทั้งหลายมีปุถุชนเป็นต้น ส่วน

ในคำนี้ว่า ปริชานิตฺถ = เคยรอบรู้ ในอดีตกาล ได้แก่ บุคคลแม้

ดำรงอยู่ในผลอันเลิศในลำดับแห่งมรรค ชื่อว่า รอบรู้แล้วนั่นเที่ยว

เพราะสำเร็จปริญญากิจแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมตรัสถามซึ่งความ

พร้อมเพรียงแห่งมรรคอันเลิศด้วยปัญหาว่า บุคคลใดกำลังรอบรู้รูป

ขันธ์ บุคคลนั้นเคยรอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์หรือ ก็เพราะบุคคลนี้ชื่อว่า

รู้อยู่ ( คือกำลังรู้) ซึ่งขันธ์ ๕ เท่านั้น ( ยังไม่เคยรอบรู้) เพราะ

ปริญญากิจที่ตนยังไม่สำเร็จแล้วก่อน เหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึง

กระทำการปฏิเสธว่า โน = ไม่ใช่ ( หามิได้ ).

ส่วนในปัญหาที่ ๒ พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมตรัสถามซึ่งพระ-

อรหัตต์ว่า ปริชานิตฺถ = รอบรู้แล้วหรือ ก็เพราะปริญญากิจที่ท่าน

กระทำสำเร็จแล้วไม่มีอยู่ เหตุนั้นชื่อว่ากิจที่ควรกำหนดรู้จึงไม่มีแก่พระ-

อรหันต์นั้น ฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงกระทำการปฏิเสธว่า โน =

ไม่ใช่ ในการวิสัชนาแห่งปฏิโลมนัยในทุติยปัญหานี้ว่า อรหา รูปกฺ-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 301

ขนฺธ ปริชานาติ = พระอรหันต์ไม่ใช่กำลังรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะความไม่มีเพื่อการรอบรู้ของพระ-

อรหันต์ หลายบทว่า บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคอันเลิศ ( อร-

หัตมรรค ) ไม่รอบรู้แล้วซึ่งเวทนาขันธ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส

แล้ว เพราะบุคคลผู้ดำรงอยู่ในอรหัตมรรค ยังไม่สำเร็จปริญญากิจ

อรหัตมรรคบุคคลนั้นย่อม (ยัง) ไม่เคยรอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์อย่างเดียว

เท่านั้นก็หามิได้ แม้ธรรมอย่างหนึ่งก็ไม่เคยรอบรู้ พระผู้มีพระภาคเจ้า

ตรัสคำนี้ไว้ด้วยอำนาจคำถาม แม้คำนี้ว่า โน จ รูปกฺขนฺธ พระ-

องค์ก็ตรัสแล้วด้วยอำนาจคำถามนั่นแหละ ก็อรหัตมรรคบุคคลนั้นย่อม

ไม่รอบรู้ซึ่งขันธ์แม้อื่น.

ปัญหาว่า บุคคลใดกำลังรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ บุคคลนั้นก็จัก

รอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์หรือ อธิบายว่า เพราะบุคคลผู้ดำรงอยู่ในมรรค

เป็นผู้มีขณะจิตเดียว ( คือมรรคจิตเกิดขณะเดียว ) ฉะนั้นบุคคลนั้น

ย่อมไม่ถึงซึ่งความนับว่า จักรอบรู้ เพราะเหตุนั้น พระองค์จึงตรัสว่า

โน = ไม่ใช่ หลายบทว่า เต รูปกฺขนฺธญฺจ น ปริชานิตฺถ =

บุคคลเหล่านั้นไม่เคยรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ด้วย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส

แล้วด้วยคำถามที่เสมอกัน อธิบายในปัญหานี้ว่า บุคคลทั้งหลายไม่รู้แล้ว

(คือยังไม่รู้ ) บัณฑิตพึงทราบการวินิจฉัยเนื้อความในที่ทั้งปวงโดยอุบาย

นี้.

ปริญญาวาระ จบ

ขันธยมกะ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 302

อายตนยมกที่ ๓

ปัณณัตติวาระ

[๒๗๙] อายตนะ ๑๒ คือ :-

๑. จักขายตนะ

๒. โสตายตนะ

๓. ฆานายตนะ

๔. ชิวหายตนะ

๕. กายายตนะ

๖. รูปายตนะ

๗. สัททายตนะ

๘. คันธายตนะ

๙. รสายตนะ

๑๐. โผฏฐัพพายตนะ

๑๑. มนายตนะ

๑๒. ธัมมายนตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 303

อุทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

[๒๘๐] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจักขายตนะ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสตะ, ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสตายตนะ, ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าฆานะ, ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าฆานายตนะ, ชื่อว่าฆานะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าชิวหา, ชื่อว่าชิวหายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าชิวหายตนะ, ชื่อว่าชิวหา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ากาย, ชื่อว่ากายายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ากายายตนะ, ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูปายตนะ, ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัททะ, ชื่อว่าสัททายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัททายตนะ, ชื่อว่าสัททะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าคันธะ, ชื่อว่าคันธายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าคันธายตนะ, ชื่อว่าคันธะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 304

ธรรมที่ชื่อว่ารสะ, ชื่อว่ารสายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารสายตนะ, ชื่อว่ารสะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ, ชื่อว่าโผฏฐัพพายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโผฏฐัพพายตนะ, ชื่อว่าโผฏฐัพพะ ใชไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามโน, ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามนายตนะ, ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมายตนะ, ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 305

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

[๒๘๑] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานะ, ไม่ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานายตนะ, ไม่ชื่อว่ารฆานะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าชิวหา, ไม่ชื่อว่าชิวหายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าชิวหายตนะ, ไม่ชื่อว่าชิวหา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่ากายายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายายตนะ, ไม่ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูปายตนะ, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัททะ, ไม่ชื่อว่าสัททายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัททายตนะ, ไม่ชื่อว่าสัททะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าคันธะ, ไม่ชื่อว่าคันธายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าคันธายตนะ, ไม่ชื่อว่าคันธะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 306

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารสะ, ไม่ชื่อว่ารสายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารสายตนะ, ไม่ชื่อว่ารสะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ, ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพายตนะ, ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโน, ไม่ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามนายตนะ, ไม่ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 307

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

[๒๘๒] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าโสตายนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าชิวหายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสตะ, ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสตะ, ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าฆานะ, ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 308

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าโสตายตนะ, ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

(พึงผูกจักกนัย).

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 309

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๒๘๓] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าชิวหายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตะ, ไม่ชื่อว่าโสตายนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานะ, ไม่ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 310

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่ามนายตะ ใช่ไหม ?

( พึงผูกจักกนัย ).

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 311

สุทธายตนวาระ อนุโลม

[๒๘๔] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสตะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าฆานะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าฆานะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าชิวหา, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าชิวหา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ากาย, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัททะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าสัททะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าคันธะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าคันธะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 312

ธรรมที่ชื่อว่าระ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่ารสะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าโผฏฐัพพะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามโน, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

สุทธายตนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 313

สุทธายตนวาระ ปัจจนิก

[๒๘๕] ธรรมที่ไม่ใช่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อวาโสตะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าฆานะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าชิวหา, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าชิวหา ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัททะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าสัททะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าคันธะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าคันธะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 314

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารสะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่ารสะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโน, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

สุทธายตนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 315

สุทธายตนมูลจักกวาระ อนุโลม

[๒๘๖] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสตะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าโสตะ ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าฆานะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 316

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

(พึงผูกจักกนัย ).

สุทธายตนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 317

สุทธายตนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๒๘๗] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 318

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

(พึงผูกจักกนัย).

สุทธายตนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

อุทเทสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 319

นิทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

[๒๘๘] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ชื่อว่าจักขุ แต่ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ,

จัขายตนะชื่อว่าจักขุด้วย ชื่อว่าจักขายตนะด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าจักขายตนะ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าโสตะ, ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ทิพพโสตะ ตัณหาโสตะ ชื่อว่าโสตะ แต่ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ,

โสตายตนะชื่อว่าโสตะด้วย ชื่อว่าโสตายตนะด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าโสตายตนะ, ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าฆานะ, ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าฆานายตนะ, ชื่อว่าฆานะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 320

ธรรมที่ชื่อว่าชิวหา, ชื่อว่าชิวหายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าชิวหายตนะ, ชื่อว่าชิวหา ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่ากาย, ชื่อว่ากายายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นกายายตนะเสียแล้ว กายที่เหลือนอกนั้นชื่อว่ากาย แต่

ไม่ชื่อว่ากายายตนะ, กายายตนะชื่อว่ากายด้วย ชื่อว่ากายายตนะด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่ากายายตนะ, ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นรูปายตนะเสียแล้ว รูปที่เหลือนอกนั้นชื่อว่ารูป แต่ไม่

ชื่อว่ารูปายตนะ, รูปายตนะชื่อว่ารูปด้วย ชื่อว่ารูปายตนะด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่ารูปายตนะ. ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัททะ, ชื่อว่าสัททายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัททายตนะ, ชื่อว่าสัททะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าคันธะ, ชื่อว่าคันธายตนะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 321

สีลคันธะ ( กลิ่น คือ ศีล ) สมาธิคันธะ ( กลิ่น คือ สมาธิ )

ปัญญาคันธะ ( กลิ่น คือ ปัญญา ) ชื่อว่าคันธะ แต่ไม่ชื่อว่าคันธา-

ยตนะ, คันธายตนะชื่อว่าคันธะด้วย ชื่อว่าคันธายตนะด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าคันธายตนะ, ชื่อว่าคันธะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่ารส, ชื่อว่ารสายตนะ ใช่ไหม ?

อรรถรส ธรรมรส วิมุตติรส ชื่อว่ารส แต่ไม่ชื่อว่ารสายตนะ,

รสายตนะชื่อว่ารสด้วย ชื่อว่ารสายตนะด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่ารสายตนะ, ชื่อว่ารส ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าโผฏฐัพพายตนะ ชื่อว่าโผฏฐัพพายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าโผฏฐัพพายตนะ, ชื่อว่าโผฏฐัพพะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่ามโน, ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่ามนายตนะ, ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 322

ยกเว้นธัมมายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าธัมมะ

แต่ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ, ธัมมายตนะชื่อว่าธัมมะด้วย ชื่อว่าธัมมายตนะ

ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมายตนะ, ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 323

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

[๒๘๙] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ แต่ชื่อว่าจักขุ,

ยกเว้นจักขุและจักขายตนะเสียแล้ว จักขุที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าจักขุ

และไม่ชื่อว่าจักขายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตะ ใช่ไหม ?

ทิพพโสตะ ตัณหาโสตะ ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ แต่ชื่อว่าโสตะ,

ยกเว้นโสตะและโสตายตนะเสียแล้ว โสตะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าโสตะ

ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานะ, ไม่ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานายตนะ, ไม่ชื่อว่าฆานะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 324

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าชิวหา, ไม่ชื่อว่าชิวหายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าชิวหายตนะ, ไม่ชื่อว่าชิวหา ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่ากายายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายายตนะ, ไม่ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

ยกเว้นกายายตนะเสียแล้ว กายที่เหลือไม่ชื่อว่ากายายตนะ แต่

ชื่อว่ากาย, ยกเว้นกายและกายายตนะเสียแล้ว กายที่เหลือไม่ชื่อว่ากาย

และไม่ชื่อว่ากายายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่ารูปายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูปายตนะ, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ยกเว้นรูปายตนะเสียแล้ว รูปที่เหลือไม่ชื่อว่ารูปายตนะ แต่

ชื่อว่ารูป, ยกเว้นรูปและรูปายตนะเสียแล้ว รูปที่เหลือไม่ชื่อว่ารูปและ

ไม่ชื่อว่ารูปายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัททะ, ไม่ชื่อว่าสัททายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 325

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัททายตนะ, ไม่ชื่อว่าสัททะ ไช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าคันธะ, ไม่ชื่อว่าคันธายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าคันธายตนะ, ไม่ชื่อว่าคันธะ ใช่ไหม ?

สีลคันธะ สมาธิคันธะ ปัญญาคันธะ ไม่ชื่อว่าคันธายตนะ

แต่ชื่อว่าคันธะ, ยกเว้นคันธะและคันธายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือ

ไม่ชื่อว่าคันธะ และไม่ชื่อว่าคันธายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารส, ไม่ชื่อว่ารสายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารสายตนะ, ไม่ชื่อว่ารส ใช่ไหม ?

อรรถรส ธรรมรส วิมุตติรส ไม่ชื่อว่ารสายตนะ แต่ชื่อว่ารส,

ยกเว้นรสและรสายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่ารส และไม่

ชื่อว่ารสายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ, ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพายตนะ, ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 326

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโน, ไม่ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามนายตนะ, ไม่ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นธัมมายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ

แต่ชื่อว่าธัมมะ, ยกเว้นธัมมะและธัมมายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือ

ไม่ชื่อว่าธัมมะ และไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ.

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 327

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

[๒๙๐] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ชื่อว่าจักขุ แต่ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ

จักขายตนะชื่อว่าจักขุด้วย ชื่อว่าจักขายตนะด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

โสตายตนะชื่อว่าอายตนะด้วย ชื่อว่าโสตายตนะด้วย, อายตนะ

ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าโสตายตนะ.

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ชื่อว่าจักขุ แต่ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ,

จักขายตนะชื่อว่าจักขุด้วย ชื่อว่าจักขายตนะด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธัมมายตนะชื่อว่าอายตนะด้วย ชื่อว่าธัมมายตนะด้วย อายตนะ

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าอายตนะ แต่ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ.

โสตะ ฯ ล ฯ ฆานะ ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 328

ยกเว้นธัมมายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าธัมมะ

แต่ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ, ธัมมายตนะชื่อว่าธัมมะด้วย ชื่อว่าธัมมายตนะ

ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

จักขายตนะชื่อว่าอายตนะด้วย ชื่อว่าจักขายตนะด้วย อายตนะ

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าอายตนะ แต่ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ.

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นธัมมายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าธัมมะ

แต่ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ, ธัมมายตนะชื่อว่าธัมมะด้วย ชื่อว่าธัมมายตนะ

ด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าอายาตนะ, ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

มนายตนะชื่อว่าอายตนะด้วย ชื่อว่ามนายตนะด้วย อายตนะ

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าอายตนะ แต่ไม่ชื่อว่ามนายตนะ.

( ผู้มีปัญญาพึงผูกจักกนัยมีบทหนึ่ง ๆ เป็นมูล )

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 329

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๒๙๑] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 330

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานะ, ไม่ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

(เมื่อผูกจักกนัยพึงเติมคำว่า อามันตา คือ ถูกแล้วทุกบท.)

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 331

สุทธายตนวาระ อนุโลม

[๒๙๒] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

จักขายตนะชื่อว่าอายตนะด้วย ชื่อว่าจักขายตนะด้วย, อายตนะ

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าอายตนะ แต่ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ.

ธรรมที่ชื่อว่าโสตะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าฆานะ . . . ชิวหา . . . กาย . . . รูป . . . เสียง . . .

กลิ่น . . . รูป . . . โผฏฐัพพะ . . . มโน. . .

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธัมมายตนะชื่อว่าอายตนะด้วย ชื่อว่าธัมมายตนะด้วย, อายตนะ

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าอายตนะ แต่ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ.

สุทธายตนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 332

สุทธายตนวาระ ปัจจนิก

[๒๙๓] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นจักขุเสียแล้ว อายตนะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าจักขุ แต่

ชื่อว่าอายตนะ, ยกเว้นจักขุและอายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าจักขุ และไม่ชื่อว่าอายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นโสตะเสียแล้ว ฯ ล ฯ ยกเว้นฆานะเสียแล้ว ยกเว้น

ชิวหาเสียแล้ว ฯ ล ฯ และไม่ชื่อว่าอายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่ากายายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นรูปเสียแล้ว ฯ ล ฯ ยกเว้นเสียงเสียแล้ว ยกเว้นกลิ่น

เสียแล้ว ยกเว้นรสเสียแล้ว ยกเว้นโผฏฐัพพะเสียแล้ว ฯ ล ฯ และไม่

ชื่อว่าอายตนะด้วย.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 333

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโน, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นมโนเสียแล้ว อายตนะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ามโน แต่

ชื่อว่าอายตนะ, ยกเว้นมโนและอายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่ามโน และไม่ชื่อว่าอายตนะ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

สุทธายตนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 334

สุทธายตนมูลจักกวาระ อนุโลม

[๒๙๔] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ ชื่อว่าโสตายตะ ใช่ไหม ?

โสตายตนะชื่อว่าอายตนะด้วย ชื่อว่าโสตายตนะด้วย, อายตนะ

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าอายตนะ แต่ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ.

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ธัมมายตนะชื่อว่าอายตนะด้วย ชื่อว่าธัมมายตนะด้วย, อายตนะ

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าอายตนะ แต่ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ.

ธรรมที่ชื่อว่าโสตะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ฯ ล ฯ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 335

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ฆานะ ชิวหา ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมะ, ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าอายตนะ, ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

มนายตนะชื่อว่าอายตนะด้วย ชื่อว่ามนายตนะด้วย, อายตนะ

ที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าอายตนะ แต่ไม่ชื่อว่ามนายตนะ (พึงผูกจักกนัย).

สุทธายตนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 336

สุทธายตนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๒๙๕] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นจักขุเสียแล้ว อายตนะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าจักขุ แต่

ชื่อว่าอายตนะ, ยกเว้นจักขุและอายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าจักขุ และไม่ชื่อว่าอายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นจักขุเสียแล้ว อายตนะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าจักขุ แต่

ชื่อว่าอายตนะ, ยกเว้นจักขุและอายตนะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าจักขุ และไม่ชื่อว่าอายตนะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าฆานายตนะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นโสตะเสียแล้ว ฯ ล ฯ ยกเว้นฆานะเสียแล้ว ยกเว้น

ชิวหาเสียแล้ว ฯ ล ฯ และไม่ชื่อว่าอายตนะ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 337

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าธัมมายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมะ, ไม่ชื่อว่าอายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่าโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าอายตนะ, ไม่ชื่อว่ามนายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่. ( พึงผูกจักกนัย ).

สุทธายตนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

ปัณณัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 338

ปวัตติวาระ

อุปปาทวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๒๙๖] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้ โสตะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุและโสตะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จัก-

ขายตนะกำลังเกิด และโสตายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีโสตะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด โสตา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีโสตะและจักขุเกิดไดเหล่านั้นกำลังเกิด โสตา-

ยตนะกำลังเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนะมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 339

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๒๙๗] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้ ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขา-

ยนตะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่มีจักขุและฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จัก-

ขายตนะกำลังเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ไดเหล่านั้นกำลังเกิด ฆานา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะและจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด

ฆานายตนะกำลังเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนะมูละ ฆวนายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๒๙๘] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 340

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปายตนะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะ

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะกำลังเกิด

และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๒๙๙] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจิตเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะ

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะกำลังเกิด

และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 341

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๐๐] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็กำลัง

เกิดเป็นบุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิด

แก่บุคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิด และจัก-

ขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

มานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๐๑] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 342

ก็หรือว่า รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้ ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูป-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะ

กำลังเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานาตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๐๒] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจิตเกิดได้ ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะ

กำลังเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 343

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๐๓ ] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิด และ

ฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๐๔] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 344

บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่มีรูปะและจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะกำลังเกิด และมนา-

ยตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่มีจิตและรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะกำลังเกิด และรูปา-

ยตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๐๕] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 345

บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิด และรูปา-

ยตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๐๖] มนายาตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 346

ที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิด และมนายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๐๗] จักขายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, โสตายนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ก็หรือว่า โสตายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 347

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๓๐๘] จักขายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, ฆานายตนะก็กำลัง

เกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในรูปาวจรภูมินั้น จักขายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในกามาวจรภูมินั้น จักขายตนะกำลัง

เกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะก็

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๐๙] จักขายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, รูปายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 348

ในอสัญญสัตตภูมินั้น รูปายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมินั้น รูปายตนะกำลัง

เกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๑๐] จักขายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, มนายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมินั้น มนายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น แต่จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมินั้น มนายตนะกำลังเกิด

และจักขายตนะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 349

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๐๑] จักขายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, ธัมมายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตภูมิก็ดี ในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะกำลังเกิดใน

ภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมินั้น

ธัมมายตนะกำลังเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๐๒] ฆานายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, รูปายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 350

ก็หรือว่า รูปายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, ฆานายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในรูปาวจรภูมินั้น รูปายตนะกำาลังเกิดในภูมินั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในกามาวจรภูมินั้น รูปายตนะกำลังเกิด

ฆานายตนะก็กำลังเกิดในภูมินั้น. ( พึงทราบว่า ฆานายตนะกำลังเกิด

ในที่ใด มนายตนะและธัมมายตนะก็กำลังเกิดในที่นั้น เป็นเช่นเดียว

กัน ไม่มีความต่างกัน มีความสังเขปในวาระต่อไป )

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๑๓] ฆานายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, ธัมมายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, ฆานายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ธัมมายตนะกำลังเกิด

ในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในกามาวจรภูมินั้น

ธัมมายตนะกำลังเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 351

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๑๔] รูปายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, มนายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมินั้น รูปายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น แต่มนา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ในปัญจโวการภูมินั้น รูปายตนะกำลัง

เกิด และมนายตนะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, รูปายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมินั้น มนายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น แต่รูปายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ในปัญจโวการภูมินั้น มนายตนะกำลังเกิด

และรูปายตนะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๐๕] รูปายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, ธัมมายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 352

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, รูปายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอรูปภูมินั้น ธัมมายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น แต่รูปายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

ธัมมายตนะกำลังเกิด และรูปายตนะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๑๖] มนายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, ธัมมายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, มนายตนะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 353

ในอสัญญสัตตภูมินั้น ธัมมายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น แต่มนา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิ

ก็ดี ธัมมายตนะกำลังเกิด และมนาก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคลโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๑๗] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้ โสตะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุและโสตะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด จักขายตนะกำลังเกิด และโสตายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 354

ก็หรือว่า โสตายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีโสตะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด โสตา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีโสตะและจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด โสตายตนะกำลังเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น. ( อายตนะที่ย่อไว้แล้ว เป็นเช่นเดียวกัน )

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมาตนมูลี :-

[๓๑๘] มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 355

บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะกำลังเกิด

และนายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 356

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๑๙] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้ โสตะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุและ

โสตะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และ

โสตายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่โสตะเกิดไม่ได้ จักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด โสตา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดเเก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่โสตะและ

จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี โสตายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และ

จักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 357

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๓๒๐] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้ ฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุและ

ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และ

ฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้ จักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะและ

จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และ

จักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายนตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 358

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๒๑] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้ รูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๒๒] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 359

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้ จิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น. บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๒๓] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 360

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๒๔] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้ รูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดเเก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๒๕] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 361

บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้ จิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๒๖] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ฆานายตนะไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 362

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๒๗] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

เหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จิตเกิดไม่ใช่เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 363

เหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๒๘] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 364

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๒๙] มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 365

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๓๐] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๓๓๑] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 366

ในรูปาวจรภูมินั้น ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น แต่

จักขายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น, ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ในอรูปภูมิก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๓๒] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, รูปายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมินั้น จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น แต่

รูปายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น, ในอรูปภูมินั้น จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๓๓] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, มนายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 367

ในอรูปภูมินั้น จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น แต่มนา-

ยตนะกำลังเกิดในภูมินั้น, ในอสัญญสัตตภูมินั้น จักขายตนะไม่ใช่

กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๓๔] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 368

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๓๕] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, รูปายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในรูปาวจรภูมินั้น ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น แต่

รูปายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น, ในอรูปภูมินั้น ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฆานายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๓๖] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, มนายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดในภูมินั้น แต่มนายตนะกำลังเกิดในภูมินั้น, ในอสัญญสัตตภูมินั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 369

ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๓๗] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 370

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๓๘] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, มนายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, รูปายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๓๙] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ธัมมายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, รูปายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 371

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๔๐] มนายะตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ธัมมายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, มนาก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๔๑] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 372

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้ โสตะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี

บุคคลที่จักขุและโสตะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่

กำลังเกิด และโสตายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด,จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่โสตะเกิดไม่ได้ จักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด โสตา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี

บุคคลที่โสตะและจักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี โสตายตนะไม่ใช่

กำลังเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

ฯ ล ฯ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๘๒] มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัม-

มายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 373

บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดมนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

และธัมมายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 374

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๔๓] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี :-

[๓๔๔] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ ฯ ล ฯ

รูปายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 375

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, จักขาก็เคยเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่ ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูล

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๔๕] ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะเคยเกิด

แก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็เคยเกิดและบุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปปายตนะ มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 376

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ :-

[๓๔๖] จักขายตนะเคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ ( อายตนะมี

ประมาณเท่าใด พึงเพิ่มคำว่า อุปฺปชฺชติ - กำลังเกิด, อุปฺปชฺชิตฺถ-

เคยเกิดเป็นต้น เช่นเดียวกับในวาระทั้งปวง คือ ปัจจจุปปันนวาระบ้าง,

อตีตวาระบ้าง, อนาคตวาระบ้าง, ปัจจุปปันนาตีตวาระบ้าง, ปัจจุป-

ปันนานาคตวาระบ้าง, อตีตานาคตวาระบ้าง )

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ จบ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๔๗] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 377

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๓๔๘] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมินั้น จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูนั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมินั้น จักขายตนะเคยเกิด

และฆานายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 378

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๔๙] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในปัญจโวการภูมินั้น รูปายตนะเคยเกิด และจักขายตนะก็

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๕๐] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนาตยนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 379

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมินั้น มนายตนะเคยเกิด และจักขา-

ยตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๕๑] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่

ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ

นั้น ธัมมายตนะเคยเกิด และจักขายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 380

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๕๒] ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมินั้น รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมินั้น รูปายตนะเคยเกิด และ

ฆานายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๕๓] ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 381

ก็หรือว่า มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่

ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

นั้น มนายตนะเคยเกิด และฆานายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๕๔] ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 382

ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

นั้น ธัมมายตนะเคยเกิด และฆานายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๕๕] รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนาตยนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมินั้น รูปายตนะเคยเกิด และ

มนายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 383

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมินั้น มนายตนะเคยเกิด และรูปายตนะ

ก็เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๕๖] รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิด และรูปายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 384

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๕๗] มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น ธัมมายตนะเคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิด และมนายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 385

อตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๕๘] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี ( แสดงโดยย่อ )

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๕๙] มนาตยนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 386

ไม่มี.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี ฯ ล ฯ

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ :-

[๓๖๐] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ จบ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 387

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๖๑] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๓๖๒] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 388

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมินั้น ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิด

และจักขายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๖๓] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดก็บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูป-

ภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 389

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๖๔] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๖๕] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 390

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาส

ภูมินั้น จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๖๖] ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมินั้น ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 391

นั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๖๗] ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะ

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิด และ

มนายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูนินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 392

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๖๘] ฆานาตยนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาส

ภูมินั้น ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๖๙] รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 393

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมินั้น รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิด และมนา-

ยตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น มนายตนะไม่ใช่เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมินั้น มนายตนะไม่ใช่เคยเกิด

และรูปายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๗๐] รูปาตยนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมินั้น รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 394

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๗๑] มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น มนายตนะไม่ใช่เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมินั้น มนายตนะไม่ใช่เคยเกิด

และธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูล

มนายตนมูล จบ

อตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 395

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๗๒] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๓๗๓] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิแล้วจักปรินิพพาน จักขา-

ยตนะก็เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 396

เหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จักขายตนะจักเกิด และฆานายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๗๔] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

(จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด มนายตนะและธัมมายตนะก็

จักเกิดแก่บุคคลนั้นเป็นเช่นเดียวกัน วาระเหล่านี้เหมือนกันทั้ง ๒ วาระ)

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 397

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๗๕] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิแล้วจักปรินิพพาน ธัมมายตนะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่นอกจากนั้น ธัมมายตนะจักเกิด และจักขายตนะก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๗๖] ฆานาตยนะจักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 398

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิแล้วจักปรินิพพาน รูปา-

ยตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น รูปายตนะจักเกิด และฆานายตนะก็

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๗๗] ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี ในรูปาวจรภูมิก็ดี แล้ว

จักปรินิพพาน ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 399

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น ธัมมายตนะจักเกิด

และฆานายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๗๘] รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิแล้วจักปรินิพพาน ธัมมายตนะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่นอกจากนั้น ธัมมายตนะจักเกิด และรูปายตนะก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ลฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 400

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๗๙] มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ :-

[๓๘๐] จักขายตนะจักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 401

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๘๑] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตายตนะ

จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๓๘๒] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมินั้น จักขายตนะจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 402

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมินั้น จักขายตนะจักเกิด และ

ฆานายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักเกิดเเก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๘๓] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมินั้น รูปายตนะจักเกิด และ

จักขายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 403

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :- n

[๓๘๔] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมินั้น มนายตนะจักเกิด และจักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๘๕] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 404

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมินั้น ธัมมายตนะ

จักเกิด และจักขายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตมูลี :-

[๓๘๖] ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมินั้น รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 405

นั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมินั้น รูปายตนะจักเกิด และฆานา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๘๗] ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็เกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจภูมิก็ดี มนายตนะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมินั้น มนายตนะจักเกิด

และฆานายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 406

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๓๘๘] รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมินั้น รูปายตนะจักเกิด และมนา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด รูปายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมินั้น มนายตนะจักเกิด และรูปายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 407

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๘๙] รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ธัมมายตนะ

จักเกิด และรูปายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๙๐] มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 408

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด มนายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น ธัมมายตนะจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น บุคคลที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

ธัมมายตนะจักเกิด และมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระอนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 409

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคควาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๓๙๑] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๓๙๒] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 410

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิแล้วจักปรินิพพาน ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ

แล้วจักปรินิพพานก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๙๓] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็ไม่

ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็ไม่

ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 411

จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๙๔] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯลฯ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิแล้วจักปรินิพพาน จักขายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่

ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๓๙๕] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 412

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิแล้วจักปรินิพพาน ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ

แล้วจักปรินิพพานก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๙๖] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะะ ฯลฯ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี แล้ว

จักปรินิพพาน ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมา-

ยตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 413

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๙๗] รูปายตนะไม่ใช่เกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิแล้วจักปรินิพพาน รูปายตนะไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ปัจฉิมภวิก-

บุคคลเกิดอยู่ รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 414

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๓๙๘] มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ :-

[๓๙๙ ] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 415

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๐๐] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสต-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๔๐๑] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 416

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมินั้น ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี,

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมลี :-

[๔๐๒] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด และรูปายตนะก็ไมใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 417

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๐๓] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี,

จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๐๔] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 418

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่

จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๐๕] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมินั้น ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 419

เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๐๖] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี, ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดและมนายตนะ-

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 420

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๐๗] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 421

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๐๘] รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมินั้น รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และมนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ มนายตนะไม่ใช่จักเกิด และ

รูปายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปานตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 422

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๐๙] รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๑๐] มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 423

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมินั้น มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ มนายตนะไม่ใช่จักเกิด และ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะจักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 424

ปัจจุปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๑๑] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังเกิดก็ดี โสตายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิด โสตายตนะ

เคยเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี :-

[๔๑๒] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ ฯ ล ฯ

รูปายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 425

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิด ธัมมา-

ยตะเคยเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯลฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนะ ฯ ล ฯ มนายตนะ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๑๓] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ ฯ ล ฯ

มนายตนะ ธัมมายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 426

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

กำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้กำลังเกิด

ธัมมายตนะเคยเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนะ ฯ ล ฯ มนายตนะ ธัมมายตนมูล

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๑๔] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปเกิดไม่ได้

กำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 427

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีรูปะเกิดได้กำลังเกิด ธัมมา-

ยตนะเคยเกิด และรูปายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๑๕] มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

กำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจิตเกิดได้กำลังเกิด ธัมมา-

ยตนะเคยเกิด และมนายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 428

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๑๖] จักขายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, โสตายตนะก็เคยเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๑๗] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิด จักขา-

ยตนะกำลังเกิด และโสตายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 429

ก็หรือว่า โสตายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี โสตายตนะเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิด โสตายตนะเคยเกิด และจักขา-

ยตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นไนภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๔๑๘] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิ จักขายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิดในกามาวจรภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังเกิด และฆานายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 430

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดกามาวจรภูมิ ฆานายตนะ

เคยเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๑๙] จักขายตนะกำลังเกิดบุคคลใดในภูมิใด, โสตายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิด จักขา-

ยตนะกำลังเกิด และรูปายตนะก็เคยเกิดบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 431

ก็ดี รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิด

รูปายตนะเคยเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๒๐] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิด จักขา-

ยตนะกำลังเกิด และมนายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 432

มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิด มนา-

ยตนะเคยเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๒๑] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้กำลังเกิด จักขา-

ยตนะกำลังเกิด และธัมมายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 433

กำลังเกิด ธัมมายตนะเคยเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๒๒] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

ก็กำลังเกิดไม่ได้กำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้กำลังเกิด รูปา-

ยตนะเคยเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 434

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๒๓] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลในภูมิใด, มนายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ บุคคลที่ฆานะเกิด

ไม่ได้กำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ฆานนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิด

ได้กำลังเกิด มนายตนะเคยเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๒๔] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 435

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

กำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้กำลังเกิด

ธัมมายตนะเคยเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๒๕] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลัง

เกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่มนายตนะไม่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 436

นอกจากนั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะกำลังเกิด และ

มนายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอรูปภูมิก็ดี มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมือบุคคลเหล่า-

นั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ มนายตนะเคยเกิด และรูปายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๒๖] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ รูปายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลัง

เกิด รูปายตนะกำลังเกิด และธัมมายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 437

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีรูปะ

เกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะเคยเกิด และรูปายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๒๗] มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ มนายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด

มนายตนะกำลังเกิด และธัมมายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ-

นั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 438

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้น ทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจิต

เกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะเคยเกิด และมนายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 439

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๒๘] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี :-

[๔๒๙] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น

ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 440

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูล

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๓๐] ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะมูละไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนะ ฯล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 441

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๔๓๑] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๓๒] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โส-

ตายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 442

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิด และโสตายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ โสตายตนะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพานในสุทธาวาส-

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

โสตายตนะไม่ใช่เคยเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๔๓๓] จักขายตะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่เคยเกิดแก่บุคคลในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุเกิด

ไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 443

ภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในรูปายวจรภูมิก็ บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่

กำลังเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในรูปาวจรภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานา-

ยตนะไม่ใช่เคยเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๓๔] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 444

รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลัง

ปรินิพพานในสุทธวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ รูปายตนะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาส-

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิด และ

จักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๓๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 445

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลัง

ปรินิพพานในสุทธวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ มนายตนะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาส-

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่เคยเกิด

และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๓๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 446

ภูมินั้น แต่ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

และธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาส-

ภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๓๗] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 447

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธา-

วาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

และรูปายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๓๘] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 448

ภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๓๙] ฆานายตนะ.ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นเกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 449

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๔๐] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้น

กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 450

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลัง

เกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่เคยเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๔๑] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

และธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 451

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ

ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๔๒] มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่ธัมมายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

และธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 452

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ

ธัมมายตนะไม่ใช่เคยเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูนินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 453

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๔๓] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้

เหล่านั้นกำลังเกิด จักขายตนะกำลังเกิด และโสตายตนะก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี โสตายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 454

กำลังเกิด โสตายตนะจักเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๔๔๔] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ และอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน

บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มี

จักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขายตนะกำลังเกิด และฆานายตนะก็

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 455

กำลังเกิด ฆานายตนะจักเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๔๕] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้

เหล่านั้นกำลังเกิด จักขายตนะกำลังเกิด และรูปายตนะก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 456

กำลังเกิด รูปายตนะจักเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เท่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๔๖] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลนั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขายตนะ

กำลังเกิด และมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลัง

เกิด มนายตนะจักเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 457

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๔๗] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขา-

ยตนะกำลังเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขาเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด ธัมมายตนะจักเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 458

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๔๘] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

ก็ดี ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลัง

เกิด ฆานายตนะกำลังเกิด และรูปายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด รูปายตนะจักเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 459

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๔๙] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ฆานา-

ยตนะกำลังเกิด และมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด ฆานายตนฆะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด มนายตนะจักเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๕๐] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 460

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ฆานา-

ยตนะกำลังเกิด และธัมมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด ธัมมายตนะจักเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๕๑] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 461

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปา-

ยตนะกำลังเกิด และมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด มนายตนะจักเกิด และรูปายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๕๒] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 462

เหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปา-

ยตนะกำลังเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด ธัมมายตนะจักเกิด และรูปายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๕๓] มนายตะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 463

นอกจากนั้นที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะกำลังเกิด และ

ธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจิตเกิดได้

เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักเกิด และมนายตนะก็กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๔๕๔] จักขายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 464

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๕๕] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้กำลัง

เกิด จักขายตนะกำลังเกิด และโสตายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี โสตายตนะจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด โสตายนะจักเกิด

และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 465

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๔๕๖] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะก็

จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดเเก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้น

ที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ จักขายตนะกำลังเกิด และ

ฆานายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามวาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ ฆานายตนะจักเกิด และ

จักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 466

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๕๗] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะก็

จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ จักขายตนะ

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขายตนะ

กำลังเกิด และรูปายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุเกิด

ไม่ได้เกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะจักเกิด

และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 467

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๕๘] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ จักขา

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น. บุคคลนอกจากที่มีจักขุเกิดได้เหล่า-

นั้นกำลังเกิด จักขายตนะกำลังเกิด และมนายตนะะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่จักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด มานายตนะจักเกิด และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 468

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๕๙] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด จักขายตนะกำลังเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

จักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักเกิด และจักขายตนะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 469

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๖๐] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่า-

นั้นกำลังเกิด ฆานายตนะกำลังเกิด และรูปายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่า-

นั้นกำลังเกิด รูปายตนะจักเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 470

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๖๑] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่า-

นั้นกำลังเกิด ฆานายตนะกำลังเกิด และมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี มนายตนะจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะ

จักเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 471

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๖๒] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมนายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่า-

นั้นกำลังเกิด ฆานายตนะกำลังเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้

เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักเกิด และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 472

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๖๓] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะกำลัง

เกิด และมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอรูปภูมิก็ดี มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่า-

นั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ มนายตนะจักเกิด และรูปายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 473

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๖๔] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปา-

ยตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีรูปะเกิดได้เหล่า-

นั้นกำลังเกิด รูปายตนะกำลังเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังง่ายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีรูปะ

เกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักเกิด และรูปายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 474

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๖๕] มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนา-

ยตนะกำลังเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจิต

เกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักเกิด และมนายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 475

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๖๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

โสยตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพ-

พานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใด

จักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี

จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และโสตายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี โสตายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะ

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 476

ปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี โสตา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี:-

[๔๖๗] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพ-

พานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใด

จักเกิดในรูปาวจรภูมิ และอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และฆานายตนะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 477

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ และอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน

บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลัง

ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ และอรูปาวจรภูมิแล้วจักปรินิพพานบุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๖๘] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน

ในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 478

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะ

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

ปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี รูปายตนะ

ไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๖๙] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพ-

พานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 479

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ มนา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี

ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๗๐] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพ-

พานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 480

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิม-

ภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๗๑] ฆานายตนะไม่ใชกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในกามา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 481

วจรภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง

เกิดก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามา-

วจรภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๗๒] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ฯ ล ฯ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 482

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพ-

พานในกามาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจวภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิม-

ภวิกบุคคลในรูปข่าวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 483

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี:-

[๔๗๓] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ฯ ล ฯ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพ-

พานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิกภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น. เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี

ปัจฉิกภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด และรูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 484

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๗๔] มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพ-

พาน มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อ

บุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด และ

มนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 485

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูล ฯ ล ฯ

[๔๗๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี : -

[๔๗๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 486

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิด และโสตายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ โสตายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลาที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี โสตายตนะ

ไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๔๗๗] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 487

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่กำลังตายในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่กำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น เมื่อ

บุคคลาเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตาย

ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๗๘] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 488

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลัง

ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

ปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด

และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินนั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๗๙] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 489

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ มนา-

ยตะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

ปัญจโวการภูมิก็ดี ปัญจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 490

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๘๐] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลัง

ปรินิพพาในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ให้จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด จักขายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ ธัมมายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี

ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 491

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๘๑] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

กามาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

กามาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 492

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๘๒] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี ปัจ-

ฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัฒญสัตตภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ มนา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

กามาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักเกิด และฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 493

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๘๓] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปา-

วจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

กามาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี

ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 494

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๘๔] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้น

กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัญฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี

บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และ

มนายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิก

บุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะ

ไม่ใช่จักเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 495

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๘๕] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลใน

อรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลนั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

ปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่

จักเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 496

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๘๖] มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นกำลังปรินิพพาน มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

และมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 497

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๘๗] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมภวิกบุคคลก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิแล้วจัก

ปรินิพพานก็ดี จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จักขายตนะเคย

เกิด และโสตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 498

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๔๘๘] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วจักปริ-

นิพพาน จักขายตนะเคยเกิดบุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จัก

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จักขายตนะจักเกิด และ

ฆานายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๘๙] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิแล้วจักปรินิพพาน จักขายตนะ

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 499

บุคคลที่นอกจากนั้น จักขายตนะเคยเกิด และรูปายตนะก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๙๐] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ จักขายตนะเคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่นอกจากนั้น จักขายตนะเคยเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 500

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๙๑] ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิแล้วจักปรินิพพาน ฆานายตนะ

เคยเกิคแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่นอกจากนั้น ฆานายตนะเคยเกิด และรูปายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๙๒] ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ มนายตนะเคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 501

ที่นอกจากนั้น ฆานายตนะเคยเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๙๓] รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ รูปายตนะเคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่นอกจากนั้น รูปายตนะเคยเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 502

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๔๙๔] มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ มนายตนะเคยเกิดแก่

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่นอกจากนั้น มนายตนะเคยเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 503

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๔๙๕] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 504

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๔๙๖] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโว-

การภูมิ จักขายตนะเคยเกิด และโสตายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๔๙๗] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 505

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขายตนะเคยเกิด และฆานา-

ยตนะก็จักบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๔๙๘] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปปายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโว-

การภูมิ จักขายตนะเคยเกิด และรูปายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 506

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปายตนะจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ

จักเกิด และจักขายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๔๙๙] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโว-

การภูมิ จักขายตนะเคยเกิด และมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 507

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอรูปภูมิ มนายตนะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการก็ดี มนายตนะจักเกิด

และจักขายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูล

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๐๐] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโว-

การภูมิ จักขายตนะเคยเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นที่เกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ในอรูปภูมิก็ดี

ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่เคย

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 508

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโว-

การภูมิ ธัมมายตนะจักเกิด และจักขายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๐๑] ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในกามา-

วจรภูมิ ฆานายตนะเคยเกิด และรูปายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 509

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ รูปายตนะจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ รูปายตนะจักเกิด

และฆานายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๐๒] ฆานายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ฯ ล ฯ ธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในกามา-

วจรภูมิ ฆานายตนะเคยเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี

ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 510

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในกา-

มาวจรภูมิ ธัมมายตนะจักเกิด และฆานานยตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๐๓] รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่มายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

นอกจากนี้ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะเคยเกิด และมนา-

ยตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 511

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอรูปภูมิ มนายตนะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนายตนะจักเกิด

และรูปายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๐๔] รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปา-

ยตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะเคยเกิด

และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอรูปภูมิ ธัมมายตนะจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 512

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ธัมมายตนะจักเกิด และรูปายตนะก็เคย

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนะมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๐๕] มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ มนายตนะเคยเกิดแก่

บุคคลเหล่าใดในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในจตุโวการมิก็ดี ในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี มนายตนะเคยเกิด และธัมมายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 513

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ธัมมายตนะจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี ธัมมายตนะจักเกิด และมนายตนะก็เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 514

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๐๖] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ ธัมมา-

ยตนมูลี :-

[๕๐๗] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น

ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 515

ไม่มี.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ จักขายตนะมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มานายตนะ

ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มานายตนมูล

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๐๘] ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะไม่ใช่เคย

เกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 516

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๕๐๙] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๑๐] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 517

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ โสตา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี โสตา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๕๑๑] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 518

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่

ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๑๒] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จักขายตนะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 519

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๑๓] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอรูปภูมิ จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิด

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่

เคยเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิดี ปัจฉิม

ภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 520

มนายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๑๔] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ใน

สุทธาวาสภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่

เคยเกิด และธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี ปัจฉิม-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 521

ภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด และจักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๑๕] ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะไม่ใช่เคย

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 522

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ รูปายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะเคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๑๖] ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิด

อยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 523

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ มนายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะเคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่

ใช่จักเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๑๗] ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูนิใด, ฆานา-

ยตะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 524

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะเคยเกด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๑๘] รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 525

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี มนา-

ยตะไม่ใช่จักเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๑๙] รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคล

เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่เคยเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 526

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี ปัจ-

ฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด และรูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนะมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๒๐] มนายตนะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนายตนะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในเสุทธาวาสภูมิ มนายตนะไม่ใช่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 527

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่จักเกิด

และมนายตนะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

อุปปาทวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 528

นิโรธวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๒๑] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้ โสตะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุและโสตะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขา-

ยตนะกำลังดับ และโสตายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีโสตนะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย โสตา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่มีโสตะและจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย โสตา

ยตนะกำลังดับ และจักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 529

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๕๒๒] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนก็ะกำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้ ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุและฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขายตนะ

กำลังดับ และฆานายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะกำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย ฆานา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะและจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ฆานา-

ยตนะกำลังดับ และจักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 530

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๒๓] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปายตนะกำลังดับ และ

จักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๒๔] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 531

บุคคลที่มีจิตเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย มนายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย มนายตนะกำลังดับ และ

จักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๒๕] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะกำลังดับ และจักขา-

ยตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 532

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๒๖] ฆานายตนะกำลังดับใด, รูปายตนะกำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้ ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปายตนะกำลังดับ

และฆานายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๒๗] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 533

ก็หรือว่า มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจิตเกิดได้ ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย มนา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย มนายตนะกำลังดับ

และฆานายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๒๘] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะกำลังดับ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 534

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะกำลังดับ และ

ฆานายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๒๙] รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้ แต่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น บุคคลที่มีรูปะและจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปายตนะ

กำลังดับ และมนายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 535

บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย มนายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่มีรูปะและจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย มนายตนะกำลังดับ และรูปา-

ยตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๓๐] รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลังดับ

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะกำลังดับ และรูปายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 536

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[ ๕๓๑ ] มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะกำลังดับ และมนา-

ยตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 537

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๕๓๒] จักขายตนะกำลังดับในภูมิใด, ฯลฯ (ในอุปปาทวาระ

ก็ดี นิโรธวาระก็ดี อุปปาทนิโรธวาระก็ดี คำว่า ในภูมิใด เป็นเช่น

เดียวกันในบททั้งปวง )

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนะมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๓๓] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ ฆานายตนะ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

( พึงขยายคำว่า แก่บุคคลใดในภูมิใด ให้พิสดารเช่นเดียวกัน )

จักขายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 538

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๓๔] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้ โสตะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุและ

โสตะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

โสตายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่โสตะเกิดไม่ได้ จักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย โสตา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่โสตะและ

จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี โสตายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

จักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 539

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๕๓๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้ ฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุและ

ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

ฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้ จักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่ฆานะและ

จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

จักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 540

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๓๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้ รูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิด

ไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และรูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนะมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๓๗] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้ จิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังดับแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 541

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และมนายตนะไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๓๘] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อ

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิด จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 542

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๓๙] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้ รูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิด

ไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และรูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนะมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๔๐] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 543

บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้ จิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และมนายตนะก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๔๑] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ฆานะไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย ฆานายตนะไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 544

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิด ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๔๒] รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อ

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิด รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับ และมนา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 545

บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิด มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ และรูปายตนะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ มมายตนมูลี :-

[๕๔๓] รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อ

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิด รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 546

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๔๔] มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตาย มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิด มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 547

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๕๔๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๕๔๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

( คำว่า แก่บุคคลใดก็ดี แก่บุคคลใดในภูมิใดก็ดี เป็นเช่น

เดียวกัน )

จักขายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 548

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๔๗] จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

อตีตปุจฉาในอุปปาทวาระก็ดี ในนิโรธวาระก็ดี ในอุปปาท-

นิโรธวาระก็ดร แม้ในอนุโลมและปัจจนิกก็เช่นเดียวกัน

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนะมูลี

จักขายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

อตีตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 549

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๔๘] จักขายตนะจักดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๕๔๙] จักขายตนะจักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 550

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง

ตายก็ดี จักขายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จักขายตนะจักดับ และ

ฆานายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๕๐] จักขายตนะจักดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 551

จักขายตนมูละ มนายตนนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๕๑] จักขายตนะจักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น ธัมมายตนะจักดับ และ

จักขายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนะมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๕๒] ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 552

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง

ตายก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น รูปายตนะจักดับ และ

ฆานายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๕๓] ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรปาวจรภูมิก็ดี อรูปา-

วจรภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจัก

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 553

ปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอก

จากนั้น ธัมมายตนะจักดับ และฆานายตะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๕๔] รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด,. รูปายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 554

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น ธัมมายตนะจักดับ และรูปา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๕๕] มนายตนะจักดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจัดับแก่บุ่คคลใด, มนายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

่. . ่่่่่่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 555

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๕๕๖] จักขายตนะจักดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๕๗] จักขายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น, ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 556

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๕๕๘] จักขายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ในกามา-

วจรภูมิ ฯ ล ฯ

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

จักขายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะก็จักดับแก่

บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ใน

ปัญจโวการภูมิ ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 557

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

จักขายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะก็จักดับแก่

บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการ

ภูมิ ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

จักขายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะก็จักดับแก่

บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ ฯลฯ

บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 558

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๕๙] ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ในกามา-

วจรภูมิ ฯ ล ฯ

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะก็จักดับแก่

บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ฯ ล ฯ

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 559

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะก็จักดับแก่

บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ฯ ล ฯ

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๖๐] รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะก็

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจ-

โวการภูมิ ฯ ล ฯ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 560

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการ-

ภูมิ ฯ ล ฯ

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะก็จักดับแก่

บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการ-

ภูมิ บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฯลฯ

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 561

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๖๑] มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฯ ล ฯ บุคคลที่เกิดอยู่ในจตุ-

โวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ธัมมายตนะจักดับ และมนายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงขยายอนาคตปุจฉาไว้ในอุปปาท-

วาระ ซึ่งประกอบด้วยคำว่า ยสฺส ( แก่บุคคลใด ) และ ยตฺถ ( ใน

ภูมิใด ) ฉันใด แม้ในนิโรธวาระ พึงขยายให้พิสดารฉันนั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 562

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๖๒] จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๕๖๓] จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 563

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง

ตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการ

ภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดใน

อรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานายตนะ

ไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๖๔] จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 564

จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๖๕] จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน จักขายตนะ

ไม่ใช่จักดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๖๖] ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 565

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง

ตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน

ปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใด

จักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่จักดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๖๗] ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯลฯ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิ ในอรูปา-

วจรภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจัก

ปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 566

เหล่านั้นกำลังปรินิพพาน ฆานายตนะไม่ใช่จักดับ และธัมมายตนะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๖๘] รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอรูปภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน รูปายตนะ

ไม่ใช่จักดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 567

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๖๙] มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 568

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๕๗๐] จักขายตนะไม่ใช่จักดับในภูมิใด, ฯลฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๗๑] จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 569

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๕๗๒] จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานยตนะไม่ใช่จัก

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๗๓] จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จักขายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 570

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักดับ และรูปายตนะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๗๔] จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอรูปภูมิ จักขายตนะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักดับ และมนายตนะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 571

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๗๕] จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้น

กำลังปรินิพพาน จักขายตนะไม่ใช่จักดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๗๖] ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 572

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับ และรูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๗๗] ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อรูปวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้น

กำลังปรินิพพานก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ฆานายตนะ

ไม่ใช่จักดับ และมนายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 573

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๗๘] ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลัง

แก่นิพพาน ฆานายนะไม่ใช่จักดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 574

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๗๙] รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปายตนะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน รูปายตนะไม่ใช่จักดับ

และมนายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน มนายตนะไม่ใช่จักดับ

และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 575

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๘๐] รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปายตนะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน รูปายตนะไม่ใช่จักดับ

และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๘๑] มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 576

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน มนายตนะไม่ใช่

จักดับและธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 577

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๘๒] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะเคยดับแก่บุคคลใด จักขายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี โสตายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย โสตายตนะเคยดับ และจักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 578

จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี :-

[๕๘๓] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ ฯ ล ฯ

รูปายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนะก็เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย ธัมมายตนะเคยดับ และจักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 579

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนะ ฯ ล ฯ มนายตนะ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๘๔] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะ ฯ ล ฯ

มนายตนะ ธัมมายตนะก็เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย ธัมมายตนะเคยดับ และฆานายตนะก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนะ ฯ ล ฯ มนายตนะ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 580

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๘๕] รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย ธัมมายตนะเคยดับ และรูปายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 581

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๘๖] มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็เคย

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย ธัมมายตนะเคยดับ และมนายตนะก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 582

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๕๘๗] จักขายตนะกำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๘๘] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้กำลังตาย

จักขายตนะกำลังดับ และโสตายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 583

ก็หรือว่า โสตายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี โสตายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้กำลังตาย โสตายตนะเคยดับ และจักขายตนะก็

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๕๘๙] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในรูปาวจรภูมิ จักขายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้กำลังตายในกามาวจรภูมิ จักขายตนะ

กำลังดับ และฆานายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 584

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุเกิด

ไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้กำลังตายในกามาวจรภูมิ ฆานายตนะเคยดับ และ

จักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๙๐] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้กำลังตาย จักขา-

ยตนะกำลังดับ และรูปายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 585

ก็ดี รูปายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย รูปายตนะเคยดับ และจักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๙๑] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้กำลังตาย

จักขายตนะกำลังดับ และมนายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 586

มนายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย

มนายตนะเคยดับ และจักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

นั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๙๒] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้กำลังตาย

จักขายตนะกำลังดับ และธัมมายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 587

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้

เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะเคยดับ และจักขายตนะก็กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๕๙๓] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 588

รูปายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลัง

ตาย รูปายตนะเคยดับ และฆานายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๙๔] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในถามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี มนายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย มนายตนะเคยดับ และฆานา-

ยตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 589

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๙๕] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้

เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะเคยดับ และฆานายตนะก็กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูล

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๕๙๖] รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 590

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

นอกจากนั้นที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะกำลังดับ และ

มนายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี มนายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้น

กำลังตายในปัญจโวการภูมิ มนายตนะเคยดับ และรูปายตนะก็กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๙๗] รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ รูปายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่เคยดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 591

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย รูปายตนะกำลังดับ และธัมมายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีรูปะเกิดได้

เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะเคยดับ และรูปายตนะก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูล

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๕๙๘] มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ มนายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่เคยดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 592

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย มนายตนะกำลังดับ และธัมมายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, นายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจิตเกิดได้

เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะเคยดับ และมนายตนะก็กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 593

ปัจจุปปันนาตีตาวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๕๙๙] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี :-

[๖๐๐] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 594

เคยดับ.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูล

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๐๑] ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมุละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 595

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๖๐๒] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๐๓] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังดับ และโสตายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 596

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ โสตายนะ

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

โสตายตนะไม่ใช่เคยดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๖๐๔] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุเกิด

ไม่ได่เหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น. บุคคลที่กำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 597

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่

เคยดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๐๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปา-

ยตนะเคยดับแก่บุคคล เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธา-

วาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ

และรูปายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 598

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ รูปายตนะ

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่เคยดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๐๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ใช่กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะเคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

มนายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 599

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ มนายตนะ

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่เคยดับ และจักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๐๗ ] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดใน

สุทธาภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 600

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะ

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะ

ไม่ใช่เคยดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๐๘] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะ

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 601

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และรูปายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๐๙] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้น กำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่อรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ฆานา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับ และมนายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 602

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๑๐] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ใน

สุทธาวาสภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 603

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๑๑] รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดใน

สุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่

กำลังดับ และมนายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนา-

ยตนะไม่ใช่เคยดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 604

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๑๒] รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดใน

สุทธาวาสภูมิ รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่เคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูป-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะ

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่

เคยดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 605

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๑๓] มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่ธัมมายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะ

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่

เคยดับ และมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 606

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๑๔] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลัง

ตาย จักขายตนะกำลังดับ และโสตายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี โสตายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย

โสตายตนะจักดับ และจักขายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 607

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๖๑๕] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิด

ได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขายตนะกำลังดับ และฆานายตนะก็จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนะมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๑๖] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักดับ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 608

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลัง

ตาย จักขายตนะกำลังดับ และรูปายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๑๗] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขา-

ยตนะกำลังดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ฯ ล ฯ บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 609

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี:-

[๖๑๘] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง

ตายก็ดี ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย ฆานายตนะกำลังดับ และรูปายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย

รูปายตนะจักดับ และฆานายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลนั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 610

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๑๙] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ฆานายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่นอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ฆานายตนะกำลัง

ดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๒๐] รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 611

บุคคลนอกจากนั้นที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปายตนะกำลังดับ

และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่รูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมา-

ยตนะจักดับ และรูปายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๒๑] มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมาก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน มนายตนะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 612

นอกจากนั้นที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย มนายตนะกำลังดับ และ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมา-

ยตนะจักดับ และมนายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๖๒๒] จักขายตนะกำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 613

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูล โสตายตนมูลี :-

[๖๒๓] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย จักขายตนะกำลังดับ และโสตายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี โสตายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย โสตายตนะจักดับ และจักขา-

ยตนะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 614

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๖๒๔] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่กำลังตายในรูปาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

นอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังดับ และฆานายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

( สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจำแนกวาระ ๓ ไว้พิสดาร แม้

ในอดีตกับปัจจุบันฉันใด แม้วาระนี้ บัณฑิตก็พึงจำแนกให้พิสดาร

ฉันนั้น)

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๒๕] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 615

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย จักขายตนะกำลังดับ และรูปายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๒๖] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย จักขายตนะกำลังดับ และมนายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯลฯ

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 616

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๒๗] จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย จักขายตนะกำลังดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มี

จักเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะจักดับ และจักขายตนะก็

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 617

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๒๘] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ฆานายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย ฆานายตนะกำลังดับ และรูปายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ฯลฯ, บุคคล

ก็กำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ฯ ล ฯ

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๒๙] ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ฯ ล ฯ ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 618

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ฆานายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีฆานะเกิดได้เหล่า

นั้นกำลังตาย ฆานายตนะกำลังดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๓๐] รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 619

นอกจากนั้นที่กำลังตายในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะกำลังดับ และ

มนายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๓๑] รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังตาย รูปายตนะกำลังดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็กำลังดับ แก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีรูปะเกิดได้

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 620

เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะจักดับ และรูปายตนะก็กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๓๒] มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน มนายตนะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย มนา-

ยตนะกำลังดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด มนายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 621

แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจิต

เกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ธัมมายตนะจักดับ และมนายตนะก็กำลังดับ

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 622

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๓๓] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับ และโสตายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ โสตา-

ยตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 623

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๖๓๔] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานา-

ยตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลกำลังเกิดในรูปาวจร

ภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ

และฆานายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน

บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลกำลังเกิด

ในรูปาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะ

ไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 624

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๓๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับ รูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปายตนะ

ไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 625

จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๓๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ฯ ล ฯ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมา-

ยตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับ

และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 626

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๓๗] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี

ปัจฉิมภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

รูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็ไม่

ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลเ

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิม-

ภวิกบุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่ และ

ฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 627

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๓๘] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ฯลฯ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี ใน

ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ธัมมายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 628

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๓๙] รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ฯลฯ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ รูปา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็ไม่

ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับ

และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 629

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๔๐] มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็

ไม่ใช่กำลังแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

กำลังดับ.

จบ มนายนตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๖๔๑] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 630

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๔๒] จักขายตนะไม่ใช่กำลังแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และโสตายตนะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพานในปัญจโวการภูมิ โสตา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี โสตายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 631

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๖๔๓] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆา-

นายตะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุเกิด

ไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช้จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังตายในรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่กำลังเกิดในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 632

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๔๔] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะ

จัก ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ รูปายตนะไม่ใช่

จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 633

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๔๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ

และมนายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ มนายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 634

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๔๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน

ในอรูปภูมิ จักขายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 635

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๔๗] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจร

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

รูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิ ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ รูปายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่

กำลังแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 636

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๔๘] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, และ

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้กำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูนินั้น แต่มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และมายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ มนายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิ ใน

อรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่

จักดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 637

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๔๙] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน

ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ธัมมายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี ใน

อรูปาวจร ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 638

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๕๐] รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน

ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนไม่ใช่

กำลังดับ และมนายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

มนายตนะไม่ใช่จักดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 639

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๕๑] รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

กำลังตายก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน

ในอรูปภูมิ รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ

ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 640

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๕๒] ธัมนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น, ใช่ไหม ?

จักดับ.

ก็หรือว่า ธัมมายตนไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังดับ.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 641

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๕๓] จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิม-

ภวิกบุคคลเกิดยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้ว

จักปรินิพพานบุคคลเหล่านั้น กำลังตายก็ดี จักขายตนะเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอก

จากนั้น จักขายตนะเคยดับ และโสตายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๖๕๔] จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 642

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิม-

ภวิกบุคคลเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจัก

เกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพานบุคคลเหล่านั้น

กำลังตายก็ดี จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จักขายตนะเคยดับ

และฆานายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๕๕] จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิม-

ภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้ว

จักปรินิพพานบุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจาก

นั้น จักขายตนะเคยดับ และรูปายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 643

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๕๖] จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน จักขายตนะเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่นอก

จากนั้น จักขายตนะเคยดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๕๗] ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 644

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิม-

ภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้ว

จักปรินิพพานบุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจาก

นั้น ฆานายตนะเคยดับ และรูปายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๕๘] ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน ฆานายตนะเคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

นอกจากนั้น ฆานายตนะเคยดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 645

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๕๙] รูปายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน รูปายตนะเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอก

จากนั้น รูปายตนะเคยดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯล ฯ

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๖๐] มนายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน มนายตนะเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจาก

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 646

นั้น มนายตนะเคยดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯลฯ

[๖๖๑] จักขายตนะเคยดับในภูมิใด, ฯลฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 647

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๖๒] จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการ-

ภูมิ จักขายตนะเคยดับ และโสตายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ โสตายตนะจักดับ

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ โสตา-

ยตนะจักดับ และจักขายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 648

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๖๖๓] จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอก

จากที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขายตนะเคยดับ และฆานายตนะก็จัก

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๖๔] จักขายตนเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 649

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการ-

ภูมิ จักขายตนะเคยดับ และรูปายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจาก

นั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะจักดับ และจักขายตนะก็เคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๖๕] จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการ-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 650

ภูมิ จักขายตนะเคยดับ และมนายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น

ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนายตนะจักดับ และจักขายตนะก็เคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๖๖] จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการ-

ภูมิ จักขายตนะเคยดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 651

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะจักดับ

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ

ธัมมายตนะจักดับ และจักขายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๖๗] ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ฆานายตนะ

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะเคยดับ และรูปายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 652

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ รูปายตนะจักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ รูปายตนะจักดับ และ

ฆานายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๖๘] ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ฯ ล ฯ ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ฆานายตนะ

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะเคยดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 653

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่เคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ธัมมา-

ยตนะจักดับ และฆานายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๖๙] รูปายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะเคยดับ และมนา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 654

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปา-

ยตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้น

ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนายตนะจักดับ และรูปายตนะก็เคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๗๐] รูปายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ

เคยคับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะเคยดับ และธัมมายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 655

ยตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้น

ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ธัมมา-

ยตนะจักดับ และรูปายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๗๑] มนายตนะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน มนายตนะเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูนินั้น แต่ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิ

ก็ดี มนายตนะเคยดับ และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 656

แต่มนายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจาก

นั้นที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี ธัมมายตนะจัก

ดับ และมนายตนะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 657

อตีตนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๗๒] จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี :-

[๖๗๓] จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ฯล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนมูลีก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น

ใช่ไหม ?

ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 658

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูล

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๗๔] ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนะไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนะ ฯ ล ฯ รูปายตนะมนายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 659

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๖๗๕] จักขายตนะไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๗๖] จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ จักขายตนะไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวุาสภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่เคยดับ และโสตายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 660

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ โสตา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

โสตายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๖๗๗] จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 661

ภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

อยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิดี บุคคล

เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๗๘] จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูนินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขา-

ยตนะไม่ใช่เคยดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยดับแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 662

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๗๙] จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน

ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่เคยดับ และมนายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ มนา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 663

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๘๐] จักขายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังนิพพานในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่เคยดับ และธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะเคยดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 664

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับ และ

จักขายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๘๑] ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะไม่ใช่เคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 665

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ รูปายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๘๒] ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปา-

วจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับ และมนายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 666

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ มนายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี ใน

อรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่

จักดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๘๓] ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจร-

ภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่เคยดับ และธัมมานตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ธัมมายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะเคยดับแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 667

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในรูปาวจรภูมิก็ดี ใน

อรูปาวจรภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่เคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๘๔] รูปายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ไช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน

ในสุทธวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะ

ไม่ใช่เคยดับ และมนายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 668

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ

ก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๘๕] รูปายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพาน

ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะ

ไม่ใช่เคยดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 669

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะเคยดับแก่

บุคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิก็ดี

บุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับ และ

รูปายนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๘๖] มนายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพ-

พานในสุทธาวาสภูมิ มนายตนะไม่ใช่เคยดับ และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 670

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพาน ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับ

และมนายตนะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

นิโรธวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 671

อุปปาทนิโรธวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๘๗] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่ ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯลฯ รูปายตน มนายตนะ ธัมมา-

ยตนมูลี :-

[๖๘๘] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ ฯ ล ฯ

รูปายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนะก็กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 672

ไม่ใช่.

หรือว่า ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนะ ฯลฯ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

มนายตนมูลี

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๘๙] มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 673

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๖๙๐] จักขายตนะกำลังเกิดในภูมิใด ฯ ล ฯ (คำที่กำหนด

ด้วยบทว่า ยตฺถ ( ในภูมิใด ) ไม่ควรประกอบคำว่า โน ( หามิได้ )

เข้าไว้. คำว่า ยตฺถ ( ในภูมิใด ) ควรประกอบให้เหมือนกับคำทั้งหลาย

ที่กำหนดด้วยบทว่า ยตฺถ ( ในภูมิใด ) นอกจากนี้คำที่กำหนดด้วย

บทว่า ยตฺถ ( ในภูมิใด ) ในวาระแม้ทั้งสาม เป็นเช่นเดียวกัน )

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๙๑] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดใภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 674

ก็หรือว่า โสตายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่ ฯ ล ฯ

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๙๒] มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 675

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๖๙๓] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีโสตะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่โสตะเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และโสตายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด โสตายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่โสตะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี โสตายตนะไม่ใช่กำลังดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 676

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๖๙๔] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 677

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๙๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 678

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๙๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลัง

ตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลัง

เกิดก็ดี มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 679

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๖๙๗] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขายตนไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมา-

ยตะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะไม่ใชกำลังดับ และ

จักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 680

ฆานายตนมูล

ฆานายตมูละ รูปายตนมูลี :-

[๖๙๘] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตะก็ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 681

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๖๙๙] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลัง

ตายก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ และฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 682

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๐๐] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับ แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับ และ

ฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 683

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๐๑] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังตาย รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลัง

ตายก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลัง

เกิดก็ดี มนายตนะไม่ใช่กำลังดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 684

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๐๒] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่รูปะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับ และรูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 685

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๐๓] มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตาย มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

จิตเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะไม่ใช่กำลังดับ และมนา-

ตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 686

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๗๐๔] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๗๐๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส ( แก่บุคคลใด ) ก็ดี คำที่กำหนด

ด้วยบทว่า ยสฺส ยตฺถ ( แก่บุคคลใดในภูมิใด ) ก็ดี เช่นเดียวกัน.

จักขายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 687

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๐๖] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่ ฯ ล ฯ

( อตีตปุจฉา ในอุปปาทวาระก็ดี ในนิโรธวาระก็ดี ในอุปปาท-

นิโรธวาระก็ดี ถึงอนุโลม ถึงปัจจนิกก็ดี เป็นเช่นเดียวกัน )

จักขายตนมูล จบ

อตีตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 688

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๐๗] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง

เกิดก็ดี โสตายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น โสตายตนะจักดับ และ

จักขายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 689

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๗๐๘] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตาย จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จักขายตนะจักเกิด

และฆานายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

ก็ดี ฆานายตะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น ฆานายตนะจักดับ และ

จักขายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 690

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๐๙] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

ก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น รูปายตนะจักดับ และจักขา-

ยตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๑๐] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 691

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด.

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพานก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น

ธัมมายตนะจักดับ และจักขายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๑๑] ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด ฆานายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 692

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปริ-

นิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่ฆานายตะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น

รูปายตนะจักดับ และฆานายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๑๒] ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯลฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตะจักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ ฯลฯ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพานก็ดี ธัมมายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 693

บุคคลที่นอกจากนั้น ธัมมายตนะจักดับ และฆานายตนะก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๑๓] รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพานก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น

ธัมมายตนะจักดับ และรูปายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 694

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๑๔] มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

นอกจากนั้น ธัมมายตนะจักดับ และมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 695

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๗๑๕] จักขายตนะจักเกิดในภูมิใด, ฯ ลฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๑๖] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตายตนะ

ก็จักดับเเก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม?

ใช่.

หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ โสตา-

ยตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 696

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโว-

การภูมิ โสตายตนะจักดับ และจักขายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๗๑๗] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นอยู่ในรูปาวจรภูมิ จักขายตนะจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขายตนะจักเกิด และ

ฆานายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ฆานายตนะจักดับ และจักขายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 697

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๑๘] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะจักดับ และจักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๑๙] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 698

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจาก

นั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนายตนะจักดับ และจักขายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๒๐] จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 699

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ

ธัมมายตนะจักดับ และจักขายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๒๑] ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอก

จากนั้นที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ รูปายตนะจักดับ และฆานายตนะก็จัก

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 700

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๒๒] ฆานายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ฯล ฯ ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ธัมมา-

ยตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ธัมมายตนะจักดับ และฆานายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๒๓] รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 701

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปายตนะจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะจักเกิด และ

มนายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจากนั้น

ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนายตนะจักดับ และรูปายตนะก็จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๒๔] รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 702

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอก

จากนั้นที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี ธัมมายตนะจักดับ และรูปายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๒๕] มนายตนะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 703

หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกจาก

นั้นที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี ธัมมายตนะจักดับ

และมนายตนะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 704

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๒๖] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจ-

ฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้ว

จักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด

และโสตายตนะก็ไม่ใช่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 705

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๗๒๗] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนายตนะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี ปัจฉิม-

ภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่จักเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตาย ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตาย

ก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 706

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๒๘] จักขายตนะไม่ใช่จัดเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปายตนะจักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี

ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจัก

ปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด และ

รูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็ไม่

ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๒๙] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯลฯ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 707

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพานก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปริ-

นิพพานเหล่านั้น จักขายตนะจักเกิด และธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะ ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๓๐] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจ-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 708

โวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิก็ดี, บุคคลเหล่าใดจักเกิดใน

อรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานายตนะ

ไม่ใช่จักเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะ ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๓๑] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯลฯ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพานก็ดี ฆานายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่กำลังปรินิพพานเหล่านั้น ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะ ฯลฯ

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 709

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๓๒] รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯลฯ

ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี, บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพานก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปริ-

นิพพานเหล่านั้น รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะ ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๓๓] มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 710

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานเหล่านั้น มนายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, มนายตนะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๗๓๔] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 711

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๓๕] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ จักขา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด และโสตายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๗๓๖] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่ดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 712

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ จักขา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี

ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด และฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูก็ดี ปัจฉิมภวิก

บุคคลในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่

ใช่จักเกิดและบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 713

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๓๗] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี

จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๓๘] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 714

นั้น แต่มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่

จักเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๓๙] จักขายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานเหล่านั้น จักขายตนะ

ไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 715

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๔๐] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปาตยนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๔๑] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 716

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานเหล่านั้นก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และมนายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนะมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๔๒] ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานเหล่านั้น ฆานา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 717

ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูล มนายตนมูลี :-

[๗๔๓] รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จัดเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานเหล่านั้น รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 718

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานเหล่านั้น มนายตนะไม่ใช่จักเกิด

และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๔๔] รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในปัญจโวการภมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานเหล่านั้น รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 719

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๔๕] มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพ-

พานเหล่านั้น มนายตนะไม่ใช่จักเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 720

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๔๖] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็เคย

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะเคยดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี โสตายตนะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด โสตายตนะเคยดับ และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 721

( ในอุปปาทวาระ ท่านจำแนกปัจจุปปันนาตีตปุจฉาวาระไว้ฉันใด

แม้ในอุปปาทนิโรธวาระ ก็พึงจำแนกปัจจุปปันนาตีตปุจฉาวาระ ทั้งที่

เป็นอนุโลมและปัจจนิกฉันนั้น.)

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 722

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๔๗] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี โสตายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด โสตายตนะจักดับ และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 723

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๗๔๘] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็จัก

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิ จักขา-

ยตนะเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลนอกจากนั้นที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขา-

ยตนะกำลังเกิด และฆานายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลงเกิด ฆานายตนะจักดับ และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 724

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๔๙] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด รูปายตนะจักดับ และจักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนะ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๕๐] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 725

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด มนายตนะจักดับ และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๕๑] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 726

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด ธัมมายตนะจักดับ และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนะ ฯ ล ฯ มนายตนะ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๕๒] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ ฯ ล ฯ

มนายตนะ ธัมมายตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, ฆานายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 727

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด ธัมมายตนะจักดับ และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนะ ฯ ล ฯ มนายตนะ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๕๓] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ ฯ ล ฯ

ธัมมายตนะ ก็จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด, รูปายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่รูปา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีรูปะเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด ธัมมายตนะจักดับ และรูปายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 728

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๕๔] มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใด , มนายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มนา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจิตเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด ธัมมายตนะจักดับ และมนายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 729

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๗๕๕] จักขายตนะกำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๕๖] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี โสตายตนะจักดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 730

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด โสตายตนะจักดับ

และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๗๕๗] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิ จักขายตนะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ

จักขายตนะกำลังเกิด และฆานายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะจักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 731

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิ

ฆานายตนะจักดับ และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๕๘] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่า

นั้นกำลังเกิด รูปายตนะจักดับ และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 732

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๕๙] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้น

กำลังเกิด มนายตนะจักดับ และจักขายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูล ธัมมายตนมูลี :-

[๗๖๐] จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูนินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 733

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลในภูมิใด, จักขายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มี

จักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักดับ และจักขายตนะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๖๑] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า รูปายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 734

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ฆานะเกิดได้เหล่า

นั้นกำลังเกิด รูปายตนะจักดับ และฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๖๒] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานาตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี มนายตนะจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 735

ภูมินั้น, บุคคลที่มีฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิดมนายตนะจักดับ และ

ฆานายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๖๓] ฆานายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มี

ฆานายเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักดับ และฆานายตนะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 736

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๖๔] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ รูปายตนะกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะกำลัง

เกิด และมนายตนะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอรูปภูมิก็ดี มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดใน

ปัญจโวการภูมิ มนายตนะจักดับ และรูปายตนะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 737

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๖๕] รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมายตนะ

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีรูปะ

เกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักดับ และรูปายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๖๖] มนายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะจักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 738

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนายตนะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่มีจิต

เกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมายตนะจักดับ และมนายตนะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 739

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๖๗] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

โสตายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใด

จักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี

จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และโสตายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่าโสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 740

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๗๖๘] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิด

ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่า นั้น

กำลังตายก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อปัจฉิมภวิกบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิ ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัจโวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิก-

บุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ ใน

อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ฆานา-

ยตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 741

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๖๙] จักขายตนะไม่ใช่กำลั'เกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใด

จักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี

จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๗๐] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ฯ ล ฯ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 742

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานเหล่านั้น

จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๗๑] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจ-

โวการภูมิก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใด

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 743

จักเกิดในอรูปภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี

ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๗๒] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ฯ ล ฯ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานเหล่านั้น

ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด ฯลฯ

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 744

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๗๓] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มนายตนะ

ฯ ล ฯ ธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่กำลังปรินิพพานเหล่านั้น

รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด ฯ ลฯ

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนะ ฯ ล ฯ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๗๔] มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมายตนะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 745

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานเหล่านั้น

มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มนายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ ฯ ล ฯ

[๗๗๕] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

จักขายตนมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 746

ปุคคโลกาสวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๗๖] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, โสตา-

ยตนะก็ไม่ไช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่โสตายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่

กำลังเกิด และโสตายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 747

จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี :-

[๗๗๗] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆา-

นายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูก็ดี บุคคลที่จักขุเกิด

ไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ฆานายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตาย

ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอรูปภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และฆานายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ฆานายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จักขายตนะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคล

ที่กำลังตายในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่จักดับ และจักขายตนะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ จักขายตนมูละ ฆานายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 748

จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๗๘] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี จักขา-

ยตนะไม่ใช่กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ รูปายตนมูลี

จักขายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๗๙] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 749

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่จักขุ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ

ก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนา-

ยตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และ

มนายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ มนายตนมูลี

จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๘๐] จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 750

ปรินิพพานเหล่านั้น จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จักขา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ฆานายตนมูล

ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี :-

[๗๘๑] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กาลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

รูปายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลังปรินิพพาน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 751

ในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่

กำลังเกิด และรูปายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า รูปายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไมใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ รูปายตนมูลี

ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๘๒] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ฆานะ

เกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิดในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปา-

วจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และมนายตนะก็ไม่ใช่จับดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 752

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ มนายตนมูลี

ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๘๓] ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่ฆานะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานเหล่านั้น ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคล ในภูมิใด, ฆานา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ฆานายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

ฆานายตนมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 753

รูปายตนมูล

รูปายตนมูละ มนายตนมูลี :-

[๗๘๔] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังตายในปัญจโวการภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอรูปภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มนายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพ-

พานก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด

และมนายตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มนายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปายตนะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ มนายตนะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่รูปายตนะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังปรินิพพานก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี มนายตนะไม่ใช่จักดับ และรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ รูปายตนมูละ มนายตนมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 754

รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๘๕] รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่รูปะเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานเหล่านั้น รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, รูปา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ รูปายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

รูปายตนมูล จบ

มนายตนมูล

มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี :-

[๗๘๖] มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ธัมมา-

ยตนะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 755

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี บุคคลที่จิตเกิดไม่ได้

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่ธัมมายตนะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

ปรินิพพานเหล่านั้น มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด และธัมมายตนะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า ธัมมายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มนา-

ยตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มนายตนมูละ ธัมมายตนมูลี

มานายตนมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 756

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๘๗] จักขายตนะเคยเกิดแก่บุคคลใด, โสตายตนะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิก็ดี ปัจ-

ฉิมภวิกบุคคลเกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี บุคคลเหล่าใดจักเกิดในอรูปภูมิ

แล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี จักขายตนะเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตายตนะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่นอกจากนั้น จักขายตนะเคยเกิด และโสตายตนะก็จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตายตนะจักดับแก่บุคคลใด, จักขายตนะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

(ในนิโรธวาระ อตีตานาคตปุจฉาวาระ ทั้งปุคคลวาระ โอกาส-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 757

วาระ ทั้งที่เป็นอนุโลมและปัจจนิก ท่านจำแนกไว้แล้วฉันใด แม้ใน

อุปปาทนิโรธวาระ อตีตานาคตปุจฉาวาระ ก็พึงจำแนกฉันนั้น )

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

อุปปาทนิโรธวาระ จบ

ปวัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 758

ปริญญาวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๘๘] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็กำลังรู้

แจ้งโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดกำลังรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็กำลังรู้

แจ้งจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 759

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังรู้

แจ้งโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่

ใช่กำลังรู้แจ้งจักขายตนะ, ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 760

อตีตวาระ อนุโลม

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๘๙] บุคคลใดเคยรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง

โสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดเคยรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง

จักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

อตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 761

อตีตวาระ ปัจจนิก

บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่เคยรู้แจ้ง

โสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่

เคยรู้แจ้งจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

อตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 762

อนาคตวาระ อนุโลม

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๙๐] บุคคลใดจักรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง

โสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดจักรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง

จักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

อนาคตวาระอนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 763

อนาคตวาระ ปัจจนิก

บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักรู้แจ้ง

โสตายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่

จักรู้แจ้งจักขายตนะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 764

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๙๑] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็เคยรู้

แจ้งโสตายตนะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดเคยรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นกำลังรู้แจ้ง

จักขายตนะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 765

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก

บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่เคยรู้

แจ้งโสตายตนะ ใช่ไหม ?

อรหัตผลบุคคลไม่ใช่กำลังรู้แจ้งจักขายตนะ แต่เคยรู้แจ้งโสตา-

ยตนะ, ยกเว้นอรหัตมรรคบุคคลและอรหัตผลบุคคลเสียแล้ว บุคคล

ที่เหลือนอกจากนั้นไม่ใช่กำลังรู้แจ้งจักขายตนะ และก็ไม่ใช่เคยรู้แจ้ง

โสตายตนะ.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งโสตายตนะ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่

กำลังรู้แจ้งจักขายตนะ ใช่ไหม ?

อรหัตมรรคบุคคลไม่ใช่เคยรู้แจ้งโสตายตนะ แต่กำลังรู้แจ้ง

จักขายตนะ, ยกเว้นอรหัตมรรคบุคคลและอรหัตผลบุคคลเสียแล้ว

บุคคลที่เหลือนอกนั้นไม่ใช่เคยรู้แจ้งโสตายนะ และก็ไม่ใช่กำลังรู้แจ้ง

จักขายตนะ.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 766

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๙๒] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง

โสตายตนะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดจักรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็กำลังรู้แจ้ง

จักขายตนะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 767

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักรู้

แจ้งโสตายตนะ ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังรู้แจ้ง

จักขายตนะ แต่จักรู้แจ้งโสตายตนะ, อรหัตผลบุคคลก็ดี ปุถุชน

เหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งจักขายตนะ

และก็ไม่ใช่จักรู้แจ้งโสตายตนะ.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่

กำลังรู้แจ้งจักขายตนะ ใช่ไหม ?

อรหัตตมัคคบุคคลไม่ใช่จักรู้แจ้งโสตายตนะ แต่กำลังรู้แจ้ง

จักขายตนะ, อรหัตผลบุคคลก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชน

เหล่านั้นก็ดี ไม่ใช่จักรู้แจ้งโสตายตนะ และก็ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งจักขา-

ยตนะ.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 768

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

จักขายตนมูล

จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี :-

[๗๙๓] บุคคลใดเคยรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง

โสตายตนะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดจักรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง

จักขายตนะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 769

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งจักขายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักรู้แจ้ง

โสตายตนะ ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่เคยรู้แจ้งจักขา-

ยตนะ แต่จักรู้แจ้งโสตายตนะ, อรหัตผลบุคคลก็ดี ปุถุชนเหล่าใด

จักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ไม่ใช่เคยรู้แจ้งจักขายตนะ และ

ไม่ใช่จักรู้แจ้งโสตายตนะ.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งโสตายตนะ, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่

เคยรู้แจ้งจักขายตนะ ใช่ไหม ?

อรหัตผลบุคคลไม่ใช่จักรู้แจ้งโสตายตนะ แต่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์,

อรหัตมรรคบุคคลก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี

ไม่ใช่จักรู้แจ้งโสตายตนะ และก็ไม่ใช่เคยรู้แจ้งจักขายตนะ.

จบ จักขายตนมูละ โสตายตนมูลี

จักขายตนมูล จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

ปริญญาวาระ จบ

อายตนยมกที่ ๓ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 770

อรรถกถาอายตนยมก

บัดนี้ เป็นการวรรณนา อายตนยมก ที่ท่านรวบรวมไว้แม้

ด้วยอำนาจอายตนะ, ในธรรมมีกุศลเป็นต้น ที่แสดงไว้ในมูลยมกนั้น

เทียว แล้วแสดงไว้ในลำดับแห่งขันธยมก บัณฑิตพึงทราบการกำหนด

บาลี ตามนัยที่ท่านกล่าวไว้แล้วในขันธยมกนั้นนั่นแหละ ก็ในขันธยมก

นั้น มหาวาระ ๓ อย่างคือ ปัณณัตติวาระ ปวัตติวาระ ปริญญาวาระ

ย่อมมีฉันใด แม้ในอายตนยมกนั้นก็ย่อมมีฉันนั้น. แม้เนื้อความแห่งคำ

แห่งมหาวาระเหล่านั้นบัณฑิตพึงทราบตามนัยที่ท่านกล่าวไว้แล้วในขันธ-

ยมกนั้นนั่นเอง.

ก็ในอายตนยมกนี้ ปัณณัตติวาระ ท่านกำหนดไว้แล้ว ๒ อย่าง

ด้วยอำนาจอุทเทสและนิทเทส. วาระทั้งหลายนอกนี้ ท่านกำหนดไว้

แล้วด้วยอำนาจนิทเทสนั่นเทียว. เพราะฉะนั้นในวาระเหล่านั้น บัณฑิต

พึงทำบทว่า ทฺวาทสายตนานิ ( อายตนะ ๑๒ ) ให้เป็นต้นแล้วเพียงใด

พึงทราบอุทเทสวาระแห่งปัณณัตติวาระว่า มนายตน น มโน เพียง

นั้น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทฺวาทสายตนานิ ความว่า นี้เป็น

อุทเทสแห่งอายตนะทั้งหลายที่ควรถามด้วยอำนาจยมก. บทว่า จฺกขฺวา-

ยตน ฯ เป ฯ ธมฺมายตน ความว่า โดยประเภทนี้เป็นการกำหนด

ชื่อของอายตนะเหล่านั้นนั่นเทียว. ก็ในที่นี้ท่านกล่าวอัชฌัตตรูปายตนะ

( อายตนะที่เป็นรูปภายใน) ทั้งหลายไว้แล้วตามลำดับก่อน เพื่อสะดวก

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 771

แก่การถามด้วยอำนาจยมก. ภายหลังจึงกล่าวพาหิรรูปายตนะ (อายตนะ

ที่เป็นรูปภายนอก ) ทั้งหลาย. ในที่สุดจึงกล่าวมนายตนะและธัมมา-

ยตนะทั้งหลาย.

นัยวาระทั้งหลาย ๔ คือ ปทโสธนวาระ ปทโสธนมูลจักกวาระ

สุทธายตนวาระ สุทธายตนมูลจักกวาระ ย่อมมีด้วยอำนาจแห่งอายตนะ

ทั้งหลายเหล่านี้ในที่นี้ ด้วยอำนาจแห่งขันธ์นั่นเทียวในภายหลัง. ก็ใน

อายตนยมกนี้ วาระหนึ่ง ๆ ย่อมมี ๒ อย่างนั่นเทียว ด้วยอำนาจอนุโลม

และปฏิโลม. เนื้อความแห่งวาระเหล่านั้น บัณฑิตพึงทราบตามนัยที่

กล่าวแล้วในขันธยมกนั้นนั่นแหละ.

บัณฑิตพึงทราบอุทเทสวาระ แห่งปัณณัตติวาระที่ประกอบด้วย

ยมก ๕๗๖ อย่าง การถาม ๑,๑๕๒ อย่าง และอรรถ ๒,๓๐๔ อย่าง

ในอายตนยมกนี้ อย่างนี้คือ ก็ในอนุโลมวาระ แห่งปทโสธนวาระ

ในขันธยมก ยมก ๕ อย่าง มีอาทิว่า รูป รูปกฺขนฺโธ รูปกฺขนฺโธ

รูป ดังนี้ ย่อมมีฉันใด ในอายตนยมกนี้ ยมก ๑๒ อย่าง มีอาทิว่า

จกฺขุ จกฺขฺวายตน จกฺขฺวายตน จกฺขุ ย่อมมีฉันนั้น. แม้ในปฏิโลม

วาระ ก็มียมก ๑๒ อย่าง มีอาทิว่า น จกฺขุ น จกฺขฺวายตน

น จกฺขฺวายตน น จกฺขุ. แต่ในอนุโลมวาระนี้ แห่งปทโสธนมูลจักการะ

มียมก ๑๓๒ อย่าง เพราะทำมูลแห่งอายตนะหนึ่ง ๆ ให้เป็น ๑๑ อย่าง ๆ

แม้ในปฏิโลมวาระ ก็มี ๑๓๒ อย่างนั่นเทียว. ในอนุโลมวาระ แม้แห่ง

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 772

สุทธายตนวาระ มียมก ๑๒ อย่าง ในปฏิโลมวาระ ก็มี ๑๒ อย่าง

ในอนุโลมแห่งสุทธายตนมูลจักกวาระ มียมก ๑๓๒ อย่าง เพราะทำมูล

แห่งอายตนะหนึ่ง ๆ ให้เป็น ๑๑ อย่าง ๆ. แม้ในปฏิโลมวาระ ก็มี

๑๓๒ อย่างเหมือนกัน. ก็ในนิทเทสวาระ แห่งอายตนยมกนั้น บัณฑิต

พึงทราบเนื้อความตามนัยที่ท่านกล่าวไว้แล้วในปัณณัตติวาระนิทเทสแห่ง

ขันธยมกในภายหลังนั่นเทียว. ในวาระอื่นย่อมมีความแปลกกัน.

ในอายตนยมกนั้น พึงทราบความแปลกกันดังต่อไปนี้. บทว่า

ทิพฺพจกฺขุ ได้แก่ ทุติยวิชชาญาณ. บทว่า ปญฺาจกฺขุ ได้แก่

ตติยวิชชาญาณ บทว่า ทิพฺพโสต ได้แก่ ทุติยอภิญญาญาณ. ตัณหา

เทียว ชื่อว่า ตัณหาโสตะ คำมีอาทิว่า นามกาย รูปกาย หัตถิกาย

อัสสกาย ชื่อว่า อวเสโส กาโย กายที่เหลือ. สองบทว่า อวเสส รูป

ได้แก่ ภูตรูปอุปาทายรูปนั้นเทียว และปิยรูปสาตรูปที่เหลือจากรูปา-

ยตนะ. คำว่า สีลคนฺโธ เป็นชื่อของธรรมทั้งหลายมีศีลเป็นต้นนั่น

เทียว เพราะอรรถว่าฟุ้งไป แม้คำว่า อตฺถรโส เป็นต้น ก็เป็นชื่อ

ของธรรมทั้งหลายมีอรรถเป็นต้น เพราะอรรถว่า ไพเราะดี. สองบทว่า

อวเสโส ธมฺโม ได้แก่ ประเภทมิใช่หนึ่งแห่งธรรมมีปริยัติธรรม

เป็นต้น นี้เป็นความแปลกกันในอายตนยมกนี้.

ก็ในอายตนยมกนี้ ในอันตรวาระ ๓ อย่าง มีอุปปาทวาระ

เป็นต้น แห่งปวัตติวาระ มีประเภทแห่งกาล ๖ อย่างในประเภทแห่งกาล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 773

หนึ่ง ๆ นั่นเทียว. บรรดาประเภทแห่งกาลเหล่านั้น วาระทั้งหลายมี

ปุคคลวาระเป็นต้น ย่อมมีในกาลหนึ่ง ๆ. วาระเหล่านั้นแม้ทั้งหมด

ย่อมมี ๒ อย่างเทียว ด้วยอำนาจอนุโลมนัย และปฏิโลมนัย. ในวาระ

เหล่านั้น ในปัจจุบันกาล ในอนุโลมนัยแห่งปุคคลวาระ ยมก ๑๐ อย่าง

ย่อมมีด้วยการถือเอาแล้วไม่ถือเอาอีก คือ มูลแห่งรูปขันธ์ในขันธยมก ๔

มูลแห่งเวทนาขันธ์ ๓ มูลแห่งสัญญาขันธ์ ๒ มูลแห่งสังขารขันธ์ ๑

อายตนะ มูลแห่งจักขุอายาตนะ ๑๑ อย่าง ก็ย่อมมีฉันนั้นอย่างนี้ คือ จักขุ-

อายตนะย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด โสตายตนะย่อมเกิดขึ้นเก่สัตว์นั้น ก็

หรือว่า โสตายตนะย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จักขุอายตนะย่อมเกิดขึ้นแก่

สัตว์นั้น จักขุอายตนะย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ฆานายตนะ ชิวหายตนะ

กายายตนะ รูปายตนะ สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏ-

ฐัพพายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนะ ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ก็หรือว่า

ธัมมายตนะย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จักขุอายตนะ ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.

โดยนัยมีอาทิว่า ยสฺส โสตายตน อุปฺปชฺชติ ตสฺส ฆานายตน

อุปฺปชฺชติ จึงมียมก ๖๖ อย่าง ด้วยการถือเอาแล้วไม่ถือเอาอีกคือ มูล

แห่งโสตายตนะ ๑๐ มูลแห่งฆานายตนะ ๙ มูลแห่งชิวหายตนะ ๘

มูลแห่งกายายตนะ ๗ มูลแห่งรูปายตนะ ๖ มูลแห่งสัททายตนะ ๕

มูลแห่งคันธายตนะ ๔ มูลแห่งรสายตนะ ๓ มูลแห่งโผฏฐัพพายตนะ ๒

มูลแห่งมนายตนะ ๑. ในอายตนะ ๑๑ อย่าง อันเป็นมูลแห่งจักขุ-

อายตนะนั้น จักขุอายตนะย่อมเกิดขั้นแก่สัตว์ใด อายตนะ ๕ อย่าง

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 774

เหล่านี้นั้นเทียวคือ โสตายตนะ ฆานายตนะ รูปายตนะ มนายตนะ

ธัมมายตนะ ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น อันท่านวิสัชนาแล้ว.

ในอายตนะเหล่านั้น อายตนะแรกควรวิสัชนาก่อน อายตนะ

แรกนั้นท่านวิสัชนาแล้ว. อายตนะ ๒ เป็นการวิสัชนาเช่นเดียวกับ

อายตนะแรกแม้ก็จริง ถึงอย่างนั้น อายตนะที่ ๒ ท่านก็วิสัชนาแล้ว

เพื่อห้ามความสงสัยว่า ฆานายตนะ ไม่เป็นไปแล้ว โดยส่วนเดียวในที่

ปวัตติกาลของจักขุโสตายตนะ อายตนะอย่างหนึ่ง พึงวิสัชนาอย่างไร

หนอแล. ยมก ๓ อย่างกับรูปายตนะ มนายตนะและธัมมายตนะ ชื่อว่า

ท่านวิสัชนาแล้ว เพราะวิสัชนาไม่เหมือนกัน. ในอายตนะที่เหลือ

ยมก ๒ อย่างกับชิวหายตนะและกายายตนะ เป็นการวิสัชนาเช่นเดียว

กับอายตนะ ๒ อย่างเบื้องต้น.

การวิสัชนายมกนั่นเทียวกับด้วยอายตนะนั้น ย่อมไม่มีเพราะไม่

เกิดขึ้นในปฏิสนธิขณะแห่งสัททายตนะ. อายตนะทั้งหลาย ท่านย่อ

ไว้แล้ว เพื่อความเบาแห่งแบบแผนว่า ยมก ๓ อย่าง แม้กับคันธายตนะ

รสายตนะและโผฏฐัพพายตนะ ย่อมเป็นการวิสัชนาเช่นเดียวกับอาตนะ

๒ เบื้องต้นนั่นเทียว. ในมูลแห่งโสตายตนะ อายตนะแม้อย่างหนึ่ง ไม่

ขึ้นสู่พระบาลีแล้วว่า อายตนะใดอันบัณฑิตย่อมได้ อายตนะนั้นย่อม

เป็นการวิสัชนาเช่นเดียวกับอายตนะทั้งหลายเบื้องต้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 775

ในมูลแห่งฆานายตนะทั้งหลาย. ยมกอย่างหนึ่งขึ้นพระบาลีแล้ว

กับด้วยรูปายตนะยมก ๒ - ๓ อย่างขึ้นสู่พระบาลีแล้วกับด้วยมนายตนะ

และธัมมายตนะ. ยมกทั้งหลายที่เหลือไม่ขึ้นแล้ว ( สู่พระบาลี ) เพราะ

การวิสัชนาเช่นเดียวกันกับฆานายตนยมก. มูลแห่งชิวหายตนะและ

กายายตนะก็อย่างนั้น.

ในมูลแห่งรูปายตนะทั้งหลาย ยมก ๒ อย่างนั่นเทียว ท่าน

วิสัชนาแล้ว พร้อมกับมนายตนะและธัมมายตนะ. ยมก ๓ อย่าง พร้อม

กับคันธะ รสะและโผฏฐัพพะ ย่อมเป็นการวิสัชนาเช่นเดียวกันกับด้วย

รูปายตนะและมนายตนะ. คำว่า สรูปกาน อจิตฺตกาน เป็นต้น ท่าน

กล่าวแล้วในภายหลังฉันใดนั่นเทียว แม้ในอายตนยมกนี้ก็ฉันนั้น พึง

ทราบการรวบรวมว่า สรูปกาน อคนฺธกาน อรสกาน อโผฏฺพฺพ

กาน ดังนี้.

ก็ความเป็นแห่งอายตนะทั้งหลาย มีคันธะเป็นต้นนั่นแหละ

ท่านประสงค์เอาแล้วในอายตนยมกนี้ เพราะฉะนั้น บัณฑิตพึงทราบ

เนื้อความในอายตนยมกนี้ ด้วยอำนาจแห่งอายตนะว่า สรูปกาน สคนฺ-

ธายตน. มูลแห่งสัททายตนะทั้งหลาย ไม่ขึ้นแล้วสู่พระบาลีนั่นเทียว

เพราะไม่มีเนื้อความ. อายตนะอันเป็นมูลแห่งคันธะ รสะและโผฏฐัพพะ

๔, ๓ และ ๒ อย่าง ไม่ขึ้นแล้วสู่พระบาลี เพราะวิสัชนาเช่นเดียวกัน

กับด้วยอายตนะทั้งหลายอันมีในหนหลัง. ยมก ๖๖ อย่างเหล่านี้

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 776

บัณฑิตพึงทราบว่า ชื่อว่าเป็นอันท่านวิสัชนาแล้ว ด้วยการวิสัชนายมก

๒ - ๓ อย่างนั้นเทียว ในอนุโลมนัย แห่งปุคคลวาระในปัจจุบันกาล

อย่างนี้ว่า มนายตนมูลก วิสชฺชิตเมว ดังนี้. ยมก ๑๙๘ อย่าง

ย่อมมีในอนุโลมนัย ในวาระทั้งสาม ในปัจจุบันกาลว่า ก็ในปุคคล-

วาระมี ๖๖ ฉันใด แม้ในโอกาสวาระ แม้ในปุคคโลกาสวาระ ก็ฉันนั้น

ดังนี้. ยมก ๓๙๖ อย่าง แม้ทั้งหมดย่อมมีในปัจจุบันกาลว่าก็ในอนุโลม

นัย ฉันใด แม้ในปฏิโลมนัย ก็ฉันนั้น ดังนี้. การถาม ๗๙๒ อย่าง

และเนื้อความ ๑,๕๘๔ อย่าง พึงทราบว่ามีอยู่ในยมกทั้งหลายเหล่านั้น.

ยมก ๒,๓๗๖ แม้ทั้งหมดว่า ในการแยกกาล ๕ อย่างแม้ที่เหลือ ดังนี้

ย่อมมีอย่างนั้น. นี้เป็นการกำหนดพระบาลี ในอุปปาทวาระนี้ว่า คำ

ถามที่ทวีคูณจากยมกนั้น อรรถที่ทวีคูณจากคำถามนั้น ยมก ๒,๑๒๘

ย่อมมีในปวัตติวาระแม้ทั้งหมดว่า แม้ในนิโรธวาระและอุปปาทะนิโรธ-

วาระ ก็มีนัยนี้. พึงทราบการถามทวีคูณจากยมกนั้น พึงทราบเนื้อความ

ที่ทวีคูณจากคำถามนั้น. ก็พระบาลีท่านกล่าวคำเป็นต้นว่า มนายตนะ

และธัมมายตนะ ย่อมไม่มีความต่างกันกับอายตนะหนึ่ง แต่ความสังเขป

ย่อมมีในวาระเบื้องบน ดังนี้แล้วจึงรวบรวมไว้ใน อายตนะนั้น ๆ. เพราะ

ฉะนั้น คำใดท่านรวบรวมไว้แล้วในที่นั้น ๆ คำนั้นทั้งหมดบุคคลผู้ไม่

หลงลืมพึงกำหนดไว้.

ก็ในการวินิจฉัยเนื้อความ พึงทราบนัยมุขในอายตนยมกนี้ ดัง

ต่อไปนี้. คำว่า สจกฺขุกาน อโสตกาน ท่านกล่าวหมายเอาโอปปา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 777

ติกะผู้หูหนวกโดยกำเนิดในอบาย. ก็ผู้มีจักขุนั้น ย่อมเป็นผู้ไม่มีโสตเกิด

ขึ้น. เหมือนพระธรรมสังคาหกาจารย์กล่าวแล้วว่า อายตนะ ๑๐ อย่าง

อื่นอีกของใคร ๆ ย่อมปรากฏในอุปัตติขณะแห่งกามธาตุ. อายตนะ ๑๐

ย่อมปรากฏในอุปัตติขณะของพวกเปรตผู้โอปปาติกะ ของพวกอสูรผู้

โอปปาติกะ ของพวกสัตว์ดิรัจฉานผู้โอปปาติกะ ของพวกสัตว์นรกผู้

โอปปาติกะ ของพวกคนหูหนวกแต่กำเนิด. จักขุอายตนะ รูปายตนะ

ฆานายตนะ คันธายตนะ ชิวหายตนะ รสายตนะ กายายตนะ โผฏ-

ฐัพพายตนะ มนายตนะ ธัมมายตนะ ย่อมปรากฏแก่พวกเปรตผู้โอป-

ปาติกะ ฯ ล ฯ แก่พวกคนหูหนวกมาแต่กำเนิด ในขณะอุบัติขึ้น. คำว่า

สจกฺขุกาน สโสตกาน ท่านกล่าวหมายเอาอายตนะที่บริบูรณ์ในสุคติ

และทุคติ. และรูปพรหมผู้โอปปาติกะก็ผู้มีจักขุเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้มี

โสตเกิดขึ้น เหมือนพระธรรมสังคหกาจารย์กล่าวไว้แล้วว่า อายตนะ

๑๑ อย่าง ของใคร ๆ ย่อมปรากฏในอุปัตติขณะแห่งกามธาตุ. อายตนะ

๑๑ อย่างย่อมปรากฏแก่พวกเทวดาชั้นกามาวจร พวกมนุษย์ปฐมกัป

พวกเปรตผู้โอปปาติกะ พวกอสูรผู้โอปปติกะ พวกสัตว์ดิรัจฉานผู้

โอปปาติกะ พวกสัตว์นรกผู้โอปปาติกะ พวกสัตว์มีอายตนะบริบูรณ์.

อายตนะ ๕ เหล่าไหน ย่อมปรากฏในอุปัตติขณะแห่งกามธาตุ

อายตนะคือ จักขุอายตนะ รูปายตนะ โสตายตนะ มนา-

ยตนะ ธัมมายตนะ ย่อมปรากฏในอุปัตติขณะแห่งรูปธาตุ.

คำว่า อฆานกาน ท่านกล่าวหมายเอาพรหมมีพรหมปาริสัชชา

เป็นต้น. ก็มีผู้จักขุเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้ไม่มีฆานะเกิดขึ้น. ก็โอปปา-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 778

ติกะผู้ไม่มีฆานะ ย่อมไม่มีในกามธาตุ ถ้าพึงมีแก่ใคร ๆ ไซร้ ก็พึง

กล่าวได้ว่า อายตนะก็ย่อมปรากฏ ก็ผู้นอนในครรภ์ใด พึงเป็นผู้ไม่

มีฆานะ ผู้นอนในครรภ์นั้น ท่านไม่ประสงค์เอาแล้วในอายตนยมกนี้

เพราะคำว่า สจกฺขุกาน.

คำว่า สจกฺขุกาน สฆานกาน ท่านกล่าวหมายเอาโอปปาติกะ

สัตว์ผู้หูหนวกมาแต่กำเนิดบ้าง ผู้มีอายตนะบริบูรณ์บ้าง.

คำว่า สฆานกาน อจกฺขุกาน ท่านกล่าวหมายเอาโอปปาติกะ

สัตว์ผู้ตาบอดมาแต่กำเนิดบ้าง ผู้หูหนวกมาแต่กำเนิดบ้าง.

คำว่า สจกฺขุกาน สฆานกาน ท่านกล่าวหมายเอาโอปปาติกะ

สัตว์ผู้มีอายตนะบริบูรณ์นั่นเทียว.

ผู้อื่นบ้าง ผู้นอนในครรภ์บ้าง อันบัณฑิตย่อมได้นั่นเทียว ใน

พวกโอปปาติกะสัตว์ผู้ตาบอดมาแต่กำเนิดและหูหนวกมาแต่กำเนิด ใน

คำนี้ว่า สรูปกาน อจกฺขุกาน. แม้ไม่มีรูปกับบุคคล ๓ จำพวกมี

บุคคลผู้ตาบอดมาแต่กำเนิดเป็นต้น ที่กล่าวไว้แล้วในหนหลัง อันบัณ-

ฑิตย่อมได้ในคำนี้ว่า สจิตฺตกาน อจกฺขุกาน.

แม้พวกอสัญญสัตว์กับบุคคล ๔ จำพวกที่กล่าวแล้วในบทเบื้องต้น

อันบัณฑิตย่อมได้ในบทแรกนี้ว่า อจกฺขุกาน. พวกคัพภเสยยกสัตว์

พวกอสัญญสัตว์ และพวกรูปพรหมที่เหลือ อันบัณฑิตย่อมได้ในคำนี้

ว่า สรูปกาน อฆานกาน. พวกคัพภเสยยกสัตว์ และพวกรูปพรหม

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 779

และอรูปพรหม อันบัณฑิตย่อมได้ในคำนี้ว่า สจิตฺตกาน อฆานกาน.

พึงทราบบุคคลวิภาคในปุคคลวาระทั้งหมด โดยนัยนี้ว่า ก็พวกเอกโว-

การสัตว์และจตุโวการสัตว์เทียว อันบัณฑิตย่อมได้ในบททั้งหลายว่า

อจิตฺตกาน อรูปกาน.

ในโอกาสวาระ คำว่า ยตฺถ จกฺขวายตน ได้แก่ ย่อมถาม

ซึ่งโลกแห่งรูปพรหม เพราะเหตุนั้นนั่นแล ท่านจึงกล่าวว่า อามนฺตา.

อายตนะเหล่านั้น โดยนิยมในพื้นนั้น ย่อมเกิดในปฏิสนธิ. นี้เป็น

นัยมุขในอายตนยมกนี้. พึงทราบเนื้อความในปวัตติวาระแม้ทั้งสิ้น

โดยนัยมุขนี้. ปริญญาวาระพึงทราบว่า เป็นนัยที่ท่านกล่าวไว้แล้วใน

ขันธยมกนั่นแหละ.

อรรถกถาอายตนยมก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 780

ธาตุยมกที่ ๔

ปัณณัตติวาระ

[๗๙๔] ธาตุ ๑๘ คือ :-

๑. จักขุธาตุ

๒. โสตธาตุ

๓. ฆานธาตุ

๔. ชิวหาธาตุ

๕. กายธาตุ

๖. รูปธาตุ

๗. สัททธาตุ

๘. คันธธาตุ

๙. รสธาตุ

๑๐. โผฏฐัพพธาตุ

๑๑. จักขุวิญญาณธาตุ

๑๒. โสตวิญญาณธาตุ

๑๓. ฆานวิญญาณธาตุ

๑๔. ชิวหาวิญญาณธาตุ

๑๕. กายวิญญาณธาตุ

๑๖. มโนธาตุ

๑๗. มโนวิญญาณธาตุ

๑๘. ธัมมธาตุ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 781

อุทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

[๗๙๕] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ. ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุธาตุ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสต, ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสตธาตุ, ชื่อว่าโสต ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุวิญญาณ, ชื่อว่าจักขุวิญญาณธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุวิญญาณธาตุ, ชื่อว่าจักขุวิญญาณ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่ามโน, ชื่อว่ามโนธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามโนธาตุ, ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามโนวิญญาณ, ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ, ชื่อว่ามโนวิญญาณ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธรรม, ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมธาตุ, ชื่อว่าธรรม ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 782

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

[๗๙๖] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสต, ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ, ไม่ชื่อว่าโสต ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณธาตุใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโน, ไม่ชื่อว่ามโนธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ช่อว่ามโนธาตุ, ไม่ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณ, ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ, ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธรรม, ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ, ไม่ชื่อว่าธรรม ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 783

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

[๗๙๗] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

(จักรอันได้ผูกไว้แล้วในอายตนยมก ฉันใด จักรในยมกนี้ก็พึง

ผูก ฉันนั้น. )

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 784

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๗๙๘] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าฆานธาตุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธรรม, ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธรรม, ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ ใช่ไหม ?

(พึงผูกจักกนัย.)

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 785

สุทธธาตุวาระ อนุโลม

[๗๙๙] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสต, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าโสต ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าฆานะ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าชิวหา, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ากายะ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารูปะ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัททะ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าคันธะ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ารสะ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุวิญญาณ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าจักขุวิญญาณ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าโสตวิญญาณ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าโสตวิญญาณ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 786

ธรรมที่ชื่อว่าฆานวิญญาณ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าฆานวิญญาณ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าชิวหาวิญญาณ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าชิวหาวิญญาณ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ากายวิญญาณ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่ากายวิญญาณ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามโน, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามโนวิญญาณ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่ามโนวิญญาณ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธรรม, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าธรรม ใช่ไหม ?

สุทธธาตุวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 787

สุทธธาตุวาระ ปัจจนิก

[๘๐๐] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสต, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าโสต ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานะ ไม่ชื่อว่าชิวหา, ไม่ชื่อว่ากายะ, ไม่

ชื่อว่ารูปะ, ไม่ชื่อว่าสัททะ, ไม่ชื่อว่าคันธะ, ไม่ชื่อว่ารสะ, ไม่ชื่อว่า

โผฏฐัพพะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าฆานวิญญาณ, ไม่ชื่อว่า

ชิวหาวิญญาณ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่ากายวิญญาณ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโน, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธรรม, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าธรรม ใช่ไหม ?

สุทธธาตุวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 788

สุทธธาตุมูลจักกวาระ อนุโลม

[๘๐๑] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าโสต ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าธรรม ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าธรรม, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าธรรม, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่ามโนวิญญาณ ใช่ไหม ?

(พึงผูกจักกนัย.)

สุทธธาตุมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 789

สุทธธาตุมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๘๐๒] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าโสต ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าฆานะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าธรรม ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธรรม, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธรรม, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณ ใช่ไหม ?

(พึงผูกจักกนัย. )

สุทธธาตุมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

อุทเทสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 790

นิทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

[๘๐๓] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ชื่อว่า จักขุ แต่ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ,

จักขุธาตุ ชื่อว่า จักขุด้วย ชื่อว่า จักขุธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุธาตุ, ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าโสต, ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

ทิพพโสต ตัณหาโสต ชื่อว่า โสต แต่ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ,

โสตธาตุ ชื่อว่า โสตด้วย ชื่อว่า โสตธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าโสตธาตุ, ชื่อว่าโสต ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าฆานะ, ชื่อว่าฆานธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าฆานธาตุ ชื่อว่าฆานะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 791

แม้ชิวหา ก็เช่นเดียวกับฆานธาตุ.

ธรรมที่ชื่อว่ากาย, ชื่อว่ากายธาตุ ใช่ไหม ?

เว้นจากกายธาตุเสียแล้ว กายที่เหลือชื่อว่า กาย แต่ไม่ชื่อว่า

กายธาตุ, กายธาตุ ชื่อว่า กายด้วย ชื่อว่า กายธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่ากายธาตุ, ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่ารูป, ชื่อว่ารูปธาตุ ใช่ไหม ?

เว้นรูปธาตุเสีย รูปที่เหลือชื่อว่า รูป แต่ไม่ชื่อว่ารูปธาตุ,

รูปธาตุ ชื่อว่า รูปด้วย ชื่อว่า รูปธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่ารูปธาตุ, ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

ใช่.

สัททะก็เช่นเดียวกับฆานะ.

ธรรมที่ชื่อว่าคันธะ, ชื่อว่าคันธธาตุ ใช่ไหม ?

ศีลคันธะ สมาธิคันธะ ปัญญาคันธะ ชื่อว่า คันธะ แต่ไม่

ชื่อว่าคันธธาตุ, คันธธาตุ ชื่อว่า คันธะด้วย ชื่อว่า คันธธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าคันธธาตุ, ชื่อว่าคันธะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 792

ธรรมที่ชื่อว่ารส, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

อรรถรส ธรรมรส วิมุตติรส ชื่อว่า รส แต่ไม่ชื่อว่ารสธาตุ,

รสธาตุ ชื่อว่า รสด้วย ชื่อว่า รสธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่ารสธาตุ, ชื่อว่ารส ใช่ไหม ?

ใช่.

โผฏฐัพพะก็เช่นเดียวกับฆานะ.

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุวิญญาณ, ชื่อว่าจักขุวิญญาณธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุวิญญาณธาตุ, ชื่อว่าจักขุวิญญาณ ใช่ไหม ?

ใช่.

โสตวิญญาณ ฯ ล ฯ ฆานวิญญาณ, ชิวหาวิญญาณ, กายวิญญาณ.

ธรรมที่ชื่อว่ามโน, ชื่อว่ามโนธาตุ ใช่ไหม ?

เว้นมโนธาตุเสียแล้ว มโนที่เหลือ ชื่อว่า มโน แต่ไม่ชื่อว่า

มโนธาตุ มโนธาตุ ชื่อว่า มโนด้วย ชื่อว่า มโนธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่ามโนธาตุ, ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่ามโนวิญญาณ, ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 793

ธรรมที่ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ, ชื่อว่ามโนวิญญาณ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าธรรม, ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

เว้นธัมมธาตุเสียแล้ว ธรรมที่เหลือ ชื่อว่า ธรรม แต่ไม่ชื่อ

ว่าธัมมธาตุ, ธัมมธาตุ ชื่อว่า ธรรมด้วย ชื่อว่า ธัมมธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าธัมมธาตุ, ชื่อว่าธรรม ใช่ไหม ?

ใช่.

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 794

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

[๘๐๔] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ , ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุ ใช่ไหม ?

ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ แต่ขื่อว่า จักขุ,

เว้นจักขุ และจักขุธาตุเสียแล้ว ธาตุที่เหลือไม่ชื่อว่าจักขุ และไม่ชื่อว่า จักขุธาตุ.

จักขุธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสต, ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ, ไม่ชื่อว่าโสต ใช่ไหม ?

ทิพพโสต ตัณหาโสต ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ แต่ชื่อว่าโสต, เว้น

โสตและโสตธาตุเสียแล้ว ธาตุที่เหลือไม่ชื่อว่าโสตและไม่ชื่อว่าโสตธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานะ, ไม่ชื่อว่าฆานธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าฆานธาตุ, ไม่ชื่อว่าฆานะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 795

ท่านย่อคำว่า อามนฺตา ไว้ทั้งสองส่วน.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าชิวหา ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่ากายธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายธาตุ, ไม่ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

เว้นกายธาตุเสียแล้ว กายที่เหลือ ไม่ชื่อว่ากายธาตุ แต่ชื่อว่า

กาย, เว้นกายและกายธาตุเสียแล้ว กายที่เหลือไม่ชื่อว่า กาย และ

ไม่ชื่อว่า กายธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าว่ารูปธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูปธาตุ, ไม่ชื่อว่ารูป ใช่ไหม ?

เว้นรูปธาตุเสียแล้ว รูปที่เหลือ ไม่ชื่อว่า รูปาธาตุ แต่ชื่อว่า

รูป, เว้นรูปและรูปธาตุเสียแล้ว รูปที่เหลือ ไม่ชื่อว่า รูป และไม่

ชื่อว่า รูปธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัททะ ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าคันธะ, ไม่ชื่อว่าคันธธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 796

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าคันธาตุ, ไม่ชื่อว่าคันธะ ใช่ไหม ?

ศีลคันธะ สมาธิคันธะ ปัญญาคันธะ ไม่ชื่อว่าคันธธาตุ แต่

ชื่อว่า คันธะ, เว้นคันธะและคันธธาตุเสียแล้ว คันธะที่เหลือไม่ชื่อว่า

คันธะ และไม่ชื่อว่า คันธธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารส, ไม่ชื่อว่ารสธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารสธาตุ ไม่ชื่อว่ารส ใช่ไหม ?

อรรถรส ธรรมรส วิมุตติรส ไม่ชื่อว่ารสธาตุ แต่ชื่อว่า รส,

เว้นรสและรสธาตุเสียแล้ว รสที่เหลือไม่ชื่อว่า รส และไม่ชื่อว่า รส

ธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณ, ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสตวิญญาณ ฯ ล ฯ ไม่ชื่อว่าฆานวิญญาณ,

ไม่ชื่อว่าชิวหาวิญญาณ, ไม่ชื่อว่ากายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 797

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโน, ไม่ชื่อว่ามโนธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโนธาตุ, ไม่ชื่อว่ามโน ใช่ไหม ?

เว้นมโนธาตุเสียแล้ว มโนที่เหลือ ไม่ชื่อว่ามโนธาตุ แต่ชื่อว่า

มโน, เว้นมโนและมโนธาตุเสียแล้ว มโนที่เหลือไม่ชื่อว่า มโน และ

ไม่ชื่อว่า มโนธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณ, ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ, ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธรรม, ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ, ไม่ชื่อว่าธรรม ใช่ไหม ?

เว้นธัมมธาตุเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่า ธัมมธาตุ แต่ชื่อว่า

ธรรม, เว้นธรรมและธัมมธาตุเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่า ธรรม

และไม่ชื่อว่า ธัมมธาตุ.

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 798

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

[๘๐๕] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ชื่อว่า จักขุ แต่ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ,

จักขุธาตุ ชื่อว่าจักขุด้วย ชื่อว่าจักขุธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

โสตธาตุ ชื่อว่า ธาตุด้วย ชื่อว่า โสตธาตุด้วย, ธาตุที่เหลือ

ชื่อว่า ธาตุ แต่ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ.

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ชื่อว่าจักขุ แต่ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ, จักขุ-

ธาตุชื่อว่าจักขุด้วย ชื่อว่าจักขุธาตุด้วย.

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าฆานธาตุ ใช่ไหม ฯลฯ

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ธัมมธาตุชื่อว่าธาตุด้วย ชื่อว่าธัมมธาตุด้วย, ธาตุที่เหลือชื่อว่า

ธาตุ แต่ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ.

(ปัณณัตติวาระในอายตนยมกฉันใด ปัณณัตติวาระแม้ในธาตุ

ยมกก็ฉันนั้น)

พึงผูกจักกนัย.

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 799

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๘๐๖] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าฆานธาตุ ใช่ไหม ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

(พึงผูกจักกนัย ทั้งหมดใช้คำตอบว่า อามนฺตา ทั้ง ๒ ส่วน

แม้ในธาตุที่เหลือ.)

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 800

สุทธธาตุวาระ อนุโลม

[๘๐๗] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

จักขุธาตุชื่อว่าธาตุด้วย ชื่อว่าจักขุธาตุด้วย, ธาตุที่เหลือชื่อว่า

ธาตุ แต่ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ.

ธรรมที่ชื่อว่าโสต, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฆานะ ฯ ล ฯ ชิวหา. กายะ. รูปะ. สัททะ. คันธะ. รสะ.

โผฏฐัพพะ.

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุวิญญาณ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าจักขุวิญญาณ ใช่ไหม ?

จักขุวิญญาณธาตุ ชื่อว่า ธาตุด้วย ชื่อว่า จักขุวิญญาณธาตุ

ด้วย, ธาตุที่เหลือ ชื่อว่า แต่ไม่ชื่อว่าจักขุวิญญาณธาตุ.

โสตวิญญาณ ฯลฯ ฆานวิญญาณ. ชิวหาวิญญาณ. กายวิญญาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 801

ธรรมที่ชื่อว่ามโน, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่ามโนธาตุ ใช่ไหม ?

มโนธาตุ ชื่อว่า ธาตุด้วย ชื่อว่า มโนธาตุด้วย, ธาตุที่เหลือ

ชื่อว่า ธาตุ แต่ไม่ชื่อว่ามโนธาตุ.

ธรรมที่ชื่อว่ามโนวิญญาณ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ ใช่ไหม ?

มโนวิญญาณธาตุ ชื่อว่า ธาตุด้วย ชื่อว่า มโนวิญญาณธาตุ

ด้วย, ธาตุที่เหลือ ชื่อว่า ธาตุ แต่ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ.

ธรรมที่ชื่อว่าธรรม, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ธัมมธาตุ ชื่อว่า ธาตุด้วย ชื่อว่า ธัมมธาตุด้วย ธาตุที่เหลือ

ชื่อว่า ธาตุ แต่ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ.

สุทธธาตุวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 802

สุทธธาตุวาระ ปัจจนิก

[๘๐๘] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

เว้นจักขุเสียแล้ว ธาตุที่เหลือ ไม่ชื่อว่าจักขุ แต่ชื่อว่าธาตุ,

เว้นจักขุและธาตุเสียแล้ว ธรรมที่เหลือ ไม่ชื่อว่าจักขุ และไม่ชื่อว่าธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าโสต, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

เว้นโสตเสียแล้ว ฯ ล ฯ เว้นฆานะเสียแล้ว ฯ ล ฯ

เว้นชิวหาเสียแล้ว ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่ากายธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ารูป, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

เว้นรูปเสียแล้ว ฯ ล ฯ เว้นสัททะ ฯ ล ฯ คันธะ ฯลฯ

รสะ ฯ ล ฯ โผฏฐัพพะ ฯ ล ฯ จักขุวิญญาณ ฯ ล ฯ โสตวิญญาณ ฯ ล ฯ

ฆานวิญญาณ ฯ ล ฯ ชิวหาวิญญาณ ฯ ล ฯ กายวิญญาณ ฯ ล ฯ มโน ฯ ล ฯ

มโนวิญญาณเสียแล้ว ฯ ล ฯ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 803

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมม, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

สุทธธาตุวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 804

สุทธธาตุมูลจักกวาระ อนุโลม

[๘๐๙] ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

โสตธาตุ ชื่อว่า ธาตุด้วย ชื่อว่า โสตธาตุด้วย, ธรรมที่เหลือ

ชื่อว่า ธาตุ แต่ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ.

ธรรมที่ชื่อว่าจักขุ, ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ ชื่อว่าฆานธาตุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าธาตุ, ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ธัมมธาตุ ชื่อว่า ธาตุด้วย ชื่อว่า ธัมมธาตุด้วย, ธรรมที่เหลือ

ชื่อว่า ธาตุ แต่ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ.

(พึงผูกจักกนัย.)

สุทธธาตุมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 805

สุทธธาตุมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๘๑๐] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

เว้นจักขุเสียแล้ว ธาตุที่เหลือไม่ชื่อว่าจักขุ แต่ชื่อว่าธาตุ, เว้น

จักขุและธาตุเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าจักขุและไม่ชื่อว่าธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจักขุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

เว้นจักขุเสียแล้ว ธาตุที่เหลือไม่ชื่อว่าจักขุ แต่ชื่อว่าธาตุ, เว้น

จักขุและธาตุเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าจักขุและไม่ชื่อว่าธาตุ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ ไม่ชื่อว่าฆานธาตุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าธัมมธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมม, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าจักขุธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 806

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธัมม, ไม่ชื่อว่าธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่าโสตธาตุ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าธาตุ, ไม่ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ, ใช่ไหม ?

ใช่.

พึงผูกจักกนัย.

(ปัณณัตติวาระแห่งอายตนยมกฉันใด ปัณณัตติวาระธาตุยมก

พึงให้พิสดารฉันนั้น.)

สุทธธาตุมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

ปัณณัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 807

ปวัตติวาระ

อุปปาทวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

จักขุธาตุมูล

จักขุธาตุมูละ โสตธาตุมูลี :-

[๘๑๑] จักขุธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลใด, โสตธาตุก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจักขุเกิดได้ โสตะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขุ-

ธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่โสตธาตุไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุและโสตะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขุธาตุ

กำลังเกิด และโสตธาตุก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า โสตธาตุเกิดแก่บุคคลใด, จักขุธาตุก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีโสตะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด โสต-

ธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น. บุคคลที่มีโสตะและจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด โสตธาตุ

กำลังเกิด และจักขุธาตุก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขุธาตุมูละ โสตธาตุมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 808

จักขุธาตุมูละ ฆานธาตุมูลี :-

[๘๑๒] จักขุธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฆานธาตุก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดได้ ฆานะเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขุ-

ธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ฆานธาตุไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุและฆานะเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด จักขุธาตุ

กำลังเกิด และฆานธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า ฆานธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขุธาตุก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีฆานะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ฆานธาตุ

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้น, บุคคลที่มีฆานะและจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำล่งเกิด ฆานธาตุกำลัง

เกิด และจักขุธาตุก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขุธาตุมูละ ฆานธาตุมูลี

จักขุธาตุมูละ รูปธาตุมูลี :-

[๘๑๓] จักขุธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลใด, รูปธาตุก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 809

ใช่

ก็หรือว่า รูปธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขุธาตุก็กำลังเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีรูปะเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปธาตุ

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้น, บุคคลที่จักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด รูปธาตุกำลังเกิด และ

จักขุธาตุก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขุธาตุมูละ รูปธาตุมูลี

จักขุธาตุมูละ มโนวิญญาณธาตุมูลี :-

[๘๑๔] จักขุธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มโนวิญญาณธาตุก็

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มโนวิญญาณธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขุธาตุก็

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่มีจิตเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด มโน-

วิญญาณธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิดแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 810

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด มโนวิญญาณ-

ธาตุกำลังเกิด และจักขุธาตุก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขุธาตุมูละ มโนวิญญาณธาตุมูลี

จักขุธาตุมูละ ธัมมธาตุมูลี :-

[๘๑๕] จักขุธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ธัมมธาตุก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ธัมมธาตุกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จักขุธาตุก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่จักขุเกิดไม่ได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมธาตุกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่มีจักขุเกิดได้เหล่านั้นกำลังเกิด ธัมมธาตุกำลังเกิด จักขุธาตุก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ จักขุธาตุมูละ ธัมมธาตุมูลี

จักขุธาตุมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 811

(อายตนยมกท่านจำแนกไว้ ฉันใด แม้ธาตุยมก ก็พึงจำแนก

ฉันนั้น พึงกระทำให้เหมือนกัน.)

ปวัตติวาระ จบ

ปริญญาวาระ

[๘๑๖] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งจักขุธาตุ บุคคลนั้นกำลังรู้แจ้ง

โสตธาตุ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธาตุยมก จบบริบูรณ์ โดยย่อ.

ปริญญาวาระ จบ

ธาตุยมก ที่ ๔ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 812

อรรถกถาธาตุยมก

บัดนี้ เป็นการวรรณนาธาตุยมก ที่ท่านรวบรวมแสดงไว้แล้วใน

ลำดับอายตนยมกด้วยอำนาจธาตุ ในธรรมมีกุศลเป็นต้น ที่ท่านแสดง

ไว้แล้วในมูลยมกเหล่านั้นนั่นแหละ. พึงทราบการกำหนดพระบาลีตาม

นัยที่ท่านกล่าวไว้แล้วในอายตนยมกนั้นนั่นเทียว. ก็ในธาตุยมกแม้นี้

มหาวาระ ๓ มีปัณณัตติวาระเป็นต้น และอันตรวาระที่เหลือ กับประ-

เภททั้งหลาย มีประเภทแห่งกาลเป็นต้น ย่อมเป็นเช่นเดียวกันกับที่มา

แล้วในอายตนยมกนั่นเทียว. อีกอย่างหนึ่ง ในธาตุยมกนี้ ท่านกล่าว

รูปธาตุภายในและภายนอกเทียว แล้วจึงกล่าววิญญาณตามลำดับ

เพื่อง่ายแก่การถามยมก. ก็ยมกที่มากกว่าอายตนยมก การถามที่ทวีคูณ

ด้วยยมก และอรรถที่ทวีคูณด้วยการถาม ย่อมมีในธาตุยมกนี้ เพราะ

ธาตุทั้งหลายมีมาก. การวินิจฉัย อรรถกถาแห่งยมกทั้งหลายที่ได้อยู่ใน

ยมกทั้งหลาย มีจักขุธาตุมูลกั้นเป็นต้นเหล่านั้น พึงทราบตามนัยที่กล่าว

แล้วในอายตนยมกนั่นเทียว. ก็คติแห่งอรรถในธาตุยมกนี้ ย่อมเป็น

เช่นเดียวกันกับด้วยอายตนะนั้นนั่นเทียว. อนึ่ง แม้พระบาลีท่านก็ย่อ

ไว้แล้ว เพราะเหตุนั้นนั่นเทียว. ปริญญาวาระพึงทราบว่า เป็นวาระ

ตามปกตินั่นเทียว ดังนี้.

อรรถกถาธาตุยมก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 813

สัจจยมกที่ ๕

ปัณณัตติวาระ

สัจจะ ๔ คือ :-

๑. ทุกขสัจจะ

๒. สมุทยสัจจะ

๓. นิโรธสัจจะ

๔. มัคคสัจจะ

อุทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

[๘๑๗] ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์ ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าทุกขสัจจะ, ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ, ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธสัจจะ, ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามัคคสัจจะ, ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 814

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

[๘๑๘] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ, ไม่ชื่อว่าโรธ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 815

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

[๘๑๙] ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 816

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 817

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๘๒๐] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม้ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 818

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 819

สุทธสัจจวาระ อนุโลม

[๘๒๑] ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

สุทธสัจจวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 820

สุทธสัจจวาระ ปัจจนิก

[๘๒๒] ธรรมทีไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

สุทธสัจจวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 821

สุทธสัจจมูลจักกวาระ อนุโลม

[๘๒๓] ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 822

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

สุทธสัจจมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 823

สุทธสัจจมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๘๒๔] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 824

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมทีไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

สุทธสัจจมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

อุทเทสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 825

นิทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

๑. ทุกขสัจจะ

[๘๒๕] ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่

ธรรมที่ชื่อว่าทุกขสัจจะ, ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ยกเว้นกายิกทุกข์ เจตสิกทุกข์เสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้น

ชื่อว่าทุกขสัจจะ แต่ไม่ชื่อว่าทุกข์, กายิกทุกข์ เจตสิกทุกข์ชื่อว่าทุกข์

ก็ใช่ ชื่อว่าทุกขสัจจะก็ใช่.

จบ ทุกขสัจจะ

๒. สมุทยสัจจะ

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสมุทัยสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าสมุทัย

แต่ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ, สมุทยสัจจะชื่อว่าสมุทัยก็ใช่ ชื่อว่าสมุทยสัจจะ

ก็ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ, ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ สมุทยสัจจะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 826

๓. นิโรธสัจจะ

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นนิโรธสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นชื่อว่านิโรธ

แต่ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ, นิโรธสัจจะชื่อว่านิโรธก็ใช่ ชื่อว่านิโรธสัจจะ

ก็ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธสัจจะ, ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ นิโรธสัจจะ

๔. มัคคสัจจะ

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นมัคคสัจจะเสียแล้ว, ธรรมที่เหลือนอกนั้นชื่อว่ามรรค

แต่ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ, มัคคสัจจะชื่อว่ามรรคก็ใช่ ชื่อว่ามัคคสัจจะ

ก็ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่ามัคคสัจจะ, ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มัคคสัจจะ

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 827

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

๑. ทุกขสัจจะ

[๘๒๖] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นกายิกทุกข์ เจตสิกทุกข์เสียแล้ว ทุกขสัจจะที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าทุกข์ แต่ชื่อว่าทุกขสัจจะ, ยกเว้นทุกข์และทุกขสัจจะเสียแล้ว

ธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าทุกข์และไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกข์ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจะ

๒. สมุทยสัจจะ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสมุทัยสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทัย ใช่ไหม ?

ยกเว้นสมุทยสัจจะเสียแล้ว สมุทัยที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่า

สมุทยสัจจะ แต่ชื่อว่าสมุทัย, ยกเว้นสมุทัยและสมุทยสัจจะเสียแล้ว

ธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าสมุทัยและไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ.

จบ สมุทยสัจจะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 828

๓. นิโรธสัจจะ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธ ใช่ไหม ?

ยกเว้นนิโรธสัจจะเสียแล้ว นิโรธที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่านิโรธ

สัจจะ แต่ชื่อว่านิโรธ ยกเว้นนิโรธและนิโรธสัจจะเสียแล้ว ธรรม

ที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อนิโรธและไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ.

จบ นิโรธสัจจะ

๔. มัคคสัจจะ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามรรค ใช่ไหม ?

ยกเว้นมัคคสัจจะเสียแล้ว มรรคที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ามัคค-

สัจจะ แต่ชื่อว่ามรรค, ยกเว้นมรรคและมัคคสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่

เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ามรรคและไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ.

จบ มัคคสัจจะ

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 829

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

ทุกขสัจจมูล

๑. ทุกขสัจมูละ สมุทยสัจจมูลี

[๘๒๗] ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ, ใช่ไหม ?

สมุทยสัจจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่าสมุทยสัจจะก็ใช่, ธรรมที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าสัจจะ แต่ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ.

จบ ทุกสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

๒. ทุกขสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 830

๓. ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

มัคคสัจจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่ามัคคสัจจะก็ใช่, ธรรมที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าสัจจะ แต่ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

๑. สมุทยสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสมุทยสัจจะเสียแล้ว สมุทัยที่เหลือนอกนั้นชื่อว่าสมุทัย

แต่ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ, สมุทยสัจจะชื่อว่าสมุทัยก็ใช่ ชื่อว่าสมุทยสัจจะ

ก็ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 831

๒. สมุทยสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

๓. สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

มัคคสัจจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่ามัคคสัจจะก็ใช่, ธรรมที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าสัจจะแต่ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

นิโรธสัจจมูล

๑. นิโรธสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นนิโรธสัจจะเสียแล้ว นิโรธที่เหลือนอกนั้นชื่อว่านิโรธ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 832

แต่ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ, นิโรธสัจจะชื่อว่านิโรธก็ใช่ ชื่อว่านิโรธสัจจะ

ก็ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

๒. นิโรธสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

๓. นิโรธสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

มัคคสัจจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่ามัคคสัจจะก็ใช่, ธรรมที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าสัจจะแต่ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ.

จบ นิโรธสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

นิโรธสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 833

มัคคสัจจมูล

๑. มัคคสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่ามัคคสัจจะ, ใช่ไหม ?

ยกเว้นมัคคสัจจะเสียแล้ว, มรรคที่เหลือนอกนั้นชื่อว่ามรรค

แต่ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ, มัคคสัจจะชื่อว่ามรรคก็ใช่ ชื่อว่ามัคคสัจจะ

ก็ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

๒. มัคคสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

๓. มัคคสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

นิโรธสัจจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่านิโรธสัจจะก็ใช่, ธรรมที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าสัจจะ แต่ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ.

จบ มัคคสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

มัคคสัจจมูล จบ

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 834

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

ทุกขสัจจมูล

๑. ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

[๘๒๘] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์ ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นกายิกทุกข์ เจตสิกทุกข์เสียแล้ว ทุกขสัจจะที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าทุกข์ แต่ชื่อว่าทุกขสัจจะ, ยกเว้นทุกข์และทุกขสัจจะเสียแล้ว

ธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าทุกข์และไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ.

ธรรมไม่ที่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

๒. ทุกขสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นกายิกทุกข์ เจตสิกทุกข์เสียแล้ว ทุกขสัจจะที่เหลือนอก

นั้นไม่ชื่อว่าทุกข์ แต่ชื่อว่าทุกขสัจจะ, ยกเว้นทุกข์และทุกขสัจจะเสีย

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 835

แล้วธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าทุกข์และไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ ทุกขสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

๓. ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ. ไม่ชื่อว่ามรรคสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

๑. สมุทยสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสมุทัยสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 836

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ สมุทยสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

๒. สมุทยสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ. ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ สมุทยสัจจะมูละ นิโรธสัจจมูลี

๓. สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 837

นิโรธสัจจมูล

๑. นิโรธสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ นิโรธสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

๒. นิโรธสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ นิโรธสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 838

๓. นิโรธสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ นิโรธสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

นิโรธสัจจมูล จบ

มัคคสัจจมูล

๑. มัคคสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มัคคสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 839

๒. มัคคสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ มัคคสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

๓. มัคคสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ, ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มัคคสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

มัคคสัจจมูล จบ

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 840

สุทธสัจจวาระ อนุโลม

๑. ทุกขสัจจะ

[๘๒๙] ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าสัจจะ, ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ทุกขสัจจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่าทุกสัจจะก็ใช่, ธรรมที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าสัจจะ แต่ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ.

จบ ทุกขสัจจะ

๒. สมุทยสัจจะ

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

จบ สมุทยสัจจะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 841

๓. นิโรธสัจจะ

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

จบ นิโรธสัจจะ

๔. มัคคสัจจะ

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

มัคคสัจจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่ามัคคสัจจะก็ใช่, ธรรมที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าสัจจะแต่ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ.

จบ มัคคสัจจะ

สุทธสัจจวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 842

สุทธสัจจวาระ ปัจจนิก

๑. ทุกขสัจจะ

[๘๓๐] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นทุกข์เสียแล้ว สัจจะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าทุกข์ แต่

ชื่อว่าสัจจะ, ยกเว้นทุกข์และสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่

ชื่อว่าทุกข์และไม่ชื่อว่าสัจจะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจะ

๒. สมุทยสัจจะ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสมุทัยเสียแล้ว ฯ ล ฯ

จบ สมุทยสัจจะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 843

๓. นิโรธสัจจะ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นนิโรธเสียแล้ว ฯ ล ฯ

จบ นิโรธสัจจะ

๔. มัคคสัจจะ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นมรรคเสียแล้ว สัจจะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ามรรค แต่

ชื่อว่าสัจจะ, ยกเว้นมรรคและสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่ามรรคและไม่ชื่อว่าสัจจะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มัคคสัจจะ

สุทธสัจจวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 844

สุทธสัจจมูลจักกวาระ อนุโลม

ทุกขสัจจมูล

๑. ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

[๘๓๑] ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

สมุทยสัจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่า มุทยสัจจะก็ใช่ ธรรมที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าสัจจะ แต่ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

๒. ทุกขสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ธรรมที่ชื่อว่าทุกข์, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ ทุกขสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 845

๓. ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

มัคคสัจจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่ามัคคสัจจะก็ใช่, ธรรมที่เหลือ

นอกนั้นชื่อว่าสัจจะแต่ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

ธรรมที่ชื่อว่าสมุทัย, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

สมุทยสัจจมูล จบ

นิโรธสัจจมูล

ธรรมที่ชื่อว่านิโรธ, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ฯ ล ฯ

นิโรธสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 846

มัคคสัจจมูล

มัคคสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

ธรรมที่ชื่อว่ามรรค, ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ มัคคสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

มัคคสัจจมูล จบ

นิโรธสัจจมูล

๑. นิโรธสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ นิโรธสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

นิโรธสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 847

มัคคสัจจมูล

๑. มัคคสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ชื่อว่าสัจจะ, ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

นิโรธสัจจะชื่อว่าสัจจะก็ใช่ ชื่อว่านิโรธสัจจะก็ใช่, ธรรมที่

เหลือนอกนั้นชื่อว่าสัจจะ แต่ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ.

จบ มัคคสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

มัคคสัจจมูล จบ

สุทธสัจจมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 848

สุทธสัจจมูลจักกวาระ ปัจจนิก

ทุกขสัจจมูล

๑. ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

[๘๓๒] ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นทุกข์เสียแล้ว สัจจะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าทุกข์ แต่

ชื่อว่าสัจจะ, ยกเว้นทุกข์และสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่

ชื่อว่าทุกข์และไม่ชื่อว่าสัจจะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

๒. ทุกขสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าทุกข์, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นทุกข์เสียแล้ว สัจจะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าทุกข์ แต่

ชื่อว่าสัจจะ, ยกเว้นทุกข์และสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าทุกข์และไม่ชื่อว่าสัจจะ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 849

ธรรมไม่ที่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ ทุกขสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

๓. ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่ามัคคสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

๑. สมุทยสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสมุทัย, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นสมุทัยเสียแล้ว สัจจะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่าสมุทัย แต่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 850

ชื่อว่าสัจจะ, ยกเว้นสมุทัยและสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้น

ไม่ชื่อว่าสมุทัยและไม่ชื่อว่าสัจจะ.

ฯ ล ฯ

จบ สมุทยสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

นิโรธสัจจมูล

ธรรมที่ไม่ชื่อว่านิโรธ, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นนิโรธเสียแล้ว ฯ ล ฯ

นิโรธสัจจมูล จบ

มัคคสัจจมูล

๑. มัคคสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นมรรคเสียแล้ว สัจจะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ามรรค แต่

ชื่อว่าสัจจะ, ยกเว้นมรรคและสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่

ชื่อว่ามรรคและไม่ชื่อว่าสัจจะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มัคคสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 851

๒. มัคคสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ามรรค, ไม่ชื่อว่าสัจจะ ใช่ไหม ?

ยกเว้นมรรคเสียแล้ว สัจจะที่เหลือนอกนั้นไม่ชื่อว่ามรรค แต่

ชื่อว่าสัจจะ, ยกเว้นมรรคและสัจจะเสียแล้ว ธรรมที่เหลือนอกนั้นไม่

ชื่อว่ามรรคและไม่ชื่อว่าสัจจะ.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่าสมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ฯ ล ฯ

จบ มัคคสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

๓. มัคคสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

ฯ ล ฯ

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสัจจะ, ไม่ชื่อว่านิโรธสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ มัคคสัจจมูละ นิโรธสัจจมูลี

มัคคสัจจมูล จบ

สุทธสัจจมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

ปัณณัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 852

ปวัตติวาระ

อุปปาทวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๓๓] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาวิปปยุตต-

จิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทย-

สัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา

ทุกขสัจจะกำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 853

ทุกขสัจจมูละ มรรคสัจจมูลี :-

[๘๓๔] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิต

ในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตในปัญจ-

โวการภูมิ ทุกขสัจจะกำลังเกิด และมัคคสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตในอรูปภูมิ มัคคสัจจะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

อุปปาทขณะแห่งมัคคจิตในปัญจโวการภูมิ มัคคสัจจะกำลังเกิด และ

ทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 854

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๓๕] สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า มรรคสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๓๖] ทุกขสัจจะกำลังเกิดในภูมิใด, สมุทยสัจจะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 855

ในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจจะกำลังเกิดในภูมินั้น แต่สมุทย-

สัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี

ทุกขสัจจะกำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะกำลังเกิดในภูมิใด ทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๓๗] ทุกขสัจจะกำลังเกิดในภูมิใด, มัคคสัจจะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอบายภูมิก็ดี ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิด

ในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในจตุโวการภูมิก็ดี

ในปัญจโวการภูมิก็ดี ที่เหลือนอกนั้น ทุกขสัจจะกำลังเกิด และมัคค-

สัจจะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะกำลังเกิดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 856

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๓๘] สมุทยสัจจะกำลังเกิดในภูมิใด, มัคคสัจจะก็กำลัง

เกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอบายภูมิสมุทยสัจจะกำลังเกิดในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น, ในจตุโวการภูมิก็ดี ในปัญจโวการภูมิก็ดี ที่เหลือ

นอกนั้น สมุทยสัจจะกำลังเกิด และมัคคสัจจะก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะกำลังเกิดในภูมิใด, สมุทยสัจจะก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 857

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๓๙] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

(แม้ในปุคคโลกาสวาระ ก็พึงจำแนกให้พิจารณาเช่นเดียวกันกับ

ปุคคลวาระ.)

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 858

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๔๐] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาวิปปยุตต-

จิตในปวัตติกาลก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ใน

ในภังคขณะแห่งติดในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห้งมรรคจิตผลจิต

ในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และทุกสัจจะก็ไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 859

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๔๑] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตในอรูปภูมิ ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ใน

อุปปาทขณะแห่งผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และ

มัคคสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคควิปปยุตต-

จิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ใน

ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งผลจิต ในอรูปภูมิ

ก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 860

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๔๒] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะ

แห่งจิตของบุคคลทั้งหมดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาวิปปยุจตจิตและ

มัคควิปปยุตตจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจจะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่ง

จิตของบุคคลทั้งหมดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิตและตัณหา

วิปปยุตตจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 861

ในอัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๔๓] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, สมุทยสัจจะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 862

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๔๔] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, มัคคสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

กำลังเกิด.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๔๕] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, สมุทยสัจจะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 863

ในอบายภูมิ มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น แต่สมุทย-

สัจจะ กำลังเกิดในภูมินั้น, ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจจะไม่ใช่กำลัง

เกิด และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๔๖] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาวิปปยุตต-

จิตในปวัตติกาลก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 864

นั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อบุคคลทั้ง

หมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งมรรคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และ

ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๔๗] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตในอรูปภูมิ ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตใน

ปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่

ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคควิปปยุตต-

จิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 865

นั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลทั้งหมด

กำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่ง

ผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจะไม่ใช่กำลังเกิด และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๔๘] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่ง

ตัณหาวิปปยุตตจิตและมัคควิปปยุตดจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติ

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด

และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 866

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด,

สมุทยสจัจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา มัคคสัจจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคค-

วิปปยุตตจิตและตัณหาวิปปยุตตจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และ

สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 867

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี:-

[๘๔๙] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๕๐] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้น ทุกขสัจจะ

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 868

บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้ว ทุกขสัจจะเคยเกิด

และมัคคสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจะ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๕๑] สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้น สมุทย-

สัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้ว สมุทย-

สัจจะเคยเกิด และมัคคสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 869

ก็หรือว่า มรรคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ สมุทยสัจจะมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๘๕๒] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

แม้ในโอกาสวาระ เหมือนกับพระบาลีบทในที่ทั้งปวง ส่วน

เหตุที่ทำให้ต่างกันแห่งพระบาลีตันติบทนั้น ก็เช่นเดียวกับในโอกาส-

วาระที่กล่าวแล้วในหนหลัง.

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 870

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๕๓] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อจิตดวงที่ ๒ ( คือปฐมภวังค์ ) เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

สุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ที่

นอกจากบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยการเกิดขึ้นแห่งจิตดวงที่ ๒ ในสุทธาวาส-

ภูมิ ทุกขสัจจะเคยเกิด และสมุทยสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 871

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๕๔] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อจิตดวงที่ ๒ ( คือปฐมภวังค์ ) เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

สุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้น

ก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น. บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้ว ทุกขสัจจะก็

เคยเกิด และมัคคสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 872

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๕๕] สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่ออกุศลชวนะจิตดวงที่ ๒ เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธา-

วาสภูมิก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นก็ดี

สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มาแล้ว สมุทยสัจจะเคยเกิด และมัคคสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 873

อตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๕๖] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๕๗] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 874

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๕๘] สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 875

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๘๕๙] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๖๐] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 876

เมื่อจิตดวงที่ ๒ ( คือปฐมภวังค์) เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้อยู่ใน

สุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจจะไม่ใช่

เคยเกิด และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๖๑] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อจิตดวงที่ ๒ ( คือปฐมภวังค์ ) เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

สุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้น

ก็ดี บุคคลผู้ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 877

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลผู้ที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิด และ

ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๖๒] สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่ออกุศลชวนะจิตดวงที่ ๒ เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธา-

วาสภูมิก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นก็ดี

มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 878

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อจิตดวงที่ ๒ ( คือปฐมภวังค์)

เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิด และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 879

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๖๓] ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้ง

หลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับ แห่งจิตใดก็ดี ทุกข-

สัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลนอกจากนี้ ทุกขสัจจะจักเกิด และสมุทยสัจจะก็จัก

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 880

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๖๔] ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระ.อรหันต์ทั้ง

หลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ทุกขสัจจะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจัก

ได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะจักเกิด มัคคสัจจะก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 881

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๖๕] สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้น สมุทยสัจจะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นแต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค สมุทยสัจจะจักเกิด และมัคคสัจจะก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น มัคคสัจจะจักเกิด และ

สมุทยสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 882

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๘๖๖] ทุกขสัจจะจักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๖๗] ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้ง

หลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคล

ผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 883

ภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ผู้เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ที่นอกจากบุคคลเหล่านั้น

ทุกขสัจจะจักเกิด และสมุทยสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มรรคสัจจมูลี :-

[๘๖๘] ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้ง

หลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี บุคคล

ผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด

ก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค ที่นอกจากจิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะจักเกิด

และมัคคสัจจะก็เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 884

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๖๙] สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค

ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจะ

ได้มรรค สมุทยสัจจะจักเกิด และมัคคสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 885

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็จัดเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิด แก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น มัคค-

สัจจะก็จักเกิด สมุทยสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 886

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๗๐] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิต สมุทยสัจจะไม่ใช่จัก

เกิด ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 887

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๗๑] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็ไม่

ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่

ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี มัคค-

สัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิต มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิด

และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 888

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๗๒] สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด สมุทยสัจจะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, สุมทยสัจจะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้น มัคคสัจจะไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิด และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 889

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๘๗๓] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๗๔] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 890

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้ง

หลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคล

ผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ถึง

พร้อมด้วยปรินิพพานจิตเหล่านั้น สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิด และทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๗๕] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้ง

หลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้

เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 891

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตเหล่านั้น มัคค-

สัจจะไม่ใช่จักเกิด และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๗๖] สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด สมุทยสัจจะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระ

อรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะ

ไม่ใช่จักเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 892

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค

ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วย

อรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 893

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๗๗] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะกำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี สมุทย-

สัจจะเคยเกิด และทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 894

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๗๘] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังเกิด

ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังเกิดก็ดีในอุปปาทขณะ

แห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิด และมัคคสัจจะก็เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคะสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังตายก็ดี

ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและ

ผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริย-

สัจ ๔ มาแล้วกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

มัคคสัจจะเคยเกิด และทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 895

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๗๙] สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้

เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้น สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิด บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา

ของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้ว สมุทยสัจจะ

กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งตัณหาของผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔

มาแล้วก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่ผู้ที่เข้าถึงความเป็น

ผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วก็ดี ผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี มัคคสัจจะ

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น, ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยผู้อริยสัจ ๔

มาแล้ว มัคคสัจจะเคยเกิด สมุทยสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 896

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๘๘๐] ทุกขสัจจะกำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ ( ธรรมทั้งปวง

อันเป็นโอกาสวาระก็มีนัยเช่นเดียวกัน.)

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๘๑] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาส-

ภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 897

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิ ที่

นอกจากนั้นก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะ

กำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิก็ดี ใน

ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต

ในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกข-

สัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดใน

จตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล

ก็ดี สมุทยสัจจะเคยเกิด และทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๘๒] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 898

ในอุปปาทขณะแห่งปฎิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาส-

ภูมิก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังเกิด

ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคค-

สัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ที่เข้าถึงความ

เป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน

ปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดก็ดี และมัคคสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังตายก็ดี

ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตะและ

ผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้เข้าถึง

ความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะเคยเกิด และทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 899

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๘๓] สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มานั้น สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะ

แห่งตัณหาของผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้ว สมุทยสัจจะ

กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

หรือว่า มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด สมุทยสัจจะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งตัณหาของผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔

มาแล้วก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดขึ้นแก่บุคคลเหล่านั้น

ก็ดี มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา

ของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริสัจ ๔ มาแล้ว มัคคสัจจะเคย

เกิด และสมุทยสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 900

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๘๔] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๘๕] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังตายก็ดี

ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 901

จิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคค-

สัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น. บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังเกิดก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลผู้ที่ยัง

ไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะ

แห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิด และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 902

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๘๖] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ

๔ มาแล้วก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี

บุคคลผู้กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะ

แห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นก็ดี

ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดขึ้นแก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้

เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้น มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งตัณหาของ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 903

บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นก็ดี ในขณะที่

ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดขึ้นแก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิด และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๘๘๗] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 904

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๘๘] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้กำลังตายในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิก็ดี ใน

ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต

ในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปฏิ-

สนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังตายใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

ก็ดี บุคคลผู้กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 905

ก็ดี บุคคลผู้กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิด

และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๘๙] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังตายก็ดี

ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตผลจิต

ในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปฏิสนธิ

จิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็น

ผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล

ก็ดี บุคคลผู้กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด

มัคคสัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 906

ในอุปปาทขณะแห่งปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

ก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังเกิดก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิด แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ใน

สุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้น

กำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี บุคคลผู้กำลังตายใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิด และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๙๐] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 907

ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริย-

สัจ ๔ มาแล้วก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดขึ้นแก่บุคคล

เหล่านั้นก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มัคคสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อจิตดวงที่ ๒ คือ

ปฐมภวังค์เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี ในภังคขณะแห่ง

ตัณหาของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วก็ดี

ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดขึ้นแก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้

เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้น มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อจิต

ดวงที่ ๒ คือปฐมภวังค์เกิดขึ้นก็บุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี ใน

ภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔

มานั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดขึ้นแก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยเกิด และสมุทย-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 908

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล, เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 909

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๙๑] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับ

แห่งจิตใดในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอก

จากบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ทุกขสัจจะกำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะจักเกิด

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 910

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ทั้งหมดกำลังเกิดก็ดีในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี สมุทยสัจจะ

จักเกิด และทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๙๒] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่า

นั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะ

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะ

แห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่า

นั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะ

กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 911

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ

แห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตใด บุคคลเหล่า

นั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้

อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคล

เหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ใน

อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะจักเกิด และทุกขสัจจะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๙๓] สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 912

ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรคในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของปุถุชน

เหล่านั้น สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคในอุปปาทขณะแห่ง

ตัณหาของบุคคลเหล่านั้น สมุทยสัจจะกำลังเกิด และมัคคสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาท-

ขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น ในภังค-

ขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี และในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิต

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่าใด

จักได้มรรคในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น มัคคสัจจะ

จักเกิด และสมุทยสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 913

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๘๙๔] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, ฯ ล ฯ แม้ใน

ปุคคโลกาสวาระ ก็พึงจำแนกเช่นเดียวกันกับโอกาสวาระ.

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๙๕] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับ

แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 914

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากบุคคลเหล่า

นั้นกำลังเกิดในจตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมใด, ทุกขสัจจะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในภังค-

ขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตใน

อรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโว-

การภูมิ ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัติตกาลก็ดี

สมุทยสัจจะจักเกิด และทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๙๖] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 915

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชน

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี บุคคลที่

กำลังเกิดในอบายภูมิ และอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุป-

ปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น

บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ทุกขสัจจะกำลังเกิด และมัคคสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ

แห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตใด บุคคลเหล่า

นั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่ง

จิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 916

เหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคค-

สัจจะจักเกิด และทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๙๗] สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะจักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรคใน

อุปปาทขณะแห่งตัณหาของปุถุชนเหล่านั้นก็ดี สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ

บุคคลเหล่านั้น สมุทยสัจจะกำลังเกิด และมัคคสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 917

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาท-

ขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น ในภังค-

ขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี และในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิต

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น

มัคคสัจจะจักเกิด และสมุทยสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตาวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 918

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๘๙๘] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้ง

หลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังค-

ขณะแห่งจิตนั้นก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิต ในอรูป-

ภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 919

แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ในภังคขณะ

แห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิต

นั้นก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตแห่งผลจิตในอรูปภูมิก็ดี สมุทย-

สัจจะจักไม่เกิด และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๘๙๙] ทุกขสัจจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ

แห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่านั้น

กำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่ง

มัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น แต่มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัต

มัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 920

เหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่ง

จิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตผลจิตในอรูปภูมิ

ก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่า

นั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะ

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังตายก็ดี

ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิต

และผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิด และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 921

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๐๐] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคล

เหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคล

เหล่านั้นก็ดี และในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ก็ดี บุคคลผู้กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมัคคจิตก็ดี พระ-

อรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในภังคขณะแห่ง

ตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี และในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปุถุชนเหล่าใดจะได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของปุถุชน

เหล่านั้น มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะ

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมัคคจิตก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 922

พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในภังคขณะแห่ง

ตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี และในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๐๑] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 923

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๐๒] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้กำลังตายในจตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภมิก็ดี ในภังค-

ขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตใน

อรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัต-

มัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคล

เหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลผู้กำลัง

ตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับ

แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลผู้กำลังเกิดในอสัญญ-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 924

สัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัต-

มัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลผู้กำลัง

ตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๐๓] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่า จักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ

แห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่า

นั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งมัคคจิตผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 925

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้

มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล

ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคล

กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอบายภูมิก็ดี ปุถุชน

เหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี บุคคลผู้กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคค-

สัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ใน

ภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอบาย-

ภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ใน

ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 926

ผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลผู้กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะ

ไม่ใช่จักเกิด และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๐๔] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล ในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคล

เหล่านั้นก็ดี และในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคค-

สัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยอรหัต

มัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคล

ที่เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ในภังคขณะแห่ง

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 927

ตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี และในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะ

ไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุ-

ถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของปุถุชนเหล่า

นั้นก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทย-

สัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัต-

มัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคล

ที่เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ในภังคขณะแห่ง

ตัณหาของปุถุชนเหล่านั้นก็ดี และในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะ

ไม่ใช่จักเกิด และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 928

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๐๕] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี

ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลนอกจากนี้ ทุกขสัจจะเคยเกิด และสมุทยสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่าสมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็เคยเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 929

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๐๖] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้ง

หลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ทุกขสัจจะ

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่ง

จิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะ

เคยเกิด และมัคคสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มรรคสัจจะ ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๐๗] สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 930

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้นก็ดี สมุทยสัจจะ

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใด

จักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี สมุทยสัจจะเคยเกิด และมัคคสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะ ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๐๘] ทุกขสัจจะเคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 931

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๐๙] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้ง

หลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคล

ผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

นอกจากนี้ ผู้เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจจะเคยเกิด

และสมุทยสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลนอกจากนี้ ผู้เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ

สมุทยสัจจะจักเกิด และทุกขสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 932

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๑๐] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะก็

จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้นก็ดี บุคคล

ผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะ

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด

ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิต

นั้นก็ดี ทุกขสัจจะเคยเกิด และมัคคสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปา-

ขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี

มัคคสัจจะจักเกิด และทุกขสัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 933

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูล มัคคสัจจมูลี :-

[๙๑๑] สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้นก็ดี บุคคล

ผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี สมุทยสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใด

จักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี สมุทยสัจจะเคยเกิด และ

มัคคสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อจิตดวงที่ ๒ (คือปฐมภวังค์)เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

สุทธาวาสภูมิ มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทย-

สัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้

อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 934

เหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี มัคคสัจจะจักเกิด และสมุทย-

สัจจะก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 935

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๑๒] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๑๓] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 936

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๑๔] สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ สมุทยสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 937

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๑๕] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๑๖] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักเกิด.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 938

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๑๗] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักเกิด.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๑๘] สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อจิตดวงที่ ๒ ( คือปฐมภวังค์ ) เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

สุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มัคคสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 939

อสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิด มัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจักได้มรรคปุถุชนเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิ

ก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะ

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

มัคคสัจจะไม่ใช่จักเกิด และสมุทยสัจจะก็ไม่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

อุปปาทวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 940

๒. นิโรธวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๑๙] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งตัณหา

วิปปยุตตจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งตัณหา

ทุกขสัจจะกำลังดับ และสมุทยสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจะมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 941

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๒๐] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคค-

วิปปยุตตจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

มัคจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งมัคคจิตใน

ปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจจะกำลังดับ และมัคคสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคตสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งมัคคจิตในอรูปภูมิ มัคคสัจจะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะ

แห่งมัคคจิตในปัญจโวการภูมิ มัคคสัจจะกำลังดับ และทุกขสัจจะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 942

สมุทยสัจจะมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๒๑] สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๒๒] ทุกขสัจจะกำลังดับในภูมิใด, สมุทยก็กำลังดับใน

ภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 943

ในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจจะกำลังดับ ฯ ล ฯ คำที่กำหนดด้วย

บทว่า ยตฺถ ( ในภูมิใด ) เป็นเช่นเดียวกันทั้งในอุปปาทวาระ ทั้งใน

นิโรธวาระ ทั้งในอุปปาทนิโรธวาระ เหตุเครื่องกระทำให้ต่างกันย่อม

ไม่มี.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๒๓] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ แม้

คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส ( ของบุคคลใด ) ยตฺถ ( ในภูมิใด )

พึงให้พิสดารเช่นเดียวกัน.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจะมูลี

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 944

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๒๔] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด ทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งตัณหา

วิปปยุตตจิตในปวัตติกาลก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด

กำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่ง

มัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และ

ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 945

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๒๕] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งมัคคจิตในอรูปภูมิ ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคล

เหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ในภังคขณะแห่งผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และ

มัคคสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคค-

วิปปยุตตจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลัง

เกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งผลจิต

ในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และทุกขสัจจะก็ไม่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 946

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจะมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๒๖] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งมัคคจิต สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่มัคคสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะ

แห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดก็ดี ในภังคขณะแห่งตัณหาวิปปยุตต-

จิต และมัคควิปปยุตตจิตก็ดี บุคคลที่เข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคล

ผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และมัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น มัคคสัจจะไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดก็ดี ในภังคขณะแห่ง

มัคควิปปยุตตจิตและตัณหาวิปปยุตตจิตก็ดี บุคคลที่เข้านิโรธสมาบัติ

อยู่ก็ดี, บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับ

และสมุทยสัจจะก็ไม่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 947

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๒๗] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯ เป ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๒๘] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส (ของบุคคลใด) ยตฺถ (ในภูมิใด) ก็ดี

เป็นเช่นเดียวกัน อนึ่ง ไม่พึงกระทำคำว่า นิโรธสมาปนฺนาน นี้ แม้

ในคำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส ยตฺถ.

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 948

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๒๙] ทุกขสัจจะเคยดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

การปุจฉาที่เป็นอดีต ในอุปปทวาระ ทั้งที่เป็นอนุโลม ทั้งที่

เป็นปัจจนิก ท่านจำแนกไว้แล้วฉันใด แม้ในนิโรธวาระ ก็พึงจำแนก

ฉันนั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ จบ

ปุคคลวาระ จบ

อตีตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 949

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๓๐] ทุกขสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน

อุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น ทุกข-

สัจจะจักดับ และสมุทยสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 950

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๓๑] ทุกขสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ทุกขสัจจะจักดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาท

ขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้มรรคที่นอกจากนั้นก็ดี ทุกขสัจจะ

จักดับและมัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 951

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๓๒] สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลใด มัคคสัจจะก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้

มรรค สมุทยสัจจะจักดับ และมัคคสัจจะก็จักดับเเก่บุคคลเหล่านั้น

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

สมุทยสัจจะไม่ใช่ดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค มัคค-

มัคคสัจจะจักดับ และสมุทยสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 952

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๓๓] ทุกขสัจจะจักดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระจบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๓๔] ทุกขสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้นแต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 953

นอกจากนี้ ผู้เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจจะจักดับ

และสมุทยสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส ( แก่บุคคลใด ) ยตฺถ ( ในภูมิใด )

ก็ดี คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส ยตฺถ. ( แก่บุคคลใดในภูมิใด )

ก็ดี เหมือนกัน.

จบ ทุกขสัจจมูล สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 954

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๓๕] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งปรินิพพานจิต สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับ

และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 955

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๓๖] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็ไม่ใช่

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น ในภังคขณะ

แห่งปรินิพพานจิต มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 956

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๓๗] สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี

พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับ และมัคคสัจจะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่ามัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่ง

อรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และ

สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 957

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๓๘] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๓๙] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 958

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคเหล่านั้นก็ดี พระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งปรินิพพานจิต สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๔๐] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

อบายภูมิก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 959

ภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปรินิพพานจิต มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และ

ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๔๑] สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะ

แห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับ และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นเกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้

มรรคปุถุชนเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 960

นั้น แต่สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะ

แห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 961

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๔๒] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะเคยดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ในปวัตติกาลก็ดีในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี สมุทย-

สัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิต

ในปวัตติกาลก็ดี สมุทยสัจจะเคยดับ และทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 962

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๔๓] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้น

กำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังตายก็ดี ในภังคขณะ

แห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับ มัคคสัจจะก็เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังเกิด

ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและ

ผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะ

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริย-

สัจ ๔ มาแล้วกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลดี มัคค-

สัจจะเคยดับ และทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 963

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๔๔] สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด มัคคสัจจะก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งตัณหาของผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริย-

สัจ ๔ มานั้น สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะ

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งตัณหาของผู้ที่เข้าถึง

ความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ สมุทยสัจจะกำลังดับ และมัคคสัจจะก็เคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔

มาแล้วเหล่านั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่ผู้ที่เข้าถึง

ความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะ

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งตัณหาของผู้ที่เข้าถึง

ความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วเหล่านั้น มัคคสัจจะเคยดับ และ

สมุทยสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 964

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๔๕] ทุกขสัจจะกำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๔๖] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

ก็ดี บุคคลผู้ที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลที่นอกนี้ผู้กำลังตายในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ

เหล่านั้นก็ดี ในภังคขถเะแห่งจิตในปวัตติกาลของบุคคลเหล่านั้นก็ดี

ทุกขสัจจะกำลังดับและสมุทยสัจจะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 965

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้กำลังเกิดในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิก็ดี ในอุปปาท-

ขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูป

ภูมิก็ดี สมุทยสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกสัจจะไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้กำลังตายในจตุโวการภูมิ

ปัญจโวการภูมิก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี สมุทยสัจจะ

เคยดับ และทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๔๗] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ใน สุทธาวาสภูมิ

ก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังตายก็ดี

ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี บุคคลผู้ที่กำลังตายในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะ

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคย

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 966

รู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ทุกขสัจจะกำลังดับ และมัคคสัจจะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังเกิดก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดีในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต

ในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกข-

สัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ที่เข้าถึงความ

เป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตใน

ปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะเคยดับ และทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๔๘] สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 967

ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มานั้น สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่ง

ตัณหาของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้ว สมุทย-

สัจจะกำลังดับและมัคคสัจจะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มาแล้วก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคล

ผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วก็ดี มัคคสัจจะเคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มาแล้ว มัคคสัจจะเคยดับ และสมุทยสัจจะก็กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 968

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๔๙] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๕๐] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังเกิดก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและ

ผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 969

มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้

เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล

ก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังตาย

ก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลผู้ที่ยัง

ไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังเกิดก็ดัในอุปปาทขณะ

แห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สุมทยสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี :-

[๙๕๑] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 970

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มาแล้วก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคล

ผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้รู้อริยสัจ ๔ มาแล้วก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ

สมาบัติอยู่ก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังแก่บุคคลนั้น แต่มัคค-

สัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคล

ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริสัจ ๔ มานั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหา

วิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔

มานั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลัง

ดับ และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มานั้น มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทย-

สัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคล

ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหา

วิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔

มานั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะไม่

ใช่เคยดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 971

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๕๒] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯ เป ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๕๓] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดในจตุโวการภูมิ ปัญโวการภูมิก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและ

ผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 972

นั้น แต่สมุทยสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะ-

แห่งปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิด

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปฎิสนธจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี

บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในอุปปาทขณะแห่งปฏิสนธิจิตของผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี

บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยดับ และ

ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๕๔] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มรรค-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วกำลังเกิดก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 973

จิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่ง

ปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึง

ความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ในปวัตติกาลก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่

ใช่กำลังดับ และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปฏิสนธิจิตของบุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

ก็ดี บุคคลที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังตายก็ดีใน

ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะกำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งปฏิสนจิตของ

บุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคย

รู้อริยสัจ ๔ มานั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับ และ

ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 974

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๕๕] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มาแล้วก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคล

ผู้ที่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มาแล้วก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, เมื่อจิตดวงที่ ๒ เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มานั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคล

ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่เคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มานั้น มัคคสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 975

แต่สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อจิตดวงที่ ๒

เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา

ของบุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้อริยสัจ ๔ มานั้นก็ดี ในขณะ

ที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคลผู้ที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นผู้เคยรู้

อริยสัจ ๔ มานั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะ

ไม่ใช่เคยดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 976

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๕๖] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระ-

อรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด

ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกนี้กำลังตายก็ดี

ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับ และสมุทยสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ในปวัตติกาลก็ดีในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี สมุทย-

สัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 977

เหล่านั้น, เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิต

ในปวัตติกาลก็ดี สมุทยสัจจะจักดับ และทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๕๗] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระ-

อรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้นกำลัง

ตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

เหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี

ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับและมัคคสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 978

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้

อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคล

เหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุป-

ปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตใน

อรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำ

ลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัดมรรคในลำดับแห่งจิต

ใดในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น

บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคค-

สัจจะจักดับ และทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๕๘] สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 979

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของปุถุชน

เหล่านั้น สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้มรรค ในภังคขณะแห่ง

ตัณหาของบุคคลเหล่านั้น สมุทยสัจจะกำลังดับ และมัคคสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใด

จะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่า

นั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

นิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิเหล่านั้นก็ดี มัคค-

สัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้มรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคล

เหล่านั้น มัคคสัจจะจักดับ และสมุทยสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 980

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๕๙] ทุกขสัจจะกำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๖๐] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระ

อรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด

ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกข-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 981

สัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลนอกนี้กำลังตายในจตุโวการภูมิ

ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ของบุคคลเหล่า

นั้นก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับ และสมุทยสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็

กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิก็ดี ในอุปปาท-

ขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูป-

ภูมิก็ดี สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะ

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังตายในจตุโว-

การภูมิ ปัญจโวการภูมิก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี สมุทย-

สัจจะจักดับ และทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๖๑] ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 982

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระ-

อรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใด

จะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตใน

ปวัตติกาลก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังค-

ขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะ

กำลังดับ และมัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็

กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใด

จะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาท-

ขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูป-

ภูมิก็ดี มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด

ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 983

บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคค-

สัจจะจักดับ และทุกขสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๖๒] สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ใน

ภังคขณะแห่งตัณหาของปุถุชนเหล่านั้นก็ดี สมุทยสัจจะกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้มรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคล

เหล่านั้น สมุทยสัจจะกำลังดับ และมัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะก็

กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 984

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใด

จะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่า

นั้นและในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี มัคคสัจจะจักดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

เหล่าใดจะได้มรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น มัคค-

สัจจะจักดับ และสมุทยสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 985

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๖๓] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล

ก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

อุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอร-

หันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน

อุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตใน

อรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของ

พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิต

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 986

ใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่ทุกขสัจจะกำลังแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งอรหัต-

มัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคล

เหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น

ก็ดี ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะ

ไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๖๔] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด มัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้

อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคล

เหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ใน

อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต

ในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะ

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้ง-

หลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 987

ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิต

และผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจจะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของ

พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้น

กำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

อุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้

มรรคปุถุชนเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล

ก็ดี ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะ

ไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 988

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๖๕] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจักได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิป-

ปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิต

ก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในอุป-

ปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิต

กำลังเกิดก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 989

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคล

เหล่านั้น มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะ

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระ-

อรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรคในอุปปาทขณะแห่ง

ตัณหาของปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี

มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๖๖] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจะมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 990

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๖๗] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิก็ดี ในอุปปาท-

ขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูป-

ภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทย-

สัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคค-

จิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่า

ใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิด

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่าสมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของ

พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิต

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 991

ใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะกำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้

อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี ในภังค-

ขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๖๘] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใด

จะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาท-

ขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิต

ในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งจิต

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 992

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอบายภูมิก็ดี ปุถุชน

เหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่ง

จิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิ

ก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับ

และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระ-

อรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะ

ไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติ-

กาลก็ดี บุคคลที่กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคล

ที่กำลังเกิดในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในภังคขณะแห่ง

อรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 993

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๖๙] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปป-

ยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัต-

มัคคจิตก็ดี พระอรหัตทั้งหลายก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอบายภูมิก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของปุถุชนเหล่า

นั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ใน

ภังคขณะแห่งตัณหาของปุถุชนเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 994

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชน

เหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของปุถุชนเหล่านั้นก็ดี

ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 995

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๗๐] ทุกขสัจจะเคยดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จับดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี ทุกขสัจจะเคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่นอกจากนี้ ทุกขสัจจะเคยดับ และสมุทยสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็เคยดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจะมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๗๑] ทุกขสัจจะเคยดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 996

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ทุกขสัจจะเคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุป-

ปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับ

แห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะ

เคยดับ และมัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็เคยดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๗๒] สมุทยสัจจะเคยดับแก่บุคคลใด มัคคสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรคปุถุชนเหล่านั้นก็ดี สมุทยสัจจะเคยดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 997

บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุป-

ปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับ

แห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี สมุทยสัจจะ

เคยดับ และมัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็เคยดับแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๗๓] ทุกขสัจจะเคยดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 998

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๗๔] ทุกขสัจจะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ใน

จตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิที่นอกจากบุคคลเหล่านั้น ทุกขสัจจะเคย

ดับ และสมุทยสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่เกิดอยู่ในจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิที่นอกจากบุคคล

เหล่านั้น สมุทยสัจจะจักดับ และทุกขสัจจะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 999

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๗๕] ทุกขสัจจะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อบายภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะเคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้

อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจาก

จิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะเคยดับ และมัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็เคย

ดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น

ก็ดี มัคคสัจจะจักดับ และทุกขสัจจะก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1000

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๗๖] สมุทยสัจจะเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคคสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

อบายภูมิก็ดี สมุทยสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคค-

สัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่ง

อรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี สมุทยสัจจะเคยดับ และ

มัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะก็

เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อจิตดวงที่ ๒ เกิดขึ้นแก่บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่เคย

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1001

ได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี มัคคสัจจะจักดับ และสมุทยสัจจะก็เคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1002

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๗๗] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๗๘] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1003

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๗๙] สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1004

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๘๐] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูละ จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๘๑] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักดับ.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่เคยดับและบุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1005

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๘๒] ทุกขสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

จักดับ.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๘๓] สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เมื่อจิตดวงที่ ๒ เกิดขึ้นแก่บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

สมุทยสัจจะไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะจัก

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1006

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทย-

สัจจะไม่ใช่เคยดับ และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

อบายภูมิก็ดี มรรคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

สมุทยสัจจะเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1007

อุปปาทนิโรธวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๘๔] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคล

นั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1008

ก็หรือว่า มัคคสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็กำลังดับแก่บุคคล

นั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะกำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1009

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

ทุกขสัจจะกำลังเกิดในภูมิใด, สมุทยสัจจะก็กำลังดับในภูมินั้น

ใช่ไหม ?

ในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจจะกำลังเกิด แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่

กำลังดับในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

คำว่า ยตฺถ ( ในภูมิใด ) เหมือนกัน ทั้งอุปปาทวาระ ทั้ง

ทั้งนิโรธวาระ ทั้งอุปปาทนิโรธวาระ เหตุเครื่องกระทำให้ต่างกันย่อม

ไม่มี.

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1010

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ปุคคลวาระก็ดี ปุคคโลกาสวาระก็ดี ก็เช่นเดียวกัน.

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1011

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๘๕] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งตัณหา ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น แต่สมุทยสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลทั้งหมดกำลังตาย

ก็ดี ในภังคขณะแห่งตัณหาวิปปยุตตจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และ

สมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล

ก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งตัณหา

วิปปยุตตจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1012

อรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๘๖] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งมัคคจิต ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่มัคคสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลทั้งหมดกำลัง

ตายก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาท-

ขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และ

มัคคสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล

ก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคค-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1013

วิปปยุตตจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตใน

อรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๘๗] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งมัคคจิต สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่มัคคสัจจะกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่ง

ตัณหาวิปปยุตตจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิตก็ดี บุคคลผู้

กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทย-

สัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1014

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับ แก่บุคคล

เหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะ

แห่งตัณหาวิปปยุตตจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิตก็ดี บุคคล

ผู้กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

มัคคสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๘๘] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1015

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๘๙] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

คำว่า ยสฺส ( แก่บุคคลใด ) ก็ดี คำว่า ยสฺสยตฺถ ( แก่

บุคคลใดในภูมิใด ) ก็ดี เป็นเช่นเดียวกัน.

บทว่า นิโรธสมาปนฺนาน ไม่พึงกระทำแม้ในคำว่า ยสฺสยตฺถ

(แก่บุคคลใดในภูมิใด)

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1016

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๙๐] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะ ฯ ล ฯ

ใช่.

คำถามที่เป็นอดีต ท่านจำแนกไว้แล้วในอุปปาทวาระฉันใด ส่วน

ที่เป็นอนุโลมก็ดี ที่เป็นปัจจนิกก็ดี พึงจำแนกแม้ในอุปปาทนิโรธวาระ

ฉันนั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

อตีตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1017

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๙๑] ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี ทุกขสัจจะจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่นอกจากนี้ ทุกขสัจจะจักเกิด และสมุทยสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะ ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๙๒] ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1018

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ทุกขสัจจะจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุป-

ปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับ

แห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะ

จักเกิด และมัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะ ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๙๓] สมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้น สมุทยสัจจะ

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคบุคคลเหล่านั้น สมุทยสัจจะจักเกิด และมัคค-

สัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1019

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้มรรค

มัคคสัจจะจักดับ และสมุทยสัจจะก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๙๔] ทุกขสัจจะจักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1020

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๙๕] ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

จตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิ ที่นอกจากนั้น ทุกขสัจจะก็จักเกิด

สมุทยสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

คำว่า ยสฺส ( แก่บุคคลใด ) ก็ดี คำว่า ยสฺสยตฺถ ( แก่

บุคคลใดในภูมิใด ) ก็ดี เป็นเช่นเดียวกัน.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระอนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1021

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๙๙๖] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ผู้ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิต สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจะมูละ สมุทยสัจจมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1022

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๙๗] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จัก

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลผู้

ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิต มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่

ใช่จักเกิด.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๙๙๘] สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1023

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี

พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็ไม่

ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้น มัคคสัจจะไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น และสมุทยสัจจะจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งอรหัตมรรคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี มัคคสัจจะ

ไม่ไช่จักดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1024

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๙๙๙] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๐๐] ทุกขสัจจะไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

คำว่า ยสฺส ( แก่บุคคลใด ) ก็ดี คำว่า ยสฺส ยตฺถ ( แก่

บุคคลใดในภูมิใด ) ก็ดี เป็นเช่นเดียวกัน.

สมุทยสัจจะ มัคคสัจจะ การกระทำต่างกันคือ :-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1025

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และสมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1026

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๐๑] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็เคย

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า ฯ ล ฯ

คำถามที่เป็นอดีตกับด้วยปัจจุบัน คำว่า ยสฺส ก็ดี, ยตฺถ ก็ดี,

คำว่า ยสฺส ยตฺถ ก็ดี, อนุโลม ก็ดี, ปัจจนิก ก็ดี เป็นเช่นเดียว

กันทั้งในอุปปาทวาระ ทั้งในอุปปาทนิโรธวาระ ผู้มีปัญญาพึงจำแนกไป.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1027

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๐๒] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จัก

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับ

แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอก

จากบุคคลเหล่านี้กำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ทุกขสัจจะกำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1028

ทั้งหมดกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี สมุทยสัจจะ

จักดับ และทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๑๐๐๓] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด มัคคสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่า

ใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่ง

จิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลัง

เกิด และมัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใด ทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1029

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังค-

ขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาท-

ขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาท-

ขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่ง

จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอก

จากจิตนั้น บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะจักดับ และทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๑๐๐๔] สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะก็จัก

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1030

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ

บุคคลเหล่านั้น สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะ

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้มรรค ในอุปปาท-

ขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น สมุทยสัจจะกำลังเกิด และมัคคสัจจะ

ก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น

ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตต-

จิตกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

เหล่าใดจะได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น มัคค-

สัจจะจักดับ และสมุทยสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1031

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๐๕] ทุกขสัจจะกำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๐๖] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับ

แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทย-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1032

สัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากบุคคล

เหล่านี้กำลังเกิดในจตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ทุกขสัจจะกำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังตายในจตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิก็ดี ใน

ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต

ในอรูปภูมิก็ดี สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกข-

สัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดใน

จตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล

ก็ดี สมุทยสัจจะจักดับ และทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๑๐๐๗] ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1033

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลที่

กำลังเกิดในอบายภูมิ ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลัง

เกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี บุคคลที่กำลังเกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่ง

อรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน

อุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น

บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ทุกขสัจจะกำลังเกิด และมัคคสัจจะก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ

แห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่า

นั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรค

ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้

มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1034

แห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะจักดับ และทุกขสัจจะก็กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกสัจจมูล จบ

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๑๐๐๘] สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ใน

อุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ

บุคคลเหล่านั้น สมุทยสัจจะกำลังเกิด และมัคคสัจจะจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทยสัจจะ

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1035

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใด

จะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น

ก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นก็ดี มัคค-

สัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลเหล่าใดจะได้มรรค ในอุปปาทขณะ

แห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น มัคคสัจจะจักดับ และสมุทยสัจจะก็

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

จบ สมุทยสัจจมูละ ทุกขสัจจมูลี

สมุทยสัจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1036

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๐๙] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลทั้งหมดกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์

ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน

ภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตใน

อรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จัดดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับ

แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1037

บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะ

แห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่ง

จิตนั้นก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี

สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๑๐๑๐] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ

แห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่า

นั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะ

และมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่ง

อรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุ-

ชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1038

แห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิ

ก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ไช่จักดับแก่บุคคลใด, ทุกขสัจจะก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชน

เหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่ง

จิตในปวัตติกาลก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่ทุกข-

สัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี

ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้

มรรค ปุถุชนเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่

จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

๑. ม. เป็น อคฺคผลสฺส คือ อรหัตผลจิต เท่านั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1039

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๑๐๑๑] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, มัคคสัจจะ

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใด

จะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น

ก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี บุคคลผู้กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิเหล่านั้นก็ดี สมุทยสัจจะ

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชน

เหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี

ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด

และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็ไม่

ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ

บุคคลเหล่านั้น มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่สมุทย-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1040

สัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี

พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในภังคขณะ

แห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิด

ก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๑๒] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด ในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ทุกขสัจจมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1041

ปุคคโลกาสวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๑๓] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลผู้กำลังตายในจตุโวการภูมิ ในปัญจโวการภูมิก็ดี ในภังค-

ขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตใน

อรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

สมุทยสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัต-

มัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคล

เหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลผู้กำลัง

ตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และสมุทยสัจจะก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกข-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิต

ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1042

แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลผู้กำลังเกิดในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่ทุกข

สัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคค-

จิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลเหล่าใด

จะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้นก็ดี ในอุปุ-

ปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลผู้กำลังตายใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๑๐๑๔] ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ

แห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น บุคคลเหล่า

นั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1043

ทั้งหลายก็ดีบุคคลผู้กำลังตายในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค

ปุถุชนเหล่านั้นกำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ใน

อุปปาทขณะแห่งอรหัตผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลผู้กำลังตายในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี ทุกขสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, ทุกขสัจจะ

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคลผู้

กำลังเกิดในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้น

กำลังเกิดก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี บุคคลผู้กำลังเกิด

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่ทุกขสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่ง

อรหัตมัคคจิตก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี บุคคล

ผู้กำลังตายในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้น

กำลังตายก็ดี ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลก็ดี ในอุปปาทขณะแห่ง

อรหัตผลจิตในอรูปภูมิก็ดี บุคคลผู้กำลังตายในอสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคค-

สัจจะไม่ใช่จักดับ และทุกขสัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ มัคคสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1044

สมุทยสัจจมูล

สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี :-

[๑๐๑๕] สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, มัคค-

สัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี บุคคลเหล่าใดจะได้อรหัต-

มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะ.แห่งจิตนั้นก็ดี บุคคลเหล่าใด

จะได้มรรคที่นอกจากจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้น

ก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่มัคคสัจจะจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ใน

ภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใด

จะไม่ได้มรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ในขณะ

ที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

สมุทยสัจจะไม่ใช่กำลังเกิด และมัคคสัจจะก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด. สมุทย-

สัจจะก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1045

บุคคลผู้เกิดอยู่ในอบายภูมิก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค

ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่านั้นก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สมุทยสัจจะกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งอรหัตมัคคจิตก็ดี พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี

ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของปุถุชนเหล่า

นั้นก็ดี ในขณะที่ตัณหาวิปปยุตตจิตกำลังเกิดก็ดี บุคคลผู้เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี มัคคสัจจะไม่ใช่จักดับ และสมุทยสัจจะก็ไม่ใช่กำลัง

เกิด แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ สมุทยสัจจมูละ มัคคสัจจมูลี

สมุทยสัจจมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1046

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๑๖] ทุกขสัจจะเคยเกิดแก่บุคคลใด, สมุทยสัจจะก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

คำถามที่เป็นอนาคตกับด้วยอดีต อนุโลมก็ดี ปัจจนิกก็ดี ท่าน

จำแนกไว้แล้ว ในนิโรธวาระฉันใด แม้ในอุปปาทนิโรธวาระ ผู้มี

ปัญญาก็พึงจำแนกฉันนั้น.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

อุปปาทนิโรธวาระ จบ

ปวัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1047

ปริญญาวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๑๗] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นกำลังละ

สมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดกำลังละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นกำลังรู้แจ้ง

ทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปัจจุปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1048

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่กำลังละ

สมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่กำลังละสมุทยสัจจะ บุคคลนั้นไม่ใช่

กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1049

อตีตวาระ อนุโลม

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๑๘] บุคคลใดเคยรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นเคยละ

สมุทยสัจจะ ใช่ไหม?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดเคยละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นเคยรู้แจ้ง

ทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

อตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1050

อตีตวาระ ปัจจนิก

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่เคยละ

สมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่เคยละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่

เคยรู้แจ้งทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

อตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1051

อนาคตวาระ อนุโลม

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๑๙] บุคคลใดจักรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นจักละสมุทย-

สัจจะ ใช่ไหม?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดจักละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นจักรู้แจ้งทุกข

สัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

อนาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1052

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่จักละสมุทย-

สัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่

จักรู้แจ้งทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1053

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๒๐] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นเคยละ

สมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดเคยละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นกำลังรู้แจ้ง

ทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1054

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่เคยละ

สมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

พระอรหันต์ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ แต่เคยละสมุทยสัจจะ,

ยกเว้นอรหัตมรรคบุคคลและพระอรหันต์เสียแล้ว บุคคลที่เหลือ

นอกนั้นไม่ใช่กำลังแจ้งทุกขสัจจะและไม่เคยละสมุทยสัจจะ.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่เคยละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่

กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

อรหัตมรรคบุคคลไม่เคยละสมุทยสัจจะ แต่กำลังรู้แจ้งทุกข-

สัจจะ, ยกเว้นอรหัตมรรคบุคคลและพระอรหันต์เสียแล้ว บุคคลที่เหลือ

นอกนั้นไม่เคยละสมุทยสัจจะและไม่ใช่กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1055

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๒๑] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นจักละ

สมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดจักละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นกำลังรู้แจ้ง

ทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1056

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่จักละ

สมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจะได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังรู้แจ้งทุกข-

สัจจะ แต่จักละสมุทยสัจจะ, พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใด

จะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ และ

จักไม่ละสมุทยสัจจะ.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่

กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

พระอรหัตมรรคบุคคลจักไม่ละสมุทยสัจจะ, แต่กำลังรู้แจ้งทุกข์

สัจจะ, พระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชน

เหล่านั้นก็ดี จักไม่ละสมุทยสัจจะ และไม่ใช่กำลังรู้แจ้งทุกขสัจจะ.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจะมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1057

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

[๑๐๒๒] บุคคลใดเคยรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นจักละ

สมุทยสัจจะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดจักละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นรู้เคยแจ้ง

ทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1058

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

ทุกขสัจจมูล

ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี :-

บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งทุกขสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่จักละสมุทย-

สัจจะ ใช่ไหม ?

บุคคลเหล่าใดจะได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่เคยรู้แจ้งทุกข-

สัจจะ แต่จักละสมุทยสัจจะ, อรหัตมรรคบุคคลก็ดี ปุถุชนเหล่าใด

จะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี ไม่ใช่เคยรู้แจ้งทุกขสัจจะ และ

ไม่ใช่จักละสมุทยสัจจะ.

ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักละสมุทยสัจจะ, บุคคลนั้นไม่ใช่

เคยรู้แจ้งทุกขสัจจะ ใช่ไหม ?

พระอรหันต์ไม่ใช่จักละสมุทยสัจจะ แต่เคยรู้แจ้งทุกขสัจจะ,

อรหัตมรรคบุคคลก็ดี ปุถุชนเหล่าใดจะไม่ได้มรรค ปุถุชนเหล่านั้นก็ดี

ไม่ใช่จักละสมุทยสัจจะ และไม่ใช่เคยรู้แจ้งทุกขสัจจะ.

จบ ทุกขสัจจมูละ สมุทยสัจจมูลี

ทุกขสัจจมูล จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

ปริญญาวาระ จบ

สัจจยมกที่ ๕ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1059

อรรถกถาสัจยมก

การพรรณนาสัจจยมกที่ท่านรวบรวมแสดงไว้แล้วในลำดับธาตุ

ยมก ด้วยอำนาจสัจจะในธรรมมีกุศลเป็นต้น ที่ท่านแสดงไว้แล้วใน

มูลยมกเหล่านั้นนั้นเที่ยว ย่อมมีในบัดนี้. พึงทราบมหาวาระ ๓ มี

ปัณณัตติวาระเป็นต้น และประเภทแห่งวาระที่เหลือมีอันตรวาระเป็นต้น

ตามนัยที่กล่าวแล้วนั่นเทียว ในธาตุยมกแม้นั้น. แต่ในปัณณัตติวาระ

ในสัจจยมกนี้ ด้วยอำนาจสัจจะ ๔ พึงทราบการนับยมกในวาระทั้งหลาย

๔ เหล่านี้ คือปทโสธนวาระ ปทโสธนมูลจักกวาระ สุทธสัจจวาระ

สุทธสัจจมูลจักกวาระ. แต่ในปัณณัตติวารนิทเทส พึงทราบ

เตภูมิกธรรมที่หลุดพ้นดีแล้วจากทุกขเวทนาและตัณหา ด้วยคำว่า

อวเสส ทุกฺขสจฺจ. ประเภทแห่งกามาวจรกุศลเป็นต้นที่ท่านแสดงไว้

แล้วในสัจจวิภังค์ว่า อวเสโส สมุทโย ดังนี้ ย่อมเป็นปัจจัยแห่ง

ทุกขสัจจะ. สองบทว่า อวเสโส นิโรโธ ได้แก่ ตทังคนิโรธ วิก-

ขัมภนนิโรธ สมุจเฉทนิโรธ ปฏิปัสสัทธินิโรธ และขณภังคนิโรธ.

สองบทว่า อวเสโส มคฺโค ความว่าก็มรรคมีองค์ ๕ ย่อมมีในสมัย

นั้นแล. มรรคมีอาทิอย่างนี้ คือ อัฏฐังคิกมรรค มิจฉามรรค ชังฆมรรค

สกฏมรรค.

ก็ในปวัตติวาระ ในอนุโลมนัยแห่งปุคคลวาระ ในปัจจุบันกาลนี้

ทุกขสัจจมูล ๓ สมุทยสัจจมูล ๒ นิโรธสัจจมูล ๑ รวมเป็นยมก ๖

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1060

อย่าง ด้วยอำนาจพระบาลี เพราะถือเอาสัจจะที่ได้อยู่และไม่ได้อยู่ว่า

ทุกขสัจจะย่อมเกิดแก่สัตว์ใด สมุทยสัจจะย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ก็

หรือว่า สมุทยสัจจะย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจจะย่อมเกิดขึ้นเก่

สัตว์นั้นดังนี้. ในสัจจะทั้งหลายเหล่านั้น เพราะความเกิดและความดับ

ย่อมไม่สมควรแก่นิโรธ ฉะนั้น ยมกทั้งหลาย ๓ คือ ยมกอันเป็นมูล

แห่งทุกขสัจจะ ๒ กับด้วยสมุทยสัจจะ และมัคคสัจจะ ยมกอันเป็นมูล

แห่งสมุทยสัจจะ ๑ กับด้วยมัคคสัจจะ จึงมาแล้ว. ในปฏิโลมนัยแห่ง

ปุคคลวาระนั้นบ้าง ในโอกาสวาระเป็นต้นบ้าง ก็นัยนี้นั่นเทียว. พึง

ทราบการนับยมก ด้วยอำนาจยมก ๓ อย่าง ๆ ในวาระทั้งหมดเหล่านี้

ด้วยประการอย่างนี้.

ก็ในอรรถวินิจฉัย พึงทราบลักษณะในสัจจยมกนี้ดังต่อไปนี้. ก็

ในปวัตติวาระแห่งสัจจยมกนี้ ใคร ๆ ย่อมไม่ได้นิโรธสัจจะก่อนนั่นเทียว.

แต่ในวาระทั้งหลาย ๓ ที่เหลือ สมุทยสัจจะและมัคคสัจจะ บุคคลย่อม

ได้ในปวัตติกาลโดยส่วนเดียวนั่นเทียว. ทุกขสัจจะ บุคคลย่อมได้ใน

จตุและปฏิสนธิบ้าง ในปวัตติกาลบ้าง. แต่กาล ๓ มีปัจจุบันกาลเป็นต้น

บุคคลย่อมได้ แม้ในจุติและปฏิสนธิบ้าง ในปวัตติกาลบ้าง. บุคคลย่อม

ได้สัจจะใด ๆ ในสัจจยมกนี้ พึงทราบอรรถวินิจฉัยด้วยอำนาจแห่งสัจจะ

นั้น ๆ ด้วยประการอย่างนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1061

พึงทราบนัยมุขในสัจจยมกนั้นดังต่อไปนี้. สองบทว่า สพฺเพส

อุปปชฺชนฺตาน ความว่า โดยที่สุด แม้แก่ชั้นสุทธาวาส. ก็เทวดา

ชั้นสุทธาวาส แม้เหล่านั้น ย่อมเกิดด้วยทุกขสัจจะนั่นเทียว. คำนี้ว่า

ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส ท่านกล่าวไว้แล้วเพื่อแสดงการอุบัติแห่งส่วน

หนึ่งในทุกขสัจจะและสมุทยสัจจะ. เพราะฉะนั้น คำนั้นพึงถือเอาด้วย

อำนาจปัญจโวการภพนั่นเทียว. แต่ในจตุโวการภพ คำนี้ว่า สัจจะแม้

อย่างหนึ่ง ย่อมไม่เกิดขึ้นในอุปปาทักขณะของผลสมาบัติ จิตที่สัมปยุต

ด้วยตัณหา ดังนี้ บัณฑิตไม่ควรถือเอาในสัจจยมกนี้. สองบทว่า เตส

ทุกฺขสจฺจญฺจ ความว่า ชื่อว่า ทุกขสัจจะที่เหลือ เว้นตัณหาเสีย

ย่อมมีในขณะนั้น คำนั้นท่านกล่าวหมายเอาทุกขสัจจะนั้น. แม้ในอุป-

ปาทขณะแห่งมรรค ก็มีนัยนี้เหมือนกัน. แต่ในสัจจยมกนั้นรูปนั่น

เทียว ชื่อว่า ทุกขสัจจะ ธรรมทั้งหลายที่สัมปยุตด้วยมรรคที่เหลือ

เป็นธรรมที่พ้นดีแล้วจากสัจจะ. เพราะเหตุนั้นนั่นแล ท่านจึงกล่าว

แล้วว่า มรรคสัจจะย่อมเกิดขึ้นแก่ชนเหล่านั้น ในอุปปาทักขณะแห่ง

มรรคในอรูป แต่ทุกขสัจจะย่อมไม่เกิดขึ้นแก่ชนเหล่านั้น. พึงทราบ

โอกาสด้วยอำนาจขณะในสัจจยมกนี้อย่างนี้ว่า ในขณะแห่งการอุบัตินั้น

และในขณะแห่งการอุบัติขึ้นของจิตที่วิปปยุตด้วยตัณหาของชนเหล่านั้น

ว่า ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตด้วยตัณหาที่เป็นไปของผู้เกิดอยู่

ทั้งหมด ในอุปปาทขณะของผู้เกิดอยู่ทั้งหมดเหล่านั้น. ในสัจจะที่มีรูป

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1062

อย่างนั้น แม้เหล่าอื่น ก็มีนัยนี้เหมือนกัน. บทว่า อนภิสเมตาวีน

ได้แก่ สัตว์ผู้ไม่บรรลุอภิสมัย กล่าวคือจตุสัจจปฏิเวธ คือการแทงตลอด

สัจจะ ๔. บทว่า อภิสเมตาวีน ได้แก่ อภิสมิตสัจจะ คือสัจจะที่

สงบยิ่ง. พึงทราบอรรถวินิจฉัยในบททั้งปวง โดยนัยมุขนี้.

ก็ในปริญญวาระ บุคคลย่อมได้ปริญญา ๓ คือ ญาตปริญญา

ตีรณปริญญา ปหานปริญญา. ก็เพราะชื่อว่า ปริญญา ย่อมไม่มีใน

โลกุตรธรรมทั้งหลาย ฉะนั้น สัจจะ ๒ ท่านจึงถือเอาแล้วในสัจจ-

ยมกนี้. คำว่า ทุกขสจฺจ ปริชานาติ ในสัจจยมกนั้น ท่านกล่าวไว้

แล้วด้วยอำนาจญาตปริญญา และตีรณปริญญา. คำว่า สมุทยสจฺจ

ปชหติ ท่านกล่าวไว้แล้วด้วยอำนาจญาตปริญญา และปหานปริญญา,

พึงทราบเนื้อความในบททั้งปวงด้วยอำนาจแห่งปริญญาทั้งหลายเหล่านี้

ด้วยประการฉะนี้แล.

อรรถกถาสัจจยมก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1063

สังขารยมกที่ ๖

ปัณณัตติวาระ

[๑๐๒๓] สังขาร ๓ คือ กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร.

ลมอัสสาสะและปัสสาสะ ชื่อว่า กายสังขาร

วิตกและวิจาร ชื่อว่า วจีสังขาร

สัญญาและเวทนา ชื่อว่า จิตตสังขาร ธรรมที่สัมปยุตด้วยจิต

แม้ทั้งหมด ( เว้นวิตกและวิจาร ) ชื่อว่า จิตตสังขาร.

อุทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

[๑๐๒๔] ธรรมที่ชื่อว่ากาย ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ากายสังขาร ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1064

ธรรมที่ชื่อว่าวจี ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวจีสังขาร ชื่อว่าวจี ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจิต ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจิตตสังขาร ชื่อว่าจิต ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1065

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

[๑๐๒๕] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ไม่ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจี ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ไม่ชื่อว่าวจี ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิต ไม่ชื่อว่าจิตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ไม่ชื่อว่าจิต ใช่ไหม ?

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1066

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

[๑๐๒๖] ธรรมที่ชื่อว่ากาย ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ากาย ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวจี ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวจี ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจิต ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจิต ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1067

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๑๐๒๗] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจี ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจี ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิต ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิต ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1068

สุทธขันธวาระ อนุโลม

[๑๐๒๘] ธรรมที่ชื่อว่ากายสังขาร ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวจีสังขาร ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่ากายสังขาร ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจิตตสังขาร ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าวจีสังขาร ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ชื่อว่าจิตตสังขาร ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

สุทธขันธวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1069

สุทธขันธวาระ ปัจจนิก

[๑๐๒๙] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร

ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

สุทธขันธวาระ ปัจจนิก จบ

อุทเทสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1070

นิทเทสวาระ

ปทโสธนวาระ อนุโลม

[๑๐๓๐] ธรรมที่ชื่อว่ากาย ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่

ธรรมที่ชื่อว่ากายสังขาร ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

ไม่ใช่

ธรรมที่ชื่อว่าวจี ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่

ธรรมที่ชื่อว่าวจีสังขาร ชื่อว่าวจี ใช่ไหม ?

ไม่ใช่

ธรรมที่ชื่อว่าจิต ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่

ธรรมที่ชื่อว่าจิตตสังขาร ชื่อว่าจิต ใช่ไหม ?

ไม่ใช่

ปทโสธนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1071

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก

[๑๐๓๑] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

กายสังขาร ไม่ชื่อว่ากาย แต่ชื่อว่ากายสังขาร เว้นกายและ

กายสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่ากายและไม่ชื่อว่ากายสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายสังขาร, ไม่ชื่อว่ากาย ใช่ไหม ?

กาย ไม่ชื่อว่ากายสังขาร แต่ชื่อว่ากาย, เว้นกายและกายสังขาร

เสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่ากายและไม่ชื่อว่ากายสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจี, ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

วจีสังขาร ไม่ชื่อว่าวจี แต่ชื่อว่าวจีสังขาร, เว้นวจีและวจีสังขาร

เสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าวจีและไม่ชื่อว่าวจีสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร, ไม่ชื่อว่าวจี ใช่ไหม ?

วจี ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ไม่ชื่อว่าวจี, เว้นวจีและวจีสังขาร

เสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าวจีและไม่ชื่อว่าวจีสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิต, ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

จิตตสังขาร ไม่ชื่อว่าจิต แต่ชื่อว่าจิตตสังขาร, เว้นจิตและ

จิตตสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าจิตและไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร, ไม่ชื่อว่าจิต ใช่ไหม ?

จิต ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร แต่ชื่อว่าจิต, เว้นจิตและจิตตสังขาร

เสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าจิตและไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร.

ปทโสธนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1072

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม

[๑๐๓๒] ธรรมที่ชื่อว่ากาย, ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

วจีสังขาร ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่าวจีสังขารด้วย, สังขาร

ที่เหลือ ชื่อว่าสังขาร แต่ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร.

ธรรมที่ชื่อว่ากาย ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

จิตตสังขาร ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่าจิตตสังขารด้วย, สังขาร

ที่เหลือ ชื่อว่าสังขาร แต่ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร.

ธรรมที่ชื่อว่าวจี, ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

กายสังขาร ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่ากายสังขารด้วย, สังขาร

ที่เหลือ ชื่อว่าสังขาร แต่ไม่ชื่อว่ากายสังขาร.

ธรรมที่ชื่อว่าวจี, ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1073

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

จิตสังขาร ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่าจิตสังขารด้วย, สังขาร

ที่เหลือ ชื่อว่าสังขาร แต่ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร.

ธรรมที่ชื่อว่าจิต, ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

กายสังขาร ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่ากายสังขารด้วย, สังขาร

ที่เหลือ ชื่อว่าสังขาร แต่ไม่ชื่อว่ากายสังขาร.

ธรรมที่ชื่อว่าจิต, ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าสังขาร, ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

วจีสังขาร ชื่อว่าสังขารด้วย ชื่อว่าวจีสังขารด้วย, สังขาร

ที่เหลือ ชื่อว่าสังขาร แต่ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร.

ปทโสธนมูลจักกวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1074

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก

[๑๐๓๓] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

กายสังขาร ไม่ชื่อว่ากาย แต่ชื่อว่ากายสังขาร, เว้นกายและ

กายสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่ากายและไม่ชื่อว่ากายสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากาย, ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

กายสังขาร ไม่ชื่อว่ากาย แต่ชื่อว่ากายสังขาร, เว้นกายและ

กายสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่ากายและไม่ชื่อว่ากายสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจี, ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

วจีสังขาร ไม่ชื่อว่าวจี, แต่ชื่อว่าวจีสังขาร, เว้นวจีและวจีสังขาร

เสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าวจีและไม่ชื่อว่าวจีสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจี, ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1075

วจีสังขาร ไม่ชื่อว่าวจี แต่ชื่อว่าวจีสังขาร, เว้นวจีและวจีสังขาร

เสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าวจีและไม่ชื่อว่าวจีสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิต, ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

จิตตสังขาร ไม่ชื่อว่าจิต แต่ชื่อว่าจิตตสังขาร, เว้นจิตและ

จิตตสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าจิตและไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ใช่.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิต, ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

จิตตสังขาร ไม่ชื่อว่าจิต แต่ชื่อว่าจิตตสังขาร, เว้นจิตและ

จิตตสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าจิตและไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าสังขาร, ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ใช่.

ปทโสธนมูลจักกวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1076

สุทธขันธวาระ อนุโลม

[๑๐๓๔] ธรรมที่ชื่อว่ากายสังขาร, ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าวจีสังขาร, ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่ากายสังขาร, ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าจิตตสังขาร, ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าวจีสังขาร ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ธรรมที่ชื่อว่าจิตตสังขาร, ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

สุทธขัตธวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1077

สุทธขันธวาระ ปัจจนิก

[๑๐๓๕] ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายสังขาร, ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร

ใช่ไหม ?

วจีสังขาร ไม่ชื่อว่ากายสังขาร แต่ชื่อว่าวจีสังขาร, เว้นกาย-

สังขารและวจีสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่ากายสังขารและไม่ชื่อ

ว่าวจีสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร, ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

กายสังขาร ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร แต่ชื่อว่ากายสังขาร, เว้น

วจีสังขารและกายสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าวจีสังขารและ

ไม่ชื่อว่ากายสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่ากายสังขาร, ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

จิตตสังขาร ไม่ชื่อว่ากายสังขาร แต่ชื่อว่าจิตตสังขาร, เว้น

กายสังขารและจิตตสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่ากายสังขาร

และไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร, ไม่ชื่อว่ากายสังขาร ใช่ไหม ?

กายสังขาร ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร แต่ชื่อว่ากายสังขาร, เว้น

จิตตสังขารและกายสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร

และไม่ชื่อว่ากายสังขาร.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1078

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร, ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร ใช่ไหม ?

จิตตสังขาร ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร แต่ชื่อว่าจิตตสังขาร เว้น

วจีสังขารและจิตตสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าวจีสังขารและ

ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร.

ธรรมที่ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร, ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร ใช่ไหม ?

วจีสังขาร ไม่ชื่อว่าจิตตสังขาร แต่ชื่อว่าวจีสังขาร เว้น

จิตตสังขารและวจีสังขารเสียแล้ว ธรรมที่เหลือไม่ชื่อว่าจิตตสังขารและ

ไม่ชื่อว่าวจีสังขาร.

สุทธขันธวาระ ปัจจนิก จบ

นิทเทสวาระ จบ

ปัณณัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1079

ปวัตติวาระ

อุปปาทวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๓๖] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นวิตกและวิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัส-

สาสะ กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี กาย-

สังขารกำลังเกิด และวจีสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและ

วิจาร วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลัง

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1080

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังเช่าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี วจี-

สังขารกำลังเกิด และกายสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๓๗] กาย สังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตต-

สังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขาร

กำลังเกิด และกายสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1081

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๓๘] วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นวิตกและวิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตตสังขาร

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้น, ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารกำลังเกิด และ

วจีสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1082

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๓๙] กายสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, วจีสังขารก็กำลัง

เกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในทุติยฌาน ในตติยฌาน กายสังขารกำลังเกิดในภูมินั้น แต่

วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปฐมฌาน ในกามาวจรภูมิ กาย-

สังขารกำลังเกิด และวจีสังขารก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, กายสังขารก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ วจีสังขารกำลังเกิดในภูมินั้น

แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปฐมฌาน ในกามาวจรภูมิ

วจีสังขารกำลังเกิด และกายสังขารก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๔๐] กายสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, จิตตสังขารก็กำลัง

เกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1083

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, กายสังขารก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในจตุตถฌาน ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ จิตตสังขาร

กำลังเกิดในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปฐม-

ฌาน ในทุติยฌาน ในตติยฌาน ในกามาวจรภูมิ จิตตสังขารกำลัง

เกิด และกายสังขารก็กำลังเกิดขึ้นภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๔๑] วจีสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, จิตตสังขารก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, วจีสังขารก็กำลังเกิด

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1084

ในทุติยฌาน ในตติยฌาน ในจตุตถฌาน จิตตสังขารกำลัง

เกิดในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น, ในปฐมฌาน

ในกามาวจรภูมิ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ จิตตสังขารกำลังเกิด

และวจีสังขารก็กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๔๒] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯลฯ

ปุคคลวาระก็ดี ปุคคโลกาสวาระก็ดี เป็นเช่นเดียวกัน.

กายสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1085

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๔๓] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและ

วิจาร กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งอวิตักกอวิจารจิต

ก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นวิตกและวิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัส-

สาสะ วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1086

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งอวิตักกอวิจารจิต

ก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๔๔] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต กาย-

สังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตสังขารกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดก็ดี บุคคลที่

กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กาย-

สังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้น.

ก็หรือว่า จิตสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1087

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๔๕] วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นวิตกและวิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต วจีสังขาร

ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดก็ดี บุคคลที่

กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจี-

สังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1088

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูล วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๔๖] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด

ในภูมินั้น แต่วจีสังขารกำลังเกิดในภูมินั้น, ในจตุตถฌาน ในอสัญญ-

สัตตภูมิ กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในทุติยฌาน ในตติยฌาน วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น

แต่กายสังขารกำลังเกิดในภูมินั้น, ในจตุตถฌาน ในอสัญญสัตตภูมิ

วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1089

กายสังขารมูล จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๔๗] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในจตุตถฌาน ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ กายสังขาร

ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น แต่จิตตสังขารกำลังเกิดในภูมินั้น, ในอสัญญ-

สัตตภูมิ กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๔๘] วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในทุติยฌาน ในตติยฌาน ในจตุตถฌาน วจีสังขารไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น แต่จิตตสังขารกำลังเกิดในภูมินั้น, ในอสัญญ-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1090

สัตตภูมิ วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

กำลังเกิดในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๔๙] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและ

วิจาร กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจี-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1091

สังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งจิตของ

บุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาท-

ขณะแห่งอวิตักกอวิจารจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กาย-

สังขารไม่ใช่กำลังเกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

ปุคคลวาระก็ดี ปุคคโลกาสวาระก็ดี ก็พึงให้พิสดารเช่นเดียวกัน

คำว่า นิโรธสมาปนฺนาน - บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ ย่อม

ไม่ได้ในปุคคโลกาสวาระ.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1092

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๕๐] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็เคยเกิดแก่บุคคล

นั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1093

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้น

ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๕๑] กายสังขารเคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

แม้โอกาสวาระ ในภูมิใด เป็นเช่นเดียวกันทุกวาระ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1094

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๕๒] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌานก็ดี เข้าตติยฌานก็ดี กายสังขาร

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

กามาวจรภูมิก็ดี กายสังขารเคยเกิด และวจีสังขารก็เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี วจีสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารเคยเกิด และกายสังขารก็เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1095

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๕๓] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี บุคคล

ซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารเคยเกิด และกายสังขารก็เคย

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขาร มูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๕๔] วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1096

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌานอยู่ก็ดี เมื่อ

ทุติยจิตเกิดขึ้นแก่บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี จิตตสังขารเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลซึ่งเกิดอยู่ใน

กามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่นอกจากนั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ

ก็ดี จิตตสังขารเคยเกิด และวจีสังขารก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1097

อตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๕๕] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด จิตตสังขารก็ไม่ใช่เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็

ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1098

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็ไม่ใช่เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๕๖] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1099

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๕๗] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจร-

ภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจี-

สังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌาน

อยู่ก็ดี เมื่อทุติยจิตเกิดขึ้นแก่บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยเกิด และวจีสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน เข้าตติยฌาน วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี เมื่อทุติยจิตเกิดขึ้นแก่

บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิด และกายสังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1100

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๕๘] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังเกิดขึ้นสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

กายสังขารไม่ใช่เคยเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่า-

นั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๕๙] วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1101

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌานอยู่ก็ดี เมื่อ

ทุติยจิตเกิดขึ้นแก่บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาสภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

อตีตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1102

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๖๐] กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็จักเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น วจีสังขารจักเกิด

และกายสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1103

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๖๑] กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จิตตสังขารจักเกิด

และกายสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๖๒] วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1104

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใด จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จิตตสังขารจักเกิด และ

วจีสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๖๓] กายสังขารจักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1105

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๖๔] กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ กายสังขารจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี กายสังขาร

จักเกิด และวจีสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขารจักเกิด

แก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ในรูปาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ใน

กามาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารจักเกิด และกายสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1106

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูล :-

[๑๐๖๕] กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจร-

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ-

นั้น, บุคคลที่เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่นอก

จากนั้นเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารจักเกิด และกายสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1107

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๖๖] วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าทุตติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌานอยู่ก็ดี จิตต-

สังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่เข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลนอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปา-

วจรภูมิก็ดี จิตตสังขารจักเกิด และวจีสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1108

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๖๗] กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามารวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ ในอรูปวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน

บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วย

ปรินิพพานจิตก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดใน

ลำดับแห่งจิตใดก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1109

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๖๘] กายสังขารไม่ใช่จักเกิด แก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน

บุคคลเหล่านั้นกำลังตายก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่จิตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ถึงพร้อมด้วย

ปรินิพพานจิต กายสังขารไม่ใช่จักเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบกายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1110

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๖๙] วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใด วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิต วจีสังขารไม่ใช่

จักเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1111

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๗๐] กายสังขารไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๗๑] กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารที่ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตก็ดี ปัจฉิมจิต

ของบุคคลทีไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1112

กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กาย-

สังขารไม่ใช่จักเกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มี

วิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถ-

ฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด

และกายสังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๗๒] กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี บุคคลที่เข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1113

บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๗๓] วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าทุตติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌานอยู่ก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1114

วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด และจิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

อนาคตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1115

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๗๔] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ วจีสังขารเคยเกิด และกายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1116

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๗๕] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตสังขารก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กาย-

สังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะ

ปัสสาสะ จิตตสังขารเคยเกิด และกายสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1117

วจีสังขารมูละ

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๗๖] วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็เคย

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติ

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะ

แห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารเคยเกิด และวจีสังขารก็กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1118

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๗๗] กายสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๗๘] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1119

ที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของ

บุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี กายสังขารกำลังเกิด และวจีสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ในภังค-

ขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในเอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

รูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลซึ่งเกิดยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี วจีสังขาร

เคยเกิด และกายสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๗๙] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1120

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารเคยเกิด

และกายสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๘๐] วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1121

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารเคยเกิด และวจี-

สังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1122

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๘๑] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่

ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๘๒] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1123

เคยเกิด.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๘๓] วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยเกิดบุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1124

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๘๔] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๘๕] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ ในภังค-

ขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1125

รูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ใน

ภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ เว้น

ลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลัง

เข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี เมื่อทุติยจิตเกิดขึ้นแก่บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาส-

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด

และวจีสังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่ง

ลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

เข้าทุติยฌาน ตติตฌานอยู่ก็ดี ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ

ของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ใน

อุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี เมื่อทุติยจิต

เกิดขึ้นแก่บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิด และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1126

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๘๖] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิด,ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1127

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๘๗] วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอลัญญสัตตภูมิ

ก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยเกิดบุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1128

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๘๘] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ วจีสังขารจักเกิด และกายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1129

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๘๙] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จัก

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารจักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารจักเกิด และกายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๙๐] วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1130

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและวิจาร วจีสังขารกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารของบุคคลที่นอกจากนั้น วจีสังขาร

กำลังเกิด และจิตตสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติ

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาท-

ขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารจักเกิด และวจีสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1131

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๙๑] กายสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๙๒] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่ง

ลมอัสสาสะปัสสาสะ กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้า

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1132

ปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลซึ่ง

เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี กายสังขารกำลังเกิด และวจีสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี ในภังค-

ขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

รูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสา-

สะของบุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารจักเกิด และกาย-

สังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๙๓] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1133

ใช่.

ก็หรือว่า จิตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารจักเกิด

และกายสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๙๔] วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและวิจาร วจีสังขารกำลัง

เกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1134

เหล่านั้นในภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารของบุคคลที่นอก

จากนั้น วจีสังขารกำลังเกิด และจิตตสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดบุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขารก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารจักเกิด และวจีสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1135

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๙๕] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เข้านิโรธสมาบัติ

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่ถึง

พร้อมด้วยปรินิพพานจิตก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร

เกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และวจีสังขารก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1136

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๙๖] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เข้านิโรธสมาบัติ

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่ถึง

พร้อมด้วยปรินิพพานจิต กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๐๙๗] วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1137

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่ง

ปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่

มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่

ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดบุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมที่มีวิตกและมีวิจาร จิตตสังขารไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วย

ปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิด และ

วจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1138

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๐๙๘] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๐๙๙] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1139

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตก็ดี ปัจฉิมจิตของ

บุคคลที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่

กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ

ของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ใน

ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และวจีสังขาร

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่ง

ลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ถึง

พร้อมด้วยปรินิพพานจิตก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร

จักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่

ก็ดี ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่

กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจี-

สังขารไม่ใช่จักเกิด และกายสังขารก็ไม่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1140

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๐๐] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1141

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๐๑] วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อม

ด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจาร จิตตสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1142

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิด และวจีสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1143

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๐๒] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่

มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี กายสังขารเคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่

นอกจากนั้น กายสังขารเคยเกิด และวจีสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1144

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๐๓] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิต กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่เหลือ

นอกนั้น กายสังขารเคยเกิด และจิตสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๐๔] วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1145

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิต วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอก

จากนั้น วจีสังขารเคยเกิด และจิตตสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๐๕] กายสังขารเคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1146

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๐๖] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคล

ที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิที่นอกจากนั้น

ก็ดี กายสังขารเคยเกิด และวจีสังขารก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขารก็

เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี

บุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารจักเกิด และกายสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1147

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๐๗] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตในกามาวจรภูมิ กายสังขาร

เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน

อยู่ก็ดี บุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิที่นอกจากนั้นก็ดี กายสังขาร

เคยเกิด และจิตตสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลซึ่งเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ

ก็ดี ในอรูปาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลัง

เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี บุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจร

ภูมิ จิตตสังขารจักเกิด กายสังขารก็เคยเกิดแก่บุคคลบุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1148

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๐๘] วจีสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตในภูมิที่มีวิตกและมีวิจาร วจี-

สังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่นอกจากนั้นในภูมิที่มีวิตกและมี

วิจาร วจีสังขารเคยเกิด และจิตตสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขารก็

เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภูมิที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภูมิที่มีวิตกและมีวิจาร จิตตสังขารจักเกิด และวจีสังขารก็เคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1149

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๐๙] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๑๐] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1150

ไม่มี.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่

ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๑๑] วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม้ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยเกิด.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1151

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๑๒] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๑๓] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิด แก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขาร

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตก

และมีวิจารในรูปาวจรภูมิ และอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วย

ปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1152

วิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถ-

ฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคย

เกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารในรูปาวจรภูมิ และอรูปา-

วจรภูมิก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด และกายสังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1153

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๑๔] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลซึ่งเกิดอยู่ในรูปาวจร

ภูมิ และอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ถึง

พร้อมด้วยปรินิพพานจิตในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยเกิด และจิตตสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตในกามาวจรภูมิ จิตตสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตในรูปาวจรภูมิ

ในอรูปวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขาร

ไม่ใช่จักเกิด และกายสังขารก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1154

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๑๕] วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภูมิที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตในภูมิที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิด และจิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตในภูมิที่มีวิตกและมีวิจาร จิตต-

สังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารเคยเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตในภูมิที่

ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตต-

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1155

สังขารไม่ใช่จักเกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่เคยเกิด แก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

อุปปาทวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1156

นิโรธวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๑๖] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นวิตกและวิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ

กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในภังคขณะแห่ง

ลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี กายสังขาร

กำลังดับ และวจีสังขารก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร

วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1157

บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในภังคขณะแห่งลม

อัสสาสะปัสสาสะของบุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารกำลัง

ดับ และกายสังขารก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๑๗] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต จิตต-

สังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารกำลังดับ

และกายสังขารก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1158

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๑๘] วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นวิตกและวิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต จิตตสังขาร

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารกำลังดับ และวจีสังขารก็

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1159

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[ ๑๑๑๙ ] กายสังขารกำลังดับในภูมิใด, วจีสังขารก็กำลังดับ

ในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในทุติยฌานภูมิก็ดี ในตติยฌานภูมิก็ดี กายสังขารกำลังดับ

ในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับในภูมินั้น ฯ ล ฯ

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๒๐] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1160

ปุคคลวาระก็ดี ปุคคโลกาสวาระก็ดี มีการจำแนกเช่นเดียวกัน.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1161

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๒๑] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร

กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้น

ลมอัสสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจารก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ และวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่

ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นวิตกและวิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ

วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารกำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1162

ลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจารก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบิตอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญ-

สัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๒๒] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต กาย-

สังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตสังขารกำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น, ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดก็ดี บุคคล

ที่เข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กาย-

สังขารไม่ใช่กำลังดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1163

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๒๓] วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เว้นวิตกและวิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต วจีสังขารไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

นิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขาร

ไม่ใช่กำลังดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1164

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๒๔] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๒๕] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร

กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารกำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่า

นั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตที่ไม่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1165

มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขาร

ไม่ใช่กำลังดับ และวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ปุคคลวาระก็ดี ปุคคโลกาสวาระก็ดี ก็พึงให้พิสดารเช่นเดียวกัน

คำว่า นิโรธสมาปนฺนาน บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ ไม่พึง

กระทำในปุคคโลกาสวาระ.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1166

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๒๖] กายสังขารเคยดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ก็หรือว่า วจีสังขารเคยดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ในอุปปาทวาระ ปุจฉาในอตีตวาระที่เป็นปุคคลวาระก็ดี ปุคค-

โลกาสวาระก็ดี ทั้งที่เป็นอนุโลมและปัจจนิก ท่านจำแนกไว้โดยประการ

โด แม้ในนิโรธวาระ ก็พึงจำแนกโดยประการนั้น ไม่มีอะไรต่างกัน.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

อตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1167

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๒๗] กายสังขารจักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขาร

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลที่นอกจากนั้น วจีสังขารจักดับ

และกายสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1168

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๒๘] กายสังขารจักดับแก่บุคคลใด จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขาร

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จิตตสังขารจักดับ

และกายสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1169

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๒๙] วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิม-

จิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดขึ้นลำดับแห่งจิตใดก็ดี จิตตสังขาร

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

บุคคลที่นอกจากนั้น จิตตสังขารจักดับ และวจีสังขารก็จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1170

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๓๐] กายสังขารจักดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๓๑] กายสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ กายสังขารจักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจร-

ภูมิก็ดี กายสังขารจักดับ และวจีสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1171

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี

บุคคลที่นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารจักดับ และ

กายสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๓๒] กายสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1172

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่

นอกจากนั้นที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารจักดับ และกาย-

สังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๓๓] วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1173

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิม-

จิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลัง

เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌานอยู่ก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จับดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี

บุคคลที่นอกจากนั้นเกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี จิตต-

สังขารจักดับ และวจีสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1174

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๓๔] กายสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตก

และมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี

กายสังขารไม่ใช่จักดับ และวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1175

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๓๕] กายสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดขึ้นลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต กาย-

สังขารไม่ใช่จักดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1176

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๓๖] วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจ-

ฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี วจีสังขาร

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น และจิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต วจีสังขารไม่ใช่จักดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลนั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

จัดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1177

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๓๗] กายสังขารไม่ใช่จักดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๓๘] กายสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับ แห่งจิต

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1178

ใดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขาร

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตก

และมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี

บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

กายสังขารไม่ใช่จักดับ และวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ วจีสังขารไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่

ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มี

วิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถ-

ฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักดับ

และกายสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1179

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๓๙] กายสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌาณอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กาย-

สังขารไม่ใช่จักดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1180

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๔๐] วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจ-

ฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่เข้า

ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌานอยู่ก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจี-

สังขารไม่ใช่จักดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1181

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๔๑] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารเคยดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะสู่เสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารเคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ วจีสังขารเคยดับ และกายสังขาร

ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1182

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๔๒] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็เคย

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารเคยดับ และกายสังขาร

ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1183

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๔๓] วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็เคยดับ

แก่บุคคล นั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้นใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติ

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะ

แห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารเคยดับ และวจีสังขารก็กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1184

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๔๔] กายสังขารกำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๔๕] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในภังคขณะแห่ง

ลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่วจีสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้า

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1185

ปฐมฌานซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัส-

สาสะก็ดี กายสังขารกำลังดับ และวจีสังขารก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งลม-

อัสสาสะปัสสาสะของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี เว้นลมอัสสาสะ-

ปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี วจีสังขาร

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในภังค

ขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี วจี

สังขารเคยดับ และกายสังขารก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๔๖] กายสังขารกำลังดับ แก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1186

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต จิตตสังขารเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น, ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารเคยดับ และ

กายสังขารก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๔๗] วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1187

ก็หรือว่า จิตตสังขารเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต จิตตสังขารเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ใน

ภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารเคยดับ และวจีสังขารก็กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1188

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๔๘] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๔๙] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1189

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๕๐] วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1190

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๕๑] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๕๒] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งลม-

อัสสาสะปัสสาสะของบุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขาร

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1191

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ ใน

อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ เว้น

ลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

จตุตถฌานอยู่ก็ดี เมื่อทุติยจิตกำลังเป็นไปแก่บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธา-

วาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลัง

ดับ และวจีสังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในภังคขณะแห่ง

ลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี วจีสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลกำลัง

เข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของ

บุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะ

แห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี เมื่อทุติยจิตกำลังเป็นไป

แก่บุคคลที่เกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี วจีสังขารไม่ใช่เคยดับ และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1192

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๕๓] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1193

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๕๔] วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารเคยแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

บุคคลที่กำลังเกิดอยู่ในสุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตต-

ภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1194

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๕๕] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารกำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารจักดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ วจีสังขารจักดับ และกายสังขารก็

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1195

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๕๖] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลม

อัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

นิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขาร

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารจักดับ และกายสังขาร

ก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๕๗] วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1196

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจาร วจสังขารกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งวิตกและวิจารของบุคคลที่นอกจากนั้น วจีสังขารกำลังดับ

และจิตตสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลังดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารจักดับ

และวจีสังขารก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1197

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๕๘] กายสังขารกำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๕๙] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในภังคขณะแห่ง

ลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้า

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1198

ปฐมฌานอยู่ก็ดี ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลที่เกิด

อยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี กายสังขารกำลังดับ และวจีสังขารก็จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขารก็

กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งลม

อัสสาสะปัสสาสะของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี วจีสังขาร

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลซึ่งเกิด

อยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี วจี-

สังขารจักดับ และกายสังขารก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๖๐] กายสังขารกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1199

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต จิตตสังขารจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารจักดับ และ

กายสังขารก็กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น ในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๖๑] วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจาร วจีสังขารกำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่า

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1200

นั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจารของบุคคลที่นอกจากนั้น

วจีสังขารกำลังดับ และจิตตสังขารก็จับดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ใน

ภังคขณะแห่งวิตกและมีวิจาร จิตตสังขารจักดับ และวจีสังขารก็กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1201

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๖๒] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปริ-

นิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ และวจี-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1202

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๖๓] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ และจิตตสังขารก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๖๔] วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1203

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะ

แห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ และ

จิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจาร จิตตสังขารไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ

และวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1204

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๖๕] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๖๖] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลไดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี ในปุปปาทขณะแห่งลม

อัสสาสะปัสสาสะของบุคคลซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขาร

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1205

ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิม-

จิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลัง

เข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ

ของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ใน

ภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่

ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ และวจีสังขารก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในภังคขณะแห่ง

ลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น แต่กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะ

แห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิต

ที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิด

ในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี

ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลัง

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1206

เข้าจตุตถฌาณอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่

ใช่จักดับ และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๖๗] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัส-

สาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี

กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1207

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๖๘] วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจาร จิตตสังขารไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นแต่วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1208

บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ และวจี-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนาคตวาระ ปัจจนิก จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1209

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูล วจีสงขารมูลี :-

[๑๑๖๙] กายสังขารเคยดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึง

พร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตก

และไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี กายสังขารเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจาก

นั้น กายสังขารเคยดับ และวจีสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๗๐] กายสังขารเคยดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1210

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต กายสังขารเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น กาย-

สังขารเคยดับ และจิตตสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

วจีสังขารเคยดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับแก่บุคคลนั้น

ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต วจีสังขารเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น วจี-

สังขารเคยดับ และจิตตสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1211

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๗๑] กายสังขารเคยดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๗๒] กายสังขารเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตตในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

ทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี กายสังขารเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้า

ปฐมฌานซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิที่นอกจากนั้น กายสังขารเคยดับ

และวจีสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1212

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขารก็

เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานซึ่งเกิด

อยู่ในกามาวจรภูมิ วจีสังขารจักดับ และกายสังขารก็เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๗๓] กายสังขารเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ กายสังขารเคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี

บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิที่นอกจากนั้นก็ดี กายสังขารเคยดับ และ

จิตตสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1213

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขารก็

เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ

ในอรูปาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

กายสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้า

ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

จิตตสังขารจักดับ และกายสังขารก็เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๗๔] วจีสังขารเคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในภูมิที่มีวิตกและมีวิจาร วจีสังขาร

เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1214

เหล่านั้นในภูมินั้น, ในภูมิที่มีวิตกและมีวิจารที่นอกจากนั้น วจีสังขาร

เคยดับ และจิตตสังขารก็จับดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภูมิที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภูมิที่มีวิตกและมีวิจาร จิตตสังขารจักดับ และวจีสังขารก็เคยดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1215

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๗๕] กายสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่

ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๗๖] กายสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1216

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่

ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๗๗] วจีสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่มี.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

เคยดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

เคยดับ.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1217

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๗๘] กายสังขารไม่ใช่เคยดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๗๙] กายสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ

ก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารจัก

ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมที่จิตที่มีวิตกและมี

วิจารในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพ-

พานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1218

จักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคล

ที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยดับ และวจีสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

ทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น แต่กายสังขารเคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังค-

ขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี

บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิต

ที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

จตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่

จักดับ และกายสังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๘๐] กายสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1219

บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยดับ และจิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ จิตตสังขารไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารเคยดับแก่บุคคลเหล่า

นั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจร-

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ

และกายสังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๘๑] วจีสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1220

ในภูมิที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร วจีสังขารไม่ใช่เคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในภูมิที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่เคยดับ และจิตตสังขารก็ไม่ใช่

จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในภูมิที่มีวิตกและมีวิจาร จิตตสังขาร

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารเคยดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในภูมิที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจารก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ

และวจีสังขารก็ไม่ใช่เคยดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ

นิโรธวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1221

อุปปาทนิโรธวาระ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๘๒] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลัง

ดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูละ :-

กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็กำลังดับแก่บุคคล

นั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1222

ก็หรือว่า จิตตสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลัง

เกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็กำลังดับแก่บุคคล

นั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารกำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ไม่ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1223

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี:-

กายสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, วจีสังขารก็กำลังดับในภูมินั้น

ใช่ไหม ?

ในทุติยฌานก็ดี ในตติยฌานก็ดี กายสังขารกำลังเกิดในภูมินั้น

แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับในภูมินั้น ฯลฯ คำว่า โอกาสะ นอกจากนี้

เป็นเช่นเดียวกัน.

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

แม้ในปุคคโลกาสวาระก็มีการจำแนกเช่นเดียวกันกับปุคคลวาระ.

กายสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1224

ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๘๓] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น, เว้นลม

อัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าไม่ใช่กำลังเกิด

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด

และวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ วจีสังขารไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เว้น

ลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในภังคขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1225

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ

และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๘๔] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด กายสังขารไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่

กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กาย-

สังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาส จิตตสังขารไม่ใช่กำลัง

ดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เว้นลม

อัสสาสะปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1226

นิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขาร

ไม่ใช่กำลังดับ และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๘๕] วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด วจีสังขารไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารกำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

เว้นวิตกและวิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

นิโรธสมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขาร

ไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1227

ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่

บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, เว้นวิตก

และวิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารไม่ใช่

กำลังดับ และวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๘๖] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1228

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๘๗] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, ฯลฯ

แม้ในปุคคโลกาสวาระ ก็เป็นเช่นเดียวกันกับปุคคลวาระ คำว่า

นิโรธสมาปนฺนาน - บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ ย่อมไม่ได้ใน

ปุคคโลกาสวาระ.

กายสังขารมูล จบ

ปุคคโลกาสวาระ จบ

ปัจจุปปันนวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1229

อตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๘๘] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ปุจฉาที่เป็นอดีต แม้ในอุปปาทวาระก็ดี แม้ในนิโรธวาระก็ดี

แม้ในอุปปาทนิโรธวาระก็ดี พึงจำแนกให้พิสดารเช่นเดียวกัน.

อตีตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1230

อนาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๘๘] กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น วจีสังขารจักดับ

และกายสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1231

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๙๐] กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จิตตสังขารจักดับ

และกายสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๑๙๑] วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1232

ใช่.

ก็หรือว่า จิตสังขารจักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจาร จักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น จิตต-

สังขารจักดับ และวจีสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๙๒] กายสังขารจักเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1233

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี:-

[๑๑๙๓] กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ กายสังขารจักเกิดแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในกามา-

วจรภูมิก็ดี กายสังขารจักเกิด และวจีสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจร

ภูมิก็ดี วจีสังขารจักดับแกบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌาน

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิที่นอกจากนั้นก็ดี วจีสังขาร

จักดับ และกายสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1234

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี:-

[๑๑๙๔] กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือ จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจร-

ภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ-

นั้น, บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่

เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิที่นอกจากนั้นก็ดี จิตตสังขารจักดับ และกาย-

สังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1235

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี:-

[๑๑๙๕] วจีสังขารจักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจาร จักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌาน

จตุตถฌานอยู่ก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น บุคคลที่กำลังเข้า

ปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่นอกจากนั้น

ซึ่งเกิดยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิก็ดี จิตตสังขารจักดับ และ

วจีสังขารก็จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

อนาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1236

อนาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๑๙๖] กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตก

และมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร จักเกิดในลำดับแห่งจิตใด

ก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1237

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี:-

[๑๑๙๗ ] กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคล

เหล่าใดจักเกิดในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน บุคคล

เหล่านั้นกำลังตายก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่

จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต กาย-

สังขารไม่ใช่จักเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี:-

[๑๑๙๘] วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1238

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิม-

จิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร จักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี วจีสังขาร

ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด และจิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่กำลังดับแก่บุคคลใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๑๙๙] กายสังขารไม่ใช่จักเกิดในภูมิใด ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1239

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๒๐๐] กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ จักเกิดในลำดับแห่ง

จิตใดก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูป-

วจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักดับเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิม-

จิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตก

และไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร จักเกิดในลำดับ

แห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ วจีสังขารไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารจักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1240

ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มี

วิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถ-

ฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักดับ

และกายสังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๐๑] กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิต

ใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิ

ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กาย-

สังขารไม่ใช่จักเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1241

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๐๒] วจีสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจ-

ฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่

กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌานอยู่ก็ดี วจีสังขารไม่ใช่

จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ใน

อสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด ฯ ล ฯ

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

อนาคตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1242

ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๒๐๓] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็เคยดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารเคยดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในปุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารเคยดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ วจีสังขารเคยดับ และกายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น ฯ ล ฯ

ในอุปปาทวาระ ปัจจุปปันนาตีตปุจฉา อนุโลมก็ดี ปัจจนิก

ก็ดี ท่านจำแนกไว้แล้วโดยประการใด, แม้ในอุปปาทนิโรธวาระ

ปัจจุปปันนาตีตปุจฉา อนุโลมก็ดี ปัจจนิกก็ดี ก็พึงจำแนกโดยประการ

นั้น.

ปัจจุปปันนาตีตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1243

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๒๐๔] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ วจีสังขารจักดับ และกายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1244

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๐๕] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารจักดับ

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารจักดับ และกาย-

สังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๐๖] วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1245

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติ

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี จิตตสังขารจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น, ในอุปปาท-

ขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารจักดับ และวจีสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๒๐๗] กายสังขารกำลังเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1246

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๒๐๘] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่

กำลังเข้าปฐมฌานซึ่งเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งลม

อัสสาสะปัสสาสะก็ดี กายสังขารกำลังเกิด และวจีสังขารก็จักดับแก่

บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามา-

วจรภูมิก็ดี เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ ใน

อุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1247

กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, บุคคลที่กำลังเข้า

ปฐมฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลที่

เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิก็ดี วจีสังขารจักดับ และกายสังขารก็กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๐๕] กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตตสังขารจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จิตตสังขารจักดับ

และกายสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1248

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๑๐] วจีสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตตสังขาร

ก็จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจีสังขาร

ก็กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตตสังขารจักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารจักดับ และ

วจีสังขารก็กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1249

ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๒๑๑] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด วจีสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบิตอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปริ-

นิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มี

วิจาร จักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และ

วจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1250

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๑๒] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธ-

สมาบัติอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดัแก่บุคคลใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๑๓] วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1251

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติ

อยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, ใน

ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขาร

ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่

กำลังเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปุคคลวาระ จบ

โอกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ

[๑๒๑๔] กายสังขารไม่ใช่กำลังดับในภูมิใด, ฯ ล ฯ

กายสังขารมูล จบ

โอกาสวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1252

ปุคคโลกาสวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสงขารมูลี :-

[๑๒๑๕] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าปฐมฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในกามาวจรภูมิ

ก็ดี ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะของบุคคลที่เกิดอยู่ในกามา-

วจรภูมิก็ดี เว้นลมอัสสสาสะปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ ใน

อุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิด

อยู่ในอรูปาวจรภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่วจีสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะ

แห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพพานจิต

ที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร จักเกิด

ในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี

ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของ

บุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลังเข้า

จตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี กายสังขารไม่ใช่

กำลังเกิด และวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1253

ก็หรือว่า วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กายสังขาร

ก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี ในอุปปาทขณะ

แห่งลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น แต่กายสังขารกำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังค-

ขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วยปรินิพ-

พานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร

จักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี บุคคลที่กำลังเข้าทุติยฌาน ตติยฌานอยู่ก็ดี

ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะก็ดี เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของ

บุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ ในอุปปาทขณะแห่งจิตก็ดี บุคคลที่กำลัง

เข้าจตุตถฌานอยู่ก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจีสังขาร

ไม่ใช่จักดับ และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมิ

นั้น.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๑๖] กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1254

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นลมอัสสาสะ

ปัสสาสะเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นใน

ภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

ก็ดี กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, กาย-

สังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

วจีสังขารมูล

วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี:-

[๑๒๑๗] วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, จิตต-

สังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เว้นวิตกและ

วิจารเสียแล้ว ในอุปปาทขณะแห่งจิต วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคล

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1255

เหล่านั้นในภูมินั้น แต่จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น,

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี วจี-

สังขารไม่ใช่กำลังเกิด และจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น

ในภูมินั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-

สังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

วจีสังขารมูล จบ

ปัจจุปปันนานาคตวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1256

อตีตานาคตวาระ อนุโลม

ปุคคลวาระ

กายสังขารมูล

กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-

[๑๒๑๘] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตกและมีวิจารก็ดี บุคคลที่ถึง

พร้อมด้วยปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตที่ไม่มี

วิตกและไม่มีวิจาร จักเกิดในลำดับแห่งจิตใดก็ดี กายสังขารเคยเกิด

แก่บุคคลเหล่านั้น แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคล

ที่นอกจากนั้น กายสังขารเคยเกิด และวจีสังขารก็จักดับแก่บุคคล

เหล่านั้น.

ก็หรือว่า วจีสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็เคยเกิดแก่

บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่.

จบ กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1257

กายสังขารมูล จิตตสังขารมูลี :-

[๑๒๑๙] กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขารก็จักดับ

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต กายสังขารเคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้น

แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น, บุคคลที่นอกจากนั้น กาย-

สังขารเคยเกิด และจิตตสังขารก็จักดับแก่บุคคลเหล่านั้น.

ก็หรือว่า จิตตสังขารจักดับแก่บุคคลใด, กายสังขารก็เคยเกิด

แก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?

ใช่ ฯ ล ฯ

จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี

กายสังขารมูล จบ

ในนิโรธวาระ อตีตนาคตปุจฉา อนุโลมก็ดี ปัจจนิกก็ดี

ท่านจำแนกไว้แล้ว โดยประการใด, แม้ในอุปปาทนิโรธวาระ อตีตา-

นาคตปุจฉา อนุโลมก็ดี ปัจจนิก็ดี ท่านผู้ฉลาดก็พึงจำแนกโดย

ประการนั้น, อุปปาทนิโรธวาระ ก็เป็นเช่นกับในนิโรธวาระ, เหตุที่

จะทำให้ต่างกันนั้นไม่มี.

อุปปาทนิโรธวาระ จบ

ปวัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1258

ปริญญาวาระ

[๑๒๒๐] บุคคลใดย่อมรู้แจ้งกายสังขาร, บุคคลนั้นย่อมรู้แจ้ง

วจีสังขาร ใช่ไหม ?

ใช่.

ก็หรือว่า บุคคลใดย่อมรู้แจ้งวจีสังขาร, บุคคลนั้นย่อมรู้แจ้ง

กายสังขาร ใช่ไหม ?

ใช่.

ในขันธยมก ปริญญาวาระ ท่านจำแนกแล้วโดยประการใด

แม้ในสังขารยมก ปริญญาวาระ ก็พึงจำแนกโดยประการนั้น.

ปริญญาวาระ จบ

สังขารยมกที่ ๖ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1259

อรรถกถาสังขารยมก

บัดนี้ เป็นการวรรณนาสังขารยมก อันพระผู้มีพระภาคเจ้า

ทรงแสดงต่อจากสัจจยมกทรงรวบรวมธรรมทั้งหลายมีกุศลเป็นต้น ที่

พระองค์ทรงแสดงแล้วในมูลยมกเหล่านั้นไว้เป็นเอกเทศหนึ่ง ด้วย

สามารถแห่งธรรมที่จะสงเคราะห์ได้. แม้ในสังขารยมกนั้น พึงทราบ

ประเภทแห่งวาระที่เหลือ คือมหาวาระทั้งหลายมีปัณณัตติวาระเป็นต้น

และอันตรวาระเป็นต้น โดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลัง.

ส่วนการแปลกกันในสังขารยมกนี้ มีดังนี้ ใน ปัณณัตติวาระ

ก่อน ปทโสธนวาระว่า รูป รูปกฺขนฺโธ, จกฺขุ จกฺขฺวายตน,

จกฺขุ จกฺขุธาตุ ทุกฺข ทุกฺขสจฺจ ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง

ยกธรรมทั้งหลายมีขันธ์เป็นต้น อันพระองค์ทรงปรารภแล้ว แสดง

แล้วในภายหลังฉันใด แม้สังขาร ๓ เบื้องต้น พระองค์ไม่ทรงปรารภ

แล้วเหมือนอย่างนั้น ( แต่ ) ทรงแสดงจำแนกไว้ว่า อสฺสาสปสฺ-

สาสา กายสงฺขาโร = ลมอัสสาสะ ปัสสาสะ ชื่อว่า กายสังขาร

ดังนี้ เป็นต้น.

ในสังขาร ๓ เหล่านั้น สังขารแห่งกาย ชื่อว่า กายสังขาร.

สังขารอันเป็นผลของกรัชกายอันเกิดแล้วจากเหตุนั่นแหละ

ชื่อว่า กายสังขาร เพราะคำว่า ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น คือลมอัสสาสะ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1260

ปัสสาสะ มีในกาย เนื่องด้วยกาย.

นัยอื่นอีก :- สภาวะใดอันปัจจัยย่อมกระทำพร้อม คือปรุงแต่ง

เหตุนั้นสภาวะนั้น ชื่อว่า สังขาร.

ถามว่า สังขารนั้นอันอะไรย่อมกระทำพร้อม คือปรุงแต่ง.

ตอบว่า สังขารนั้นอันกายย่อมปรุงแต่ง ก็สังขารนี้อันกรัชกาย

ย่อมปรุงแต่งราวกะเครื่องสูบปรุงแต่งลม แม้เมื่อเป็นอย่างนี้

( = ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ) กายสังขาร คือสังขารแห่งกาย อธิบายว่า

ลมอัสสาสะ ปัสสาสะ อันกายกระทำแล้ว.

ก็สภาพใดย่อมปรุงแต่ง เหตุนั้นสภาพนั้น ชื่อว่า สังขาร

เพราะคำว่า " *ดูก่อนวิสาขะ ผู้มีอายุ บุคคลตรึกแล้วตรองแล้วก่อน

จึงพูดต่อภายหลัง เพราะเหตุนั้น วิตกและวิจาร จึงชื่อว่า วจี-

สังขาร " ดังนี้.

ถามว่า อะไรเป็นสังขาร ตอบว่า วจีเป็นสังขาร สังขารแห่ง

วจี ชื่อว่า วจีสังขาร คำว่า วจีสังขารนี้เป็นชื่อว่าของหมวดสองแห่ง

วิตกและวิจาร อันเป็นสมุฏฐานแห่งการเปล่งวาจา.

ก็สภาวะใดอันปัจจัยย่อมปรุงแต่ง เหตุนั้นสภาวะนั้น ชื่อว่า

สังขาร แม้ในบทที่สาม เพราะคำว่า " ธรรมทั้งหลายเหล่านี้ คือ

สัญญาและเวทนา มีในจิต เนื่องด้วยจิต " ดังนี้นั่นแหละ.

ถามว่า อันอะไรย่อมปรุงแต่ง ตอบว่า อันจิตย่อมปรุงแต่ง.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1261

สังขารแห่งจิต ชื่อว่า จิตตสังขาร เพราะกระทำฉัฏฐีวิภัตให้

ลงในอรรถแห่งตติยาวิภัติ คำว่า จิตตสังขาร นี้ เป็นชื่อของเจตสิก

ธรรมทั้งหลายที่มีจิตเป็นสมุศฐานทั้งหมด พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเว้น

วิตกและวิจารเสีย เพราะทรงถือเอาวิตกวิจารเป็นแผนกหนึ่ง โดยความ

เป็นวจีสังขาร.

บัดนี้พระองค์ทรงเริ่มปทโสธนวาระว่า กาโย กายสงฺขาโร

เป็นต้น ยมก ๖ อย่าง คือ ยมก ๓ อย่างในอนุโลมนัย ๓ อย่าง

ในปฏิโลมนัย แห่งปทโสธนวาระนั้น ยมก ๑๒ อย่าง คือ ยมก ๖

อย่างในอนุโลมนัย ๖ อย่างในปฏิโลมนัย เพราะกระทำมูลแห่งสังขาร

หนึ่ง ๆ ในปทโสธนมูลจักกวาระให้เป็นสอง.

ส่วนในสุทธสังขารวาระ ตรัสยมกทั้งหลายไว้โดยนัยเป็นต้นว่า

รูป ขนฺโธ, ขนฺโธ รูป, จกฺขุ อายตน จกฺขุ ดังนี้ ในวาระ

ทั้งหลาย มีสุทธักขันธวาระเป็นต้นฉันใด ก็ตรัสยมก ๖ อย่าง ใน

สุทธิกวาระ แม้ทั้งปวง ฉันนั้น คือ ยมก ๓ อย่างในอนุโลม ๓

อย่าง ในปฏิโลม คือ มีกายสังขารเป็นมูลสอง มีวจีสังขารเป็นมูลหนึ่ง

โดยนัยเป็นต้นว่า กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร, วจีสงฺขาโร กาย

สงฺขาโร ไม่ตรัสว่า กาโยสงฺขาโร, สงฺขาโร กาโย.

ถามว่า เพราะเหตุไร ?

ตอบว่า เพราะความที่แห่งยมก ๖ อย่างเหล่านั้นไม่มีอยู่ด้วย

อำนาจแห่งบทหนึ่ง ๆ ในสุทธิกวาระ เนื้อความย่อมมีด้วยอำนาจการ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1262

ชำระบทหนึ่ง ๆ ในสุทธิกวาระ รูป ขนฺโธ, ขนฺโธ รูป, จกฺขุ

อายตน, อายตน จกฺขุ เพราะในขันธยมกเป็นต้น ทรงประสงค์

เอาขันธ์อันประเสริฐ มีรูปเป็นต้น อายตนะอันประเสริฐ มีจักขุเป็นต้น

ฉันใดในสังขารยมกนี้ ไม่มีเนื้อความว่า กาโย สงฺขาโร สงฺขาโร

กาโย ฉันนั้น ส่วนเนื้อความอันหนึ่งว่า กาโยสงฺขาโร ย่อมได้ด้วย

บท ๒ บท คือกายและสังขาร พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ตรัสว่า กาโย

สงฺขาโร สงฺขาโร กาโย เพราะไม่มีเนื้อความว่า อัสสาสะ หรือ

ปัสสาสะ ด้วยอำนาจการชำระบทหนึ่ง ๆ ในสุทธิกวาระ แต่พึงตรัสว่า

กาโย กายสงฺขาโร เป็นบทต้น แม้คำว่า กาโย กายสงฺขาโร

ย่อมไม่สมควรด้วยบทของกาย วจี และจิต เพราะความที่แห่งสังขาร

ทั้งหลายที่ท่านประสงค์เอาแล้ว ท่านไม่ถือเอาในที่นี้ นี้เป็นสุทธสังขาร-

วาระ อธิบายว่า ก็ในการชำระบท แม้เว้นจากเนื้อความการกล่าวย่อม

ไม่สมควร นัยนั้นท่านถือเอาแล้วในสุทธสังขารวาระ แต่ในปทโสธน-

วาระนี้ ยมก ๖ อย่างย่อมสมควร เพราะกระทำมูลแห่งสังขารหนึ่ง ๆ

คือ กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร, วจีสงฺขาโร กายสงฺขาโร เป็นต้น.

ให้เป็นสอง เพราะความที่แห่งกายสังขารเป็นอย่างหนึ่งจากวจีสังขาร

คือคนละอย่างกับวจีสังขาร เป็นต้น วจีสังขารเป็นอย่างหนึ่งจากจิตต-

สังขารเป็นต้น และจิตตสังขารเป็นอย่างหนึ่งจากสังขารเป็นต้น ใน

ยมก ๖ อย่างเหล่านั้น ย่อมได้ ๓ อย่างเท่านั้น เพราะ นับ

แล้วไม่นับอีก ( อคฺคหิตคฺคหเณน ) เพราะเหตุนั้น จึงตรัส

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1263

ยมกไว้ ๖ อย่าง คือ ๓ อย่างในอนุโลมนัย ๓ อย่างในปฏิโลมนัย

เพื่อแสดงยมก ๓ อย่างนั่นแหละ อธิบายว่า ก็ในสุทธสังขารมูลจักกวาระ

ไม่ทรงถือเอาแล้วในที่นี้ พึงทราบอุทเทสวาระแห่งปัณณัตติวาระด้วย

ประการฉะนี้.

ก็ในอนุโลมแห่งนิทเทสวาระก่อน ชื่อแห่งสังขารทั้งหลายมีกาย

สังขารเป็นต้น ไม่ใช่กายเป็นต้น เพราะเหตุใด เหตุนั้นท่านจึงปฏิเสธ

ว่า โน = ไม่ใช่.

ในปฏิโลม คำถามว่า น กาโย นกายสงฺขาโร ดังนี้ ได้แก่

ย่อมถามว่า ธรรมใดไม่เป็นกาย ธรรมนั้นไม่เป็นแม้กายสังขารหรือ

คำตอบที่ว่า กายสังขารไม่เป็นกาย แต่เป็นกายสังขาร อธิบายว่า

กายสังขารไม่ใช่กาย กายนั้นก็ไม่ใช่กายสังขาร.

คำว่า อวเสสา อธิบายว่า หมวดสองแห่งสังขารที่เหลืออย่าง

เดียวก็หามิได้ แม้ธรรมชาติอันต่างด้วยสังขตบัญญัติที่เหลือแม้ทั้งหมด

อันพ้นแล้วจากกายสังขาร ก็ไม่ชื่อว่ากาย และไม่ชื่อว่ากายสังขาร

พึงทราบเนื้อความในคำวิสัชนาทั้งปวงโดยอุบายนี้ ด้วยประการฉะนี้.

ปัณณัตติวาระ จบ

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1264

ก็ใน ปวัตติวาระ ในสังขารยมกนี้ ในอนุโลมนัยแห่งปุคคล-

วาระในปัจจุบันกาล ยมก ๓ อย่างเท่านั้น คือ ยมกที่มีกายสังขาร

เป็นมูล ๒ อย่าง ที่มีวจีสังขารเป็นมูล ๑ อย่าง ย่อมได้ในคำถามว่า

กายสังขารกำลังเกิดขึ้นแก่บุคคลใด วจีสังขารก็กำลังเกิดขึ้นแก่

บุคคลนั้น หรือ ดังนี้ ยมก ๓ อย่างนั้น ท่านถือเอาแล้ว แม้ใน

ปฏิโลมนัยก็ดี ในวาระทั้งหลายมีโอกาสวาระเป็นต้นก็ดี แห่งปวัตติวาระ

นั้น ก็มีนัยนี้ พึงทราบการนับยมกด้วยอำนาจยมก ๓ อย่างในวาระ

ทั้งปวงในปวัตติวาระอย่างนี้.

ก็ในการวินิจฉัยเนื้อความในปวัตติวาระนี้ พึงทราบลักษณะนี้

ดังต่อไปนี้.

ก็ในสังขารยมกนี้ ประเภทแห่งกาลมีปัจจุบันกาลเป็นต้น พึง

ถือเอาด้วยอำนาจปวัตติกาล ด้วยคำเป็นต้นว่า " ในอุปาทะขณะแห่ง

ลมอัสสาสะปัสสาสะ, ในอุปาทะขณะแห่งการเกิดขึ้นแห่งวิตก

วิจาร " ดังนี้ ไม่พึงถือเอาด้วยอำนาจจุติและปฏิสนธิกาล พึงถือเอา

ด้วยอำนาจแห่งปฏิวัตติกาลด้วยคำเป็นต้นว่า กายสังขารกำลังเกิดขึ้น

ในที่นั้น คือ ในทุติยฌาน ตติยฌาน แม้ในจตุตถฌาน ( ภูมิ )

พึงทราบว่าท่านถือเอาแล้วด้วยอำนาจโอกาสวาระ พึงทราบวินิจฉัยแห่ง

เนื้อความด้วยอำนาจแห่งลักษณะที่ได้นั้น ๆ ในปวัตติวาระนี้ ด้วย

ประการฉะนี้.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1265

พึงทราบนัยมุขในปวัตติวาระนั้นดังต่อไปนี้ คำว่า เว้นวิตก

วิจาร ท่านกล่าวแล้วด้วยอำนาจทุติยฌาน และตติยฌาน บทว่า เตส

ได้แก่ ความพร้อมเพรียงแห่งทุติยฌานและตติยฌานของบุคคลเหล่านั้น

บทว่า กามาวจราน ได้แก่ สัตว์ผู้เกิดแล้วในกามาวจรภูมิ แต่ว่า

ลมอัสสาสะ ปัสสาสะ ย่อมไม่มีแก่เทวดาในรูปาวจรภูมิ รูปนั่นแหละ

ย่อมไม่มีแม้แก่เทวดาในอรูปาวจรภูมิ.

คำว่า เว้น ลมอัสสาสะ ปัสสาสะ ดังนี้ ท่านกล่าวหมาย

เอาการเกิดขึ้นแห่งวิตกวิจารของสัตว์ผู้เกิดแล้วในรูปภพและอรูปภพ.

คำว่า ในปฐมฌาน ในกามาวจร ดังนี้ ได้แก่ในปฐมฌาน

ที่เกิดขึ้นแล้วในกามาวจรภูมิ ก็ปฐมฌาน ในกามาวจรภูมินี้ ท่านถือ

เอาด้วยอำนายมรรคอันเลิศ (อรหัตมรรค) หาถือเอาด้วยอำนาจอัปปนา

ไม่ เพราะว่าหมวดสองแห่งสังขารนี้ย่อมเกิดขึ้นในจิตที่เป็นไปกับด้วย

วิตกวิจาร แม้ที่ยังไม่ถึงอัปปนา.

คำนี้ว่า ในภังคขณะแห่งจิต ท่านกล่าวไว้แล้ว เพราะความ

ที่แห่งกายสังขารมีจิตเป็นสมุฏฐานแน่นอน เพราะจิตเมื่อเกิดอยู่นั่น-

แหละย่อมยังรูปหรืออรูปให้เกิดขึ้น เมื่อดับอยู่ย่อมไม่ยังรูปหรืออรูปให้

เกิดขึ้น.

คำว่า ครั้นเมื่อจิตดวงที่สองแห่งสุทธาวาสพรหมเป็นไปอยู่

ได้แก่ ภวังคจิต อันเป็นจิตดวงที่สองนับแต่ปฏิสนธิจิต คำนั้นท่าน

กล่าวแล้วเพื่อแสดงว่า ภวังคจิตนั้น แม้เมื่อปฏิสนธิจิตเป็นไปอยู่

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1266

ไม่เคยเกิดขั้นแล้วแก่พรหมในสุทธาวาสภูมินั้น แม้ก็จริง แต่วิบากจิต

ที่ไม่ปะปนกันย่อมเป็นตลอดกาลเพียงไร ชื่อว่า ไม่เคยเกิดขึ้น

ตลอดกาลเพียงนั้นนั่นแหละ, พรหมเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วด้วยวิบากจิต

ของฌานใด วิบากจิตของฌานนั้น เมื่อเกิดอยู่ แม้โดยร้อย ( ครั้ง )

บ้าง แม้โดยพัน ( ครั้ง ) บ้าง ชื่อว่า ปฐมจิต นั่นแหละ, หมายถึง

ภวังค์ที่เกิดต่อจากปฏิสนธิจิต.

ส่วน อาวัชชจิต ในภวนิกันติ ( ชวนะ ) ไม่เป็นเช่นกับ

ด้วยวิบากจิต ( เพราะอาวัชชจิตเป็นกิริยาจิต ) ชื่อว่า ทุติยจิต

พึงทราบว่า คำว่า ทุติยจิต นั้น ท่านกล่าวหมายเอา อาวัชชนจิต

นั้น.

คำว่า แห่งบุคคลผู้พร้อมเพียงด้วยปัจฉิมจิต ได้แก่ พระ-

ขีณาสพผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่ไม่เป็นปัจจัยแก่ปฏิสนธิ อันเป็นจิตดวง

สุดท้ายแห่งจิตทั้งปวง.

คำว่า ซึ่งปัจฉิมจิตอันไม่มีวิตกไม่มีวิจาร นี้ ท่านกล่าวแล้ว

ด้วยอำนาจจุติจิตที่ประกอบด้วยทุติยฌานของรูปาวจรบุคคล และด้วย

อำนาจจุติจิตที่ประกอบด้วยจตุตถฌานของรูปาวจรบุคคล บทว่า เตส

ได้แก่ ความพร้อมเพรียงแห่งปัจฉิมจิตเป็นต้น ของบุคคลเหล่านั้น.

ท่านให้คำตอบรับว่า ถูกแล้ว ( ใช่ ) เพราะความดับไปใน

ขณะหนึ่ง ๆ ของกายสังขารพร้อมกับจิตตสังขารโดยแน่นอน มิได้ตอบ

รับรองเพราะการดับแห่งจิตตสังขารพร้อมกับกายสังขาร.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1267

ถามว่า เพราะเหตุไร ?

ตอบว่า จิตตสังขารแม้เว้นจากกายสังขารย่อมเกิดขึ้นด้วยย่อม

ดับด้วย ส่วนกายสังขารมีจิตเป็นสมุฏฐาน

ลมอัสสาสะปัสสาสะ และรูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน เกิดขึ้นแล้วใน

อุปาทขณะแห่งจิตย่อมตั้งอยู่ตราบเท่าที่จิต ๑๖ ดวง เหล่าอื่นอีก

เกิดขึ้น.

หลายบทว่า เตส โสฬสนฺน สพฺพปจฺฉิเมน สทฺธึ

นิรุชฺฌติ ได้แก่ รูปอันมีจิตเป็นสมุฏฐานย่อมเกิดขึ้นพร้อมกับจิตดวง

ใด ย่อมดับไปพร้อมกับจิตที่ ๑๗ จำเดิมแต่จิตนั้น ย่อมไม่ดับไปใน

อุปาทะหรือฐีติขณะแห่งจิตดวงใด ๆ และย่อมไม่เกิดขึ้นแม้ในภังคขณะ

ท่านกล่าวว่า อามนฺตา = ใช่ เพราะความดับไปในขณะหนึ่ง ๆ พร้อม

กับจิตตสังขารโดยแน่นอนว่า นี้เป็นธรรมดาของรูปที่มีจิตเป็นสมุฏ-

ฐาน.

แต่ว่า ในอรรถกถาสิงหลแห่งวิภังคปกรณ์ ท่านกล่าวไว้ว่ารูป

ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานย่อมดับไปในอุปาทขณะแห่งจิตดวงจิตดวงที่ ๑๗

ดังนี้ คำกล่าวนั้นย่อมผิดจากพระบาลีนี้ ท่านกล่าวแล้วในพระบาลีว่า

" ก็บาลีนั่นแหละมีกำลังกว่าอรรถกถา " พึงถือเอาคำกล่าวนั้นเป็น

ประมาณ.

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 1268

ในคำถามนี้ว่า กายสังขารย่อมเกิดแก่บุคคลใด วจีสังขาร

ก็ย่อมดับแก่บุคคลนั้นหรือ ดังนี้ ท่านปฏิเสธว่า ไม่ใช่ เพราะ

กายสังขารย่อมเกิดขึ้นในอุปาทขณะแห่งจิต แต่วิตกวิจารย่อมดับไปใน

ขณะนั้นหามิได้ พึงทราบวินิจฉัยในที่ทั้งปวงโดยนัยมุขนี้ปริญญาวาระ

เป็นไปโดยปกตินั่นแหละ.

อรรถกถาสังขารยมก จบ